ประสบการณ์การลดหย่อนภาษีของฟรัง ฟรัง นรีกุล ตัวแทนของคน Gen Z เริ่มต้นลดหย่อนภาษีจากการที่คุณพ่อคุณแม่ช่วยซื้อกองทุน LTF และประกันให้ตั้งแต่สมัยมัธยม แต่เพิ่งมาเรียนรู้และพบว่าพอร์ต LTF มีการขาดทุน (ติดลบ) ในภายหลัง
การจัดการ LTF ที่ขาดทุน: สำหรับกองทุน LTF ที่ยังไม่ได้ขายคืนและติดลบ แนะนำทางเลือก 2 ทาง คือ ถือต่อเพื่อรอการฟื้นตัว หรือขายเพื่อนำเงินไปลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ เช่น ThaiESG หรือ RMF เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้อีกครั้ง
ทัศนคติต่อการทำประกันของฟรัง: ฟรังซื้อประกันสุขภาพและประกันชีวิตด้วยตัวเองโดยมองว่าเป็นพื้นฐานทางการเงินและเป็น "เบาะรอง" สำหรับความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม เธอตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและสภาพคล่องของประกันชีวิต เมื่อเทียบกับเบี้ยที่จ่ายไป ในขณะที่เธอยังไม่มีภาระหรือคนข้างหลังที่ต้องดูแล
ความไม่สนใจ RMF ฟรังไม่สนใจการลงทุนในกองทุน RMF (เพื่อการเกษียณ) เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านระยะเวลาถือครองที่ยาวนานถึงอายุ 55 ปี ขณะที่คุณผึ้งชี้แจงว่า RMF เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระในการสร้างเงินก้อนเพื่อการเกษียณและได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีควบคู่กัน
คำแนะนำสำหรับ Gen Z เครื่องมือลดหย่อนภาษีที่แนะนำสำหรับวัยเริ่มต้นทำงาน ได้แก่ ThaiESG (ลงทุน 5 ปี, ลดหย่อนได้สูงสุด 300,000 บาท), RMF (ลงทุนระยะยาวเพื่อเกษียณ) และ ประกันชีวิต/สุขภาพ (ลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท) โดยย้ำว่าการลดหย่อนภาษีเป็น "ของแถม" ที่สำคัญที่สุดคือการซื้อตามวัตถุประสงค์และให้ได้ "ใช้" จริง