ตอบทุกข้อสงสัย มะเร็งปอดอาการเป็นอย่างไร มีโอกาสหายไหม
มะเร็งปอด หนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยในปัจจุบัน
เนื่องจากในระยะเริ่มแรก มักจะไม่แสดงอาการใด ๆ
ทำให้ผู้ป่วยที่ไม่ได้เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี
ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าตนเองเป็นมะเร็งปอด และไม่ได้เข้ารับการรักษา
จนเซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
แน่นอนว่าในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับโรคมะเร็งปอด ทั้งอาการ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรค และระยะของมะเร็ง เพื่อให้คุณตระหนักถึงสัญญาณเตือนของโรค และเข้ารับการรักษาได้ทันเวลา
รู้จัก โรคมะเร็งปอด ภัยร้ายใกล้ตัว
มะเร็งปอด เป็นโรคที่เกิดจากการแบ่งตัวแบบผิดปกติของเซลล์ภายในปอดอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ทำให้เซลล์ที่เสียหายเกิดการกลายพันธุ์เป็นก้อนเนื้อร้าย
ซึ่งโดยปกติแล้วมะเร็งปอดจะเริ่มต้นจากการเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ปอด แล้วลุกลามไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ
โดยสามารถแบ่งประเภทของมะเร็งปอดได้เป็น 2 ชนิด ดังนี้
1. มะเร็งปอดชนิดขนาดเซลล์เล็ก (Small cell lung cancer)
เป็นชนิดที่สามารถพบได้ประมาณร้อยละ 10-25 ของมะเร็งปอดทั้งหมด และเป็นชนิดที่สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็ว โดยมะเร็งชนิดนี้จะสร้างสารเคมีบางอย่างทำให้เกิดความผิดปกติกับระบบต่อมไร้ท่อ (ฮอร์โมน) ในร่างกาย สำหรับการรักษาจะตอบสนองกับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและรังสีรักษาได้ดี ทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสดีขึ้น แต่โอกาสหายขาดนั้นเป็นไปได้น้อย
2. มะเร็งปอดชนิดขนาดเซลล์ไม่เล็ก (Non-small cell lung cancer)
เป็นชนิดที่สามารถพบได้ประมาณร้อยละ 75-90 ของมะเร็งปอดทั้งหมด และเป็นชนิดที่มีโอกาสตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นได้มากกว่าเพราะมีการดำเนินโรคที่ช้ากว่า โดยหากพบในระยะแรกจะรักษาด้วยการผ่าตัดเอาก้อนและต่อมน้ำเหลืองออก บางรายอาจมีการรักษาร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด ใช้รังสีรักษา หรือการรักษาเสริมอื่น ๆ ซึ่งเป็นชนิดที่มีโอกาสหายขาดได้
มะเร็งปอดมีกี่ระยะ
สำหรับระยะของโรคมะเร็งปอด จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะใหญ่ ๆ ดังนี้
1. มะเร็งปอดชนิดขนาดเซลล์เล็ก มี 2 ระยะ (มีระยะจำกัด และ ระยะลุกลาม)
- ระยะจำกัด (Limited-Stage) เป็นระยะที่พบมะเร็งอยู่ในปอด 1 ข้าง และต่อมน้ำเหลืองข้างเคียงเท่านั้น
- ระยะลุกลาม (Extensive-Stage) เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกนอกบริเวณช่องทรวงอกข้างนั้น หรือแพร่สู่อวัยวะอื่น ๆ ของร่างกาย
2. มะเร็งปอดชนิดขนาดเซลล์ไม่เล็ก มี 4 ระยะ (มีระยะที่ 1-4)
- ระยะที่ 1 ก้อนมะเร็งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่าหรือเท่ากับ 5 เซนติเมตร และยังไม่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ
- ระยะที่ 2 ก้อนมะเร็งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร มีการลุกลามไปยังเยื่อหุ้มปอดชั้นนอก และผนังหน้าอก หรือมีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้กับก้อนมะเร็ง
- ระยะที่ 3 ก้อนมะเร็งมีขนาดใหญ่ และมีการลุกลามไปอวัยวะที่อยู่ข้างเคียง รวมถึงมีการแพร่กระจายไปที่ปอดกลีบอื่น ๆ ในข้างเดียวกัน หรือต่อมน้ำเหลืองที่กลางช่องอก
- ระยะที่ 4 มะเร็งที่กระจายออกนอกช่องอก เริ่มกระจายไปยังเยื่อหุ้มปอดหรืออวัยวะอื่น ๆ
ปัจจัยเสี่ยงในการเกิด โรคมะเร็งปอด
- การสูบบุหรี่หรือได้รับควันบุหรี่ เป็นปัจจัยหลักที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดมากที่สุด โดยการสูบบุหรี่จะส่งผลให้เซลล์หลอดลมเกิดการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งผู้ที่สูบบุหรี่จัด จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 เท่า
- การสัมผัสหรือสูดดมสารพิษ เช่น สารแอสเบสตอส หรือแร่ใยหินที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า และหากสูบบุหรี่ร่วมด้วยก็จะมีโอกาสมากกว่าคนทั่วไปถึง 90 เท่า
- โรคปอด ผู้ที่เคยมีแผลเป็นของโรคที่ปอด เช่น เคยเป็นวัณโรคปอด หรือผู้ที่ป่วยเป็นโรคถุงลมโป่งพอง จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงกว่าบุคคลทั่วไป
มะเร็งปอดมีอาการยังไง
อาการมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกมักจะไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา ซึ่งแม้ว่าอาการไอจะเป็นอาการเริ่มต้นของมะเร็งปอด แต่เนื่องจากเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ได้เข้ารับการรักษาจนมะเร็งได้พัฒนาเข้าสู่ระยะลุกลาม สำหรับอาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- ไอเรื้อรัง หรือไอเป็นเลือด
- หอบเหนื่อย หายใจลำบาก เนื่องจากก้อนมะเร็งโตขึ้นจนทำให้เนื้อที่ปอดสำหรับหายใจลดน้อยลง
- เจ็บหน้าอกเวลาหายใจ
- ปอดอักเสบ มีไข้
- เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- หน้า แขน คอ และทรวงอกมีอาการบวมเนื่องจากมีเลือดดำคั่ง
- ปวดกระดูก
ซึ่งผู้ที่มีอาการเหล่านี้ ควรได้รับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัด เพราะอาจจะเกิดจากโรคอื่น ๆ ของปอดได้เช่นกัน
เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
แม้ว่าอาการที่เราได้กล่าวไปข้างต้นจะไม่ใช่อาการที่แน่ชัดของการเป็นโรคมะเร็งปอด แต่ก็ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยในทันที เพราะหากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอด ก็จะได้ทำการรักษาโดยเร็วที่สุด ซึ่งการได้รับการรักษาเมื่อยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยจะมีโอกาสหายขาดได้มากกว่าผู้ที่ปล่อยให้มะเร็งลุกลาม หรือแพร่กระจายไปอวัยวะอื่น ๆ
สำหรับคนที่สงสัยว่า เป็นมะเร็งปอดมีโอกาสหายไหม? ก็ต้องบอกว่า มีโอกาสรักษาให้หายถึงร้อยละ 90 หากตรวจพบและเข้ารับการรักษาตั้งแต่ยังอยู่ในระยะเริ่มแรก แต่อย่างที่เราได้บอกไปว่า อาการของมะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นนั้นไม่แสดงอาการที่ชัดเจน ทำให้เมื่อตรวจพบมะเร็งก็อยู่ในระยะที่มีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ แล้ว ดังนั้น จึงควรให้ความสำคัญกับการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด เช่น การสูบบุหรี่ การได้รับควันบุหรี่ การอยู่ในสถานที่ที่มีสารพิษ หรือฝุ่นควันเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย เป็นต้น
แต่แน่นอนว่าสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สารพิษที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปอดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ก็คงจะไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ ดังนั้น
การทำประกันโรคร้ายแรงที่ให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งและโรคร้ายแรงอื่นๆ
ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจว่า
จะได้รับการรักษาที่ดีและเต็มที่ที่สุดโดยไม่กระทบกับเงินเก็บของตัวเองอย่างแน่นอน
ช่วยค้นหาประกันที่ใช่
ดูแล คุ้มครองได้ตรงใจคุณ
เพียงเลือกสิ่งที่คุณสนใจ และให้เราเลือกประกัน
ที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ