มาถึงตอนนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะเห็นภาพแล้วว่า ตลาดในอีก 1-2 ปีข้างหน้าน่าจะมีความผันผวนสูงจากหลากหลายปัจจัย วันนี้เลยอยากพามารู้จักอีกหนึ่งเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการบริหารความเสี่ยง และช่วยสร้างกระแสเงินสดได้ดีในช่วงตลาดผันผวน นั่นก็คือ “Options”
ออปชัน (Options) คือสัญญาซื้อหรือขายสินทรัพย์ (เช่น หุ้น ทอง ฯลฯ) ในราคาหนึ่ง ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
นึกง่าย ๆ ว่าเหมือน "ตั๋ว" ที่ให้สิทธิ์แลกซื้อหรือขายสินทรัพย์นั้น ๆ ถ้าคาดการณ์ถูกและมีกำไรก็ใช้สิทธิ์ ถ้าไม่มีกำไรก็แค่ไม่ต้องใช้ เท่านี้เอง
ตัวอย่างเช่นเราซื้อตั๋วที่ให้สิทธิ์ในการซื้อหรือที่จะเรียกว่า Call Options โดยจะเราซื้อ Call Options ก็ต่อเมื่อมองว่า “ราคาจะขึ้น” เพราะเรามีสิทธิซื้อในราคาถูกกว่าราคาตลาด
เช่น มี Call Options ซื้อหุ้น A ในราคา 100 บาท ถ้าหุ้นจริงขึ้นไป 120 บาท ใช้สิทธิ์ซื้อที่ 100 แล้วขายที่ 120 เท่ากับได้กำไร แต่ในทางกลับกันถ้าหากราคาหุ้นลงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ ก็ไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ก็ต้องปล่อยให้ตั๋วหมดอายุไป
แต่ก็แน่นอนว่านอกจาก Call Options แล้วก็ยังมี “Put Options” หรือสิทธิ์ในการขาย ที่จะเอาไว้ใช้ในเวลาที่มองว่าราคาจะลงนั่นเอง
ซึ่งแน่นอนว่าการปล่อยให้ตั๋วหมดอายุไปก็จะทำให้เราขาดทุนเช่นกัน เนื่องจากการที่จะได้รับตั๋วทีเรียกว่า Options มาเราจะต้องจ่าย Premium ที่คล้ายกับเบี้ยประกันให้กับผู้ออก ดังนั้นในมุมของ คนที่ “ขาย” Options ไม่ว่าจะเป็น Call หรือ Put สิ่งที่ได้รับคือ ค่า Premium ซึ่งเปรียบเสมือนรายได้ล่วงหน้า ส่วนในมุม “คนซื้อ” ก็จะเป็นต้นทุนตัวหนึ่งที่จ่ายไปก่อนเพื่อประกันความเสี่ยง
สมมติว่าราคาหุ้นไม่ได้เคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ทำให้คนซื้อ Options ได้กำไร คนขาย Options ก็จะได้เก็บค่า Premium ไปฟรี ๆ หรือในอีกแง่นึงผู้ซื้อ Options ก็จะขาดทุนเท่ากับค่า Premium นั่นเอง
แล้วในช่วงที่ตลาดผันผวนแบบนี้ค่า Premium จะอยู่ในระดับที่สูงกว่าปกติด้วย ซึ่งก็จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับผู้ออก Options ได้ดี
ในฐานะผู้ออก Options นักลงทุนสามารถใช้กลยุทธ์นี้ควบคู่กับพอร์ตได้ดีมาก เช่น ถ้ามีหุ้นอยู่ในมือ ก็สามารถ “ขาย Call Options” ทับได้ (เรียกว่า Covered Call) เพื่อสร้างกระแสเงินสดกลับเข้าพอร์ต โดยเฉพาะในช่วงที่มองว่าราคาหุ้นไม่น่าจะขึ้นไปไกลมาก ก็สามารถเก็บค่า Premium ได้อย่างสม่ำเสมอ
ตัวอย่างกองทุนที่ใช้กลยุทธ์ Options ก็คือ K-GPINUH-A(A)
หนึ่งในกองทุนยอดนิยมช่วงตลาดผันผวนคือ K-GPINUH-A(A) ซึ่งใช้กลยุทธ์นี้อย่างเป็นระบบเน้นสร้าง “กระแสเงินสด” เป็นหลัก
กระจายลงทุนในหุ้น Defensive ทั่วโลกเน้นรับเงินปันผล
สร้างกระแสเงินสดเพิ่มเติมจากการการขาย Call Options
ช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงด้วยกลยุทธ์เชิงป้องกัน
นอกจากนี้ กองทุนยังมีนโยบาย “ไม่ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน” ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสสร้างกำไรเพิ่มเติมจากค่าเงิน เช่น ถ้าเงินบาทอ่อนค่าในอนาคต ก็มีโอกาสรับกำไรเพิ่มจากอัตราแลกเปลี่ยนด้วย
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน K-GPINUH-A(A) เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่: https://www.kasikornbank.com/k_458WqKG