10 Checklists เดินทางต่างประเทศ เดินทางท่องเที่ยว อย่างมั่นใจไร้กังวล

สิ่งแรกก่อนเดินทางไปต่างประเทศนั้น ต้องเตรียมหนังสือเดินทาง (Passport) ก่อน โดยสิ่งที่เจอกันบ่อยๆ คือ ต้องตรวจสอบวันหมดอายุของหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอต นั้น ต้องมีอายุอย่างน้อย 6 เดือน โดยนับจากวันเดินทางออกจากประเทศไทย กรณีวันหมดอายุเหลือน้อยกว่า 6 เดือน หรือ หมดอายุแล้ว ต้องดำเนินการทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่

เพื่อความรวดเร็วในการทำหนังสือเดินทาง ให้จองคิวล่วงหน้า

• แนะนำจองคิวล่วงหน้า ผ่านเว็บไซด์กรมการกงศุล กระทรวงต่างประเทศ https://www.qpassport.in.th ซึ่งสามารถเลือกวันเวลา และสำนักงานสาขาที่สะดวกได้เลย

สถานที่ให้บริการหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 4 มิถุนายน 2567 จากเว็บไซด์กระทรวงต่างประเทศ)

การเดินทางไปต่างประเทศนั้น จุดหมายปลายทางที่ต้องการไปนั้นเพื่อการท่องเที่ยวนั้น แบ่งเป็น 2 กรณี

2.1 ไม่ต้องขอวีซ่า (Free VISA) ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยบุคคลทั่ว (ธรรมดา) ประเทศและดินแดนที่สามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า ได้ทั้งหมด 36 ประเทศ/ดินแดน เช่น จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน รัสเซีย สาธารณรัฐเกาหลี เป็นต้น (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2567) โดยแต่ละประเทศ มีข้อกำหนดแตกต่างกันไป ในเรื่องของจำนวนวันพักอาศัย ทั้งนี้สามารถตรวจสอบรายชื่อประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่า หรือ ฟรีวีซ่า ในการเดินทางทั้งหมด คลิกที่นี่
2.2 ต้องขอวีซ่า (Visa Required) ประเทศที่ไม่ได้อยู่ตามรายชื่อข้างต้น หรือ กรณีต้องการอยู่อาศัยมากกว่าที่กำหนดนั้น ต้องมีการขอวีซ่า โดยข้อกำหนดจะแตกต่างกันไปของแต่ละประเทศ โดยมีวีซ่ามีหลายชนิด ซึ่งขั้นตอนการขอวีซ่า อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของวีซ่าที่คุณต้องการ ปลายทางที่จะเดินทาง และกฎระเบียบของประเทศ

ทั้งนี้แนะนำให้ติดต่อสถานเอกอัครระหว่างประเทศ(สถานทูต)ที่ตั้งอยู่หรือสอบถามข้อมูลจากเว็บไซต์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า
โดยทั่วไปแล้ว สถานทูตจะเอกสารขอวีซ่าดังนี้

1. ฟอร์มคำร้องขอวีซ่า ของแต่ละสถานทูต แนะนำจองคิวออนไลน์ผ่านเว็บไซด์สถานทูต หรือ ตัวแทนหน่วยงานสถานทูต
2. รูปถ่าย / สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาทะเบียนบ้าน / ใบจดทะเบียนสมรส
3. เอกสารแสดงรายได้ และรายการเดินบัญชี ใช้เอกสารดังนี้
   1. 3.1 สลิปเงินเดือน และ หนังสือรับรองการทำงาน กรณีลูกจ้างบริษัท
   2. 3.2 หนังสือรับรองบริษัท กรณีเจ้าของกิจการ
   3. 3.3 รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) 6 เดือน
   4. 3.4 หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน

เมื่อยื่นเอกสารทั้งหมดแล้วนั้น การขอวีซ่านั้น สถานทูตจะพิจารณาคำร้องตามหลักเกณฑ์ของแต่ละสถานทูต โดยพิจารณาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น แผนการเดินทาง ที่พัก โดยวิธีการของแต่ละสถานทูตจะแตกต่างกันไป

เพราะราคาตั๋วเครื่องบิน ขยับขึ้นลงตลอด ดังนั้นแนะนำเทคนิคการจองตั๋วเครื่องบิน ดังนี้

1. จองล่วงหน้า: การจองตั๋วล่วงหน้ามักจะได้ราคาที่ถูกกว่า โดยเฉพาะหากจองก่อนเดินทางหลายเดือน
2. เปรียบเทียบราคา: การจองผ่านเว็บไซด์สายการบินโดยตรงอาจจะไม่ใช่ราคาที่ดีเสมอไป ดังนั่นแนะนำควรใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาต่างๆ เช่น Skyscanner, Google Flights, Trips.com เพื่อหาเที่ยวบินที่ถูกที่สุด





ตัวอย่างการเปรียบเทียบ ค้นหาเที่ยวบิน ผ่าน google flights โดยเลือกจุดหมายปลายทาง วันที่เดินทาง และโดยสามารถ filter รายละเอียดที่ต้องการ เช่น เที่ยวบินตรง การต่อเที่ยวบิน สัมภาระ สายการบิน จากนั้นทาง Google Flight จะแสดงเที่ยวบิน และ ราคา

เมื่อได้เที่ยวบินที่ต้องการ สามารถกดปุ่ม select flight เพื่อไปจองที่เว็บไซด์สายการบิน หรือ ผ่าน Online Travel Agency ได้โดยตรง

เลือกเวลาเดินทางที่ไม่เป็นที่นิยม: เลือกเดินทางในช่วงเวลาที่ไม่นิยมเดินทาง เช่น กลางสัปดาห์ หรือช่วงเวลาที่ไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว จะได้ตั๋วเครื่องบิน

ตั้งค่าแจ้งเตือนราคา: เว็บไซต์และแอปพลิเคชันบางแห่งมีบริการแจ้งเตือนเมื่อราคาตั๋วเครื่องบินลดลง

ใช้ไมล์สะสม: หากคุณมีบัตรเครดิตหรือเป็นสมาชิกสายการบินบางแห่ง คุณสามารถใช้ไมล์สะสมแลกตั่วเครื่องบิน อัปเกรต หรือลดราคาตั๋วได้

ใช้บัตรเครดิตที่มีโปรโมชันและส่วนลด: สายการบินมักมีโปรโมชันและส่วนลดพิเศษในบางช่วงเวลา ควรตรวจสอบโปรโมชันเป็นระยะ รวมถึงโปรโมชันบัตรเครดิตมักจะมีการทำโปรโมชั่นในกลุ่มท่องเที่ยวตลอด โดยโปรโมชันจะได้รับเงินคืน หรือ แต้มสะสมเพิ่ม

หลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม: ตรวจสอบค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินหรือค่าธรรมเนียมกระเป๋า เพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายภายหลัง

จองตั๋วไป-กลับแยกกัน: บางครั้งการจองตั๋วขาไปและขากลับแยกกันจากสายการบินต่างๆ อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่า

เลือกสนามบินรอง: บางครั้งการบินไปยังสนามบินที่ไม่ใช่สนามบินหลักในเมืองนั้นๆ อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่า

สมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษ: การเป็นสมาชิกกับสายการบินหรือเว็บไซต์จองตั๋วเครื่องบินสามารถได้รับสิทธิพิเศษหรือส่วนลดเพิ่มเติม เช่น จองผ่าน Online Travel Agency เมื่อเป็นสมาชิกและมีการจองเที่ยวบิน หรือ โรงแรม จะได้สิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น ส่วนลดพิเศษ, ฟรี รถรับส่งสนามบิน, ฟรีห้องรับรอง (lounge) ที่สนามบินเป็นต้น

ปัจจุบันมีเครืองมือ Genarative AI เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก และพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราสามารถนำเอาเครื่องมือนี้ วางแผนการเดินทางได้ ในที่นี่ขอยกตัวอย่าง ChatGPT โดยสามารถเขียนคำสั่งทีต้องการ (Prompt) ตัวอย่างเช่น ด้วย “ช่วยวางแผนการเดินทางไปฮอกไกโด จากประเทศไทยโดย เดินทางถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2567 - 25 ตุลาคม 2567 เน้นดูธรรมชาตินอกเมือง ของกินอร่อย”

เราสามารถ พิมพ์คำสั่งเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น เช่น “ช่วยทำเป็นตารางเวลา”

นอกจากนั้นยังมีคำสั่งอื่นๆ เพิ่มเติม ที่เราสามารถใช้ ChatGPT ช่วยได้ เช่น “ช่วยแนะนำร้านอาหารซาซิมิในเมืองโอตารุ พร้อมระบุพิกัด”

จะเห็นได้ว่า Generative AI เข้ามาอำนวยความสะดวก ให้เราได้อย่างมาก และสามารถให้ข้อมูลแก่เรา โดนนำไปปรับใช้ได้หลายกรณีทีเดียว

1. จองล่วงหน้า: ราคาลงโรงแรมจะไม่คงที่ ขึ้นลงตามปริมาณความต้องการ การจองโรงแรมล่วงหน้ามักจะได้ราคาที่ดีกว่าการจองในนาทีสุดท้าย โดยเฉพาะในช่วงเวลาท่องเที่ยวหรือเทศกาลที่มีคนจองเยอะ
2. ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบราคา: สามารถใช้ Google ดูราคาเบื้องต้นได้เปรียบเทียบกับหลายๆ platform ยกตัวอย่าง โดยการ search ชื่อ โรงแรมหรือที่พัก ที่ต้องการ ยกตัวอย่างในที่นี่ผม search “JR Inn Hakodate”

จากนั้นผลการค้นหา Google จะขึ้นข้อมูล และให้เรากรอกวัน check in – check out ให้ใส่วันที่ที่ต้องการเข้าพัก

จากนั้น สามารถกดเข้าไปทำการจองที่ platform นั้นๆได้เลย หรืออีกหนึ่งวิธี คือการเข้าไปค้นหาโดยตรงที่ Online Travel Agency เช่น Trips.com Booking.com, Agoda, หรือ Expedia เพื่อตรวจสอบราคาและเปรียบเทียบข้อเสนอของแต่ละ Platform

1. ใช้บัตรเครดิตที่มีโปรโมชั่น: บัตรเครดิตบางประเภทมีโปรโมชั่นส่วนลดสำหรับการจองผ่านเว็บไซด์ Online Travel Agency เช่น ได้รับเครดิตเงินคืนเมื่อมียอดจอง หรือ ลดราคาที่พักเพิ่ม 5% -15% เป็นต้น
สำหรับลูกค้า KBank สามารถตรวจสอบโปรโมชั่นบัตรเครดิต KBank ได้ที่นี่
เคล็ดลับการใช้บัตรเครดิต : ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
2. ดูรีวิวและคะแนน: อ่านรีวิวและดูคะแนนของโรงแรมเพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป
3. พิจารณาเรื่องการยกเลิกการจอง (Free Cancelation): หลายที่พักในขณะนี้ มีตัวเลือกยกเลิกฟรี โดยคืนเงินเต็มจำนวนภายในวันที่กำหนด ทั้งนี้ให้เลือกการจองที่สามารถยกเลิกได้ฟรีในกรณีที่อาจต้องเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทาง
4. ตรวจสอบเว็บไซต์โรงแรมโดยตรง: บางครั้งการจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรมโดยตรงอาจจะได้ราคาที่ดีกว่า หรือมีโปรโมชั่นพิเศษที่ไม่ปรากฏบนเว็บไซต์จองทั่วไป

โดยปกติการเดินทางไปต่างประเทศนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความปลอดภัยในการเดินทาง ไม่มีเหตุอันตราย จากสุขภาพ หรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น ดังนั้น ประกันเดินทางต่างประเทศจึงเข้ามาตอบโจทย์ เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเหล่านี้ ลดความกังวลให้กับผู้เดินทางได้

ประกันเดินทางต่างประเทศ เป็นประกันภัยที่ออกแบบมาสำหรับคุ้มครองการเดินทางต่างประเทศ โดยประกันการเดินทางต่างประเทศนั้น เช่น ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศ การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย การสูญหายของทรัพย์สิน เป็นต้น ปัจจุบันการขอวีซ่าท่องเที่ยว เช่น การขอวีซ่ากลุ่มเชงเก้น (Schengen) เป็นข้อกำหนดสำหรับประเทศในกลุ่มเชงเก้นที่ต้องมีประกันการเดินทางต่างประเทศ อีกด้วย

ประโยชน์ของการมีประกันการเดินทาง

• คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล: หากเกิดเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง
• ค่าชดเชยสำหรับความล่าช้าหรือการยกเลิกเที่ยวบิน: ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของแผนการเดินทาง
• คุ้มครองทรัพย์สิน: หากกระเป๋าเดินทางหรือทรัพย์สินสูญหาย
• ความสบายใจ: ให้ความมั่นใจว่าได้รับความคุ้มครองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ข้อควรระวัง

• ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อจำกัดของกรมธรรม์: เพื่อให้แน่ใจว่าความคุ้มครองตรงกับความต้องการ
• ควรศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการยกเว้นความคุ้มครอง: เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด ก่อนการทำประกัน

จะเห็นได้ว่าการมีประกันการเดินทางต่างประเทศสามารถช่วยให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น โดยในส่วนของค่าเบี้ยประกันนั้น ไม่ได้มีราคาสูง สามรถเลือกความคุ้มครองที่ต้องการได้

Internet การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทางปัจจุบัน เพื่อการติดต่อสื่อสาร และการนำทาง การใช้งานแอปพลิเคชัน ต่างๆ ทางเลือกในการซื้อแพคเกจอินเตอร์เน็ตสำหรับเดินทางต่างประเทศทำได้หลายวิธี ดังนี้

1. ซื้อแพคเกจโรมมิ่ง (Roaming Package) จากผู้ให้บริการในประเทศของคุณ
   • วิธีการ: ติดต่อผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือที่คุณใช้งานอยู่ เช่น True, AIS, DTAC และสอบถามเกี่ยวกับแพคเกจโรมมิ่งสำหรับประเทศที่คุณจะเดินทางไป หรือแพคเกจเดินทางต่างประเทศโดยเฉพาะ
   • ข้อดี: สะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด และสามารถใช้งานเบอร์โทรศัพท์เดิมได้
   • ข้อเสีย: ราคามักจะสูงกว่าและต้องตรวจสอบความครอบคลุมและความเร็วของอินเตอร์เน็ตในประเทศที่ไป
2. ซื้อซิมการ์ดท้องถิ่น (Local SIM Card)
   • วิธีการ: ซื้อซิมการ์ดท้องถิ่นจากประเทศที่คุณเดินทางไป สามารถซื้อได้ที่สนามบินตั้งแต่เดินทางถึง ร้านสะดวกซื้อ หรือตัวแทนจำหน่ายเครือข่ายมือถือในประเทศนั้น โดยแสดงพาสปอต หรือ หนังสือเดินทางในการซื้อซิมการ์ด
   • ข้อดี: ราคาถูกกว่าโรมมิ่งและมักมีแพคเกจข้อมูลที่มากกว่า
   • ข้อเสีย: ต้องเปลี่ยนซิมการ์ด ซึ่งทำให้ไม่สามารถรับสายหรือข้อความจากเบอร์โทรศัพท์เดิมได้
3. เช่า Wi-Fi พกพา (Portable Wi-Fi Router)
   • วิธีการ: เช่าอุปกรณ์ Wi-Fi พกพาจากผู้ให้บริการเช่า Wi-Fi ตั้งแต่ในประเทศไทย หรือต่างประเทศที่คุณเดินทางไป ทั้งนี้แนะนำจองล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 1 สัปดาห์
     • ผู้ให้บริการในไทย เช่น skyberry, Samurai Wifi,
     • ในต่างประเทศได้ ผ่าน Travel Agency หรือ ผู้ให้บริการโดยตรง เช่น klook.com, kkday.com
   • ข้อดี: สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้หลายอุปกรณ์พร้อมกัน มีราคาถูกกว่าซื้อซิมการ์ดแยก มีความเสถียรสูง มีแพคเกจหลากหลายให้เลือกใช้ นอกจากนั้นยังการใช้ pocket wifi สามารถใช้ wifi calling ของเครือข่าย AIS, True, dtac รับสายโทรเข้าออกที่ต่างประเทศได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
   • ข้อเสีย: ต้องพกพาอุปกรณ์เพิ่มเติมและชาร์จแบตเตอรี่
4. ซื้อ eSIM (Embedded SIM)
   • วิธีการ: หากโทรศัพท์ของคุณรองรับ eSIM คุณสามารถซื้อแพคเกจข้อมูลระหว่างประเทศจากผู้ให้บริการ eSIM ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ เช่น klook.com, kkday.com
   • ข้อดี: ไม่ต้องเปลี่ยนซิมการ์ดและสามารถใช้งานเบอร์โทรศัพท์เดิมได้
   • ข้อเสีย: โทรศัพท์ต้องรองรับ eSIM และบางประเทศอาจไม่มีบริการ eSIM ครอบคลุม

คำแนะนำเพิ่มเติม

• ตรวจสอบความครอบคลุมและความเร็วอินเตอร์เน็ต: ตรวจสอบความครอบคลุมและความเร็วของอินเตอร์เน็ตในประเทศที่คุณจะเดินทางไป
• เช็คข้อมูลการใช้งาน: ตรวจสอบการใช้งานอินเตอร์เน็ตของคุณเพื่อเลือกแพคเกจที่เหมาะสม
• ตรวจสอบการสนับสนุน: ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีการสนับสนุนในกรณีที่เกิดปัญหาหรือไม่

เอกสารที่จำเป็นเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน

1. สำเนาพาสปอต และ รูปถ่าย ติดไว้เผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน
2. ข้อมูลการติดต่อสถานทูต
3. เอกสารการจองที่พัก
4. บัตรเครดิต/บัตรเดบิต
5. ใบอนุญาตขับขี่สากล (International Driving Permit): หากมีแผนที่จะขับรถในต่างประเทศ
6. ยา
7. ใบรับรองแพทย์ ผู้หญิงตั้งครรภ์
8. อุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเดินทางต่างประเทศ
   1. 8.1 Universal Plug ปัจจุบันมีการวางจำหน่าย แบบที่สามารถใช้ได้กับทุกประเทศทั่วโลก
   2. 8.2 Power Bank แบตสำรอง เพราะ การเดินทางต่างประเทศอาจทำให้เราใช้อุปกรณ์มากกว่าปกติ ความจุที่สามารถขึ้นเครื่องบิน ได้คือ 30,000 mah เพื่อใช้กับอุปกรณ์ Smart Phone, Pocket Wifi และ อื่นๆ

ทั้งหมดนี้คือ 10 Checklists เดินทางต่างประเทศ เดินทางท่องเที่ยว อย่างมั่นใจไร้กังวล ที่รวบรวมมาให้แล้ว หวังอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางทุกท่าน และขอให้การเดินทางของทุกคน ปลอดภัย ไม่มีสะดุดครับ