ช่วงเวลานี้ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มถูกจับตาจากนักลงทุนมากขึ้นจากหลากหลายปัจจัยที่ทำให้น่าสนใจ ทั้งสัญญาณฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
แล้วถ้ามองในมุมของมูลค่าก็ยังถือว่าถูกกว่าตลาดหุ้นสหรัฐอยู่พอสมควร หรือแม้แต่อุตสาหรรมเทคโนโลยีเองก็มีการพัฒนาต่อเนื่อง เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยี และรถ EV โดยได้รับเงินสนับสนุนจากโครงการ Green Deal และ NextGenerationEU ของสหภาพยุโรป
ดังนั้นในชั่วโมงนี้ตลาดยุโรปเลยจะเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการ กระจายความเสี่ยงออกจากสหรัฐ พร้อมหาโอกาสลงทุนใน หุ้นคุณภาพในราคาที่ถูก
KWealth จะพาไปดูต่อกันว่าแล้วถ้าอยากลงทุนหุ้นยุโรป มีกองทุนไหนที่น่าสนใจกันบ้าง
กระจายลงทุนหุ้นยุโรปง่าย ๆ ด้วยกองทุน K-EUX กองทุน Passive ที่ลงทุนใน ETF จาก BlackRock iShares Core Euro STOXX อ้างอิงดัชนี EURO STOXX 50
ครอบคลุมหุ้นใหญ่แต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมในยุโรป บริหารแบบ Physical Replication ถือหุ้นจริง มีสภาพคล่องดีป้องกันความเสี่ยงค่าเงินไม่น้อยกว่า 75%
จุดเด่นมีค่าบริหารจัดการ (Management Fee) แค่ 0.7331% ต่อปี แถมไม่มีค่าธรรมเนียมตอนซื้อ เหมาะกับคนที่มองหาโอกาสลงทุนในหุ้นยุโรป ที่คาดหวังผลตอบแทนล้อไปตามดัชนี STOXX50
ตัวอย่างหุ้น TOP3 ของกองทุน K-EUX
- SAP SE (SAP)
บริษัทซอฟต์แวร์จากเยอรมนี รายใหญ่ของโลก เชี่ยวชาญด้านระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่องค์กรใช้จัดการข้อมูลภายใน เช่น การเงิน โลจิสติกส์ บุคลากร รายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์และบริการคลาวด์
- ASML Holding NV (ASML)
ผู้นำด้านเครื่องจักรผลิตชิปจากเนเธอร์แลนด์ ผลิตเครื่อง EUV Lithography ที่จำเป็นในการผลิตชิประดับนาโน เช่น ชิปของ TSMC, Intel แทบไม่มีคู่แข่ง รายได้โตตามอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
- Siemens AG (SIE)
กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี ทำตั้งแต่ระบบ Automation พลังงาน รางรถไฟ ไปจนถึงเทคโนโลยีดิจิทัลรายได้กระจายหลากหลาย และกำลังเร่งทรานส์ฟอร์มสู่บริษัทเทคโนโลยีอุตสาหกรรมเต็มตัว
อีกหนึ่งทางเลือก ES-EG-A ลงทุนกับกองทุนหลัก Wellington Strategic European Equity เลือกหุ้นแบบHigh Conviction เพียง 65 ตัว
บริหารกองทุนแบบ Active เน้นลงทุนในหุ้นยุโรปพื้นฐานดีที่คาดว่าจะมีผลประกอบการและกระแสเงินสดที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยตลาด พร้อมปิดความเสี่ยงค่าเงินเกือบ 100% การันตีคุณภาพด้วย Morningstar 5 ดาว
เหมาะกับคนที่เชื่อมั่นศักยภาพหุ้นยุโรป และมองการเติบโตในระยะยาว
ตัวอย่างหุ้น TOP3 ของกองทุน ES-EG-A
- British American Tobacco (BATS)
บริษัทบุหรี่รายใหญ่ของโลกจากอังกฤษ ขายสินค้าบุหรี่ และผลิตภัณฑ์นิโคติน เช่น บุหรี่ไฟฟ้า รายได้มั่นคงจากสินค้าที่ลูกค้าติด แต่อยู่ในธุรกิจที่เผชิญแรงต้านเรื่องสุขภาพ
- Unilever PLC (ULVR)
เจ้าของแบรนด์สินค้าอุปโภคบริโภคระดับโลก มีสินค้าหลากหลาย เช่น Dove, Sunsilk, Knorr, Magnum ธุรกิจโตตามการบริโภคทั่วโลก รายได้กระจายหลายประเทศและหลายหมวดสินค้า
- Haleon PLC (HLN)
ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพระดับโลก แบรนด์ชั้นนำอย่าง ยาสีฟัน Sensodyne, ผลิตภัณฑ์ดูแลฟันปลอม Polident, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Centrum
แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเติบโตที่สูงก็ต้อง K-EUSMALL ลงทุนกองทุนหลัก Invesco Continental European Small Cap Equity Fund กองทุนหุ้นยุโรปขนาดเล็กชื่อดัง
กองทุนจะคัดหุ้นพื้นฐานดีแบบเน้น ๆ ถือเพียง 42 ตัว มีกลยุทธ์การเลือกหุ้นยุโรป Small Cap ที่ยังมี Forward P/E ต่ำกว่ากลุ่มใหญ่
ดังนั้น K-EUSMALL เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง รับความเสี่ยงได้มากกว่าการลงทุนหุ้นขนาดใหญ่
ตัวอย่างหุ้น TOP3 ของกองทุน K-EUSMAL
- BAWAG Group AG (BAWG)
ธนาคารจากออสเตรีย เน้นปล่อยสินเชื่อ-บริการการเงินโฟกัสลูกค้ารายย่อยและ SME ในยุโรป มีผลประกอบการมั่นคง เน้นประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ
- Asker Healthcare Group (ASKER)
บริษัทจากสวีเดน ทำธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ ส่งสินค้าให้โรงพยาบาล คลินิก และหน่วยงานสุขภาพทั่วยุโรป ได้ประโยชน์จากแนวโน้มสังคมสูงวัย และการลงทุนด้านสาธารณสุข
- SigmaRoc PLC (SRC)
บริษัทวัสดุก่อสร้างจากอังกฤษ ผลิตหินปูน ซีเมนต์ และวัสดุพื้นฐานใช้ในโครงการก่อสร้าง โตผ่านการซื้อกิจการในยุโรป เน้นประสิทธิภาพการผลิตและซัพพลายโลคอล
แม้แต่ละกองทุนจะลงทุนยุโรปเหมือนกันแต่ละเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันอย่างมาก การเลือกกองทุนให้เหมาะกับเป้าหมายการลงทุน ระดับความเสี่ยงก็ถือว่าต้องคิดและพิจารณาให้ดีเช่นกัน
✅ ลงทุนง่ายผ่าน K PLUS