หุ้นเทคเอเชียมีราคาถูกกว่าแต่โตแรงกว่า:บริษัทเทคในเอเชียหลายแห่งมี Valuation (P/E) ที่ต่ำกว่าบริษัทคู่แข่งยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ อย่างชัดเจน เช่น BYD มี P/E ในระดับ 10 กว่า ในขณะที่ Tesla มี P/E เกิน 100 แต่ BYD กลับเป็นผู้นำในด้านยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกแล้ว
ปัจจัยเชิงมหภาคหนุน Flow ไหลเข้า: แนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดดอกเบี้ย ทำให้ เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลให้กระแสเงินทุนลงทุน (Fund Flow) ไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะตลาดหุ้น
4 กลุ่มเทคเอเชียที่เป็นดาวเด่น: อุตสาหกรรมเทคเอเชียแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักที่น่าสนใจ ได้แก่ 1. E-commerce/Internet Economy (รับการเติบโตของชนชั้นกลางในเอเชีย), 2. Gaming (ญี่ปุ่นเป็นผู้นำระดับโลก), 3. Semiconductor (อยู่ในซัพพลายเชน AI และ Memory), และ 4. EV (จีนมีความได้เปรียบจากซัพพลายเชนครบวงจร
ความได้เปรียบด้าน Supply Chain ของจีน: อุตสาหกรรมในจีน เช่น EV มีจุดเด่นเรื่อง Supply Chain ที่ครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้ได้เปรียบเชิงต้นทุน (Cost Advantage) และสามารถทำราคาแข่งขันได้สูง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การชนะสงครามราคา
กองทุนแนะนำสำหรับนักลงทุน: 2 กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคเอเชีย คือ K-ATECH (กระจายตัวทั่วเอเชียมากกว่า และครอบคลุมทั้ง 4 ธีม) และ MATECH (เน้นน้ำหนักในจีนสูงกว่า 40% และเน้นกลุ่ม Semiconductor) โดยควรเลือกให้เหมาะสมกับสัดส่วนการลงทุนในพอร์ตเดิม