โอมากาเสะ (Omakase) โอมากาเสะ (Omakase)

โอมากาเสะ (Omakase) วัฒนธรรมอาหารที่ผสมผสานศิลปะจากญี่ปุ่น

ศิลปะไม่มีถูก ไม่มีผิด เพราะศิลปะทุกแขนงย่อมมีเสน่ห์ในแบบของมัน ศิลปะของอาหารก็เช่นกัน โดยเฉพาะอาหารประเภท ‘โอมากาเสะ’ (Omakase) ที่เรียกได้ว่า เป็นกระแสกันมาอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ด้วยเสน่ห์ของการครีเอตเมนูแต่ละรูปแบบในแบบฉบับของเชฟ แถมยังได้สัมผัสกับเมนูอาหารตามฤดูกาล ที่มีองค์ประกอบด้านวัตถุดิบอันล้ำเลิศ และคัดสรรมาอย่างใส่ใจ เพื่อให้ทุกรสสัมผัสสร้างความสุขให้กับลูกค้ามากที่สุด

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านโอมากาเสะ แต่ยังมีความกังวลด้านค่าใช้จ่าย ขอแนะนำบัตรเครดิต Titanium กสิกรไทย ที่ให้เงินคืน 1% หรือใช้บัตรเครดิต THE PASSION กสิกรไทย สำหรับกินที่ร้านอาหารในโรงแรม ก็ได้คะแนนถึง 2 เท่า ถ้าคำนวณจากค่าใช้จ่ายแล้ว (25 บาท = 2 คะแนน)

ถ้าพร้อมดื่มด่ำกับโอมากาเสะแล้ว บทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของโอมากาเสะ อาหารลักษณะแบบไหนที่เรียกว่าได้ว่าเป็นโอมากาเสะ มีจุดเด่นอย่างไร ต่างจากอาหารประเภท Kaiseki มากไหม พร้อมแนะนำ 7 ร้านโอมากาเสะ ระดับ Michelin Guide ที่ครั้งหนึ่งควรต้องไปลอง!

สัมผัสศิลปะแห่งอาหาร แบบไหนที่เรียกว่า Omakase

โอมากาเสะ (お任せ) มาจากวลีที่ว่า “お任せします” ที่แปลว่า “ฉันเชื่อใจเชฟ จัดมาเลย” ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นชินกับภาพจำของร้านอาหารโอมากาเสะว่า จะมีแค่การเสิร์ฟเมนูซูชิ วัตถุดิบแพงๆ แต่จริงๆ แล้ว อาหารประเภทโอมากาเสะมีจุดเด่นตรงที่เมนูทุกอย่าง จะขึ้นอยู่กับความคิดสร้างสรรค์ตามฉบับเชฟแต่ละคน โดยมีการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี สดใหม่ในช่วงฤดูกาลนั้นๆ มาครีเอตเมนูให้แตกต่าง เรียกได้ว่าแทบไม่ซ้ำกันเลยในแต่ละช่วงฤดูกาล

โอมากาเสะ จะเสิร์ฟอาหารเป็นคอร์สตามลำดับ โดยมีหลักการคือ การเริ่มเปิดต่อมรับรสชาติด้วยการเสิร์ฟอาหารอ่อนๆ ก่อน จากนั้นจึงเริ่มไต่ระดับรสชาติไปเรื่อยๆ เพื่อให้ทุกสัมผัสรสชาติสมบูรณ์แบบที่สุด เพราะฉะนั้น การไปกินโอมากาเสะจึงไม่ได้เป็นแค่การไปกินอาหารอร่อยๆ วัตถุดิบคุณภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการลิ้มลองประสบการณ์การทานอาหารในรูปแบบใหม่ๆ และชวนตื่นเต้นในทุกชั่วขณะ

กว่าจะมาเป็น Omakase ศาสตร์แห่งการรังสรรค์อาหาร

โอมากาเสะมีจุดเริ่มต้นมาเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ประเทศญี่ปุ่นเริ่มมีเศรษฐกิจเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนจึงมีกำลังมากพอที่จะกินอาหารแพงๆ อย่างซูชิ แต่ไม่มีความรู้เรื่องปลามากพอ จึงกลายเป็นหน้าที่ของเชฟ ที่จะรังสรรค์เมนูขึ้นมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลอง เพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และรสชาติอาหารที่อร่อยลงตัว จึงทำให้โอมากาเสะเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะต้องจ่ายแพงขึ้นก็ตาม

Omakase กับความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

โอมากาเสะเป็นศาสตร์แห่งการกินอาหาร เพื่อสัมผัสถึงความรู้สึกต่างๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่ทำให้อาหารดูน่ากิน รสชาติที่แปลกใหม่ และการบริการทุกระดับประทับใจ ที่จะทำให้ประสบการณ์การกินอาหารของคุณพิเศษกว่าครั้งอื่นๆ ซึ่งจุดเด่นที่ทำให้โอมากาเสะแตกต่างจากการกินอาหารในรูปแบบอื่นๆ มีดังนี้

1. สุนทรีย์ไปกับเสียงเพลง

เสียงเพลงสร้างบรรยากาศให้ภายในร้านอาหารดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ทั้งยังเป็นจุดที่ทำให้เข้าถึงความเป็นโอมากาเสะขึ้นไปอีก ประกอบกับเสียงของกระบวนการทำอาหารของเชฟ ที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลิ้มรสของอาหาร กลยุทธ์ที่เป็นจุดเด่นที่สำคัญคือความเป็นกันเองของเชฟ บทสนทนาระหว่างนั้น การแนะนำที่มาที่ไปของวัตถุดิบ ทำให้กลายเป็นสุนทรีย์อีกรูปแบบหนึ่ง ที่หาที่ไหนไม่ได้แล้ว

2. หน้าตาของอาหารอันเป็นเอกลักษณ์

รูปลักษณ์ถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้รสชาติอาหารเลย เพราะเป็นจุดแรกที่ผู้คนมักสังเกตเห็น หน้าตาของอาหารที่ประณีต พร้อมกับการตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายสีสัน ถ้วยชามที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมการจัดเรียงที่ลงตัว จึงเป็นจุดเด่นของโอมากาเสะ ที่เหมาะจะถ่ายรูปเก็บไว้ไปลงในโซเชียลสุดๆ

3. สัมผัสรสและกลิ่นที่ผสานอย่างลงตัว

หัวใจสำคัญของโอมากาเสะคือรสชาติ ความสะอาด และความสดใหม่ของวัตถุดิบ ทั้งนี้ เนื่องจากมีการเสิร์ฟเป็นคอร์ส พร้อมการจัดเรียงลำดับเมนูตามดุลพินิจของเชฟผู้มากประสบการณ์ ที่ให้ความสำคัญเรื่องการชูรสชาติอาหารในแต่ละจาน ทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสรสชาติอาหารได้อย่างลงตัว

ศิลปะอาหารชั้นสูง Omakase กับ Kaiseki ต่างกันอย่างไร

โดยทั่วไปแล้ว คนไทยอาจจะคุ้นกับโอมากาเสะ (Omakase) มากกว่า แต่จริงๆ แล้วยังมีคอนเซปต์การเสิร์ฟอาหารสุดพิเศษอีกรูปแบบหนึ่งคือ ไคเซกิ (Kaiseki) ที่เน้นนำวัตถุดิบคุณภาพตามฤดูกาล มารังสรรค์เป็นเมนูอาหารสุดประณีต และอร่อยชนิดที่แสงออกปากเลยก็ว่าได้ โดยจะมีการเสิร์ฟประมาณ 9-15 จานเล็กๆ เพื่อให้ลูกค้าได้กินในทุกเมนู

ด้วยความใส่ใจในทุกกระบวนการการทำอาหาร อาจจะพูดได้ว่ามีความคล้ายคลึงกับโอมากาเสะ แต่ส่วนที่แตกต่างคือ โอมากาเสะจะมีบรรยากาศการทานอาหารที่ยืดหยุ่นกว่า เป็นกันเองมากกว่า และเมนูจะทำตามใจเชฟมากกว่า อาจจะประเมินตามความชอบของลูกค้า แล้วด้นสดทำเมนูเด็ดๆ ออกมาก็มี แต่สำหรับไคเซกิจะมีความเป็นทางการ พิถีพิถัน ไม่ได้เน้นการสนทนา แต่เน้นที่รสชาติอาหารเป็นหลัก

Omakase กับเมนูอาหารที่นิยมเสิร์ฟ

เมนูในโอมากาเสะมีหลากหลายมาก แล้วแต่ว่าเชฟจะรังสรรค์มาในรูปแบบไหน แต่เราอาจจะคุ้นเคยกับเมนูซูชิหน้าปลาต่างๆ ที่เน้นวัตถุดิบสดใหม่ ไม่ผ่านการปรุงอะไรมากมาย แต่จริงๆ แล้วยังมีเมนูอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นของคาว หรือของหวาน เช่น ซาชิมิ ซุป ผลไม้ ไข่ตุ๋น อูนิ หรือไข่หอยเม่น ไข่หวาน ของทอด แล้วปิดท้ายด้วยไอติม หรือขนมต่างๆ ลูกค้าอาจจะสั่งเมนูเพิ่มเติมหากชอบทานอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งราคาอาจจะถูกคิดเพิ่ม เพราะอยู่นอกเหนือจากคอร์สที่สั่ง

รวม 7 ร้านโอมากาเสะระดับ Michelin Guide ที่ต้องไปลองสักครั้ง

เมื่อได้ทำความรู้จักโอมากาเสะกันไปแบบพอหอมปากหอมคอแล้ว หลายๆ คนคงเริ่มหิว แล้วอยากจะลองกินโอมากาเสะสักครั้ง เพราะฉะนั้น มาสำรวจ 7 ร้านโอมากาเสะระดับ Michelin Guide ที่เราคัดมาให้กันดีกว่า รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!

Ginza Sushi Ichi

1. Ginza Sushi Ichi

เริ่มต้นประเดิมกับร้านแรก Ginza Sushi Ichi ดีกรีรางวัลมิชลิน 1 ดาว ที่มีจุดเริ่มต้นก่อตั้งในกรุงโตเกียว จากนั้นขยายสาขาไปยังกรุงจาการ์ตา สิงคโปร์ และไทย วัตถุดิบสดใหม่ และเพื่อรักษามาตรฐานของรสชาติอาหาร วัตถุดิบจะถูกนำเข้ามาจากโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายในร้านมี 2 ห้องบริการ พร้อมเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าได้นั่งชมทุกกระบวนการการทำอาหารของเชฟเองเลย บรรยากาศภายในร้านจะมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ให้อารมณ์เหมือนไปกินที่ญี่ปุ่นสุดๆ

อาหารจะมีให้บริการอยู่ 5 คอร์สด้วยกัน เริ่มตั้งแต่คอร์สราคา 1,800++ บาท ไปจนถึงคอร์สระดับพรีเมี่ยม 7,000++ บาท แต่คอร์สที่ได้รับความนิยมที่สุดคงจะเป็นคอร์ส Botan ราคา 3,000++ บาท และคอร์ส Omakase ราคา 4,000 บาทนั่นเอง

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/USWNN8JbWb8tEtDdA
เวลาเปิด-ปิด: 11.30 - 14.30 น. และ 17.30-20.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 02 250 0014

Yamazato

2. Yamazato

ต่อมาเป็นร้าน Yamazato ร้านโอมากาเสะระดับรางวัลมิชลินเพลท ที่ต้องจองล่วงหน้าถึง 2 วันเลยทีเดียว ตั้งอยู่ในตึกสูงของโรงแรม The Okura Prestige มาพร้อมวิวสวยใจกลางเมือง โดยจะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ซูชิบาร์ เทปันยากิ และภัตตาคารหรู มีพนักงานในชุดกิโมโนพร้อมให้บริการตลอดทั้งมื้อ วัตถุดิบถูกนำเข้าโดยตรงมาจากตลาด Toyosu ประเทศญี่ปุ่น รับรองว่าสดใหม่แน่นอน แถมยังมีการตกแต่งอาหารด้วยถ้วยชามที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นด้วย

อาหารจะมีตั้งแต่คอร์ส Kaiseki Omakase เสิร์ฟเฉพาะวันพุธ-อาทิตย์ ส่วนมื้อกลางวันช่วง 12.30 น. และมื้อเย็น 18.30 น. ก็ไปอิ่มคุ้มกับเซต Standard ในราคาเพียง 4,900 บาท และเซตพรีเมี่ยมในราคา 6,500 บาทเท่านั้น

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/w1c9N6Kx6ihf5JRB6
เวลาเปิด-ปิด: 12.30 - 14.30 น. และ 18.30-22.30 น.
เบอร์ติดต่อ: 02 687 9000

Sushi Juban

3. Sushi Juban

Sushi Juban ร้านโอมากาเสะรางวัลมิชลินเพลท ที่มีการผสมผสานของเมนูให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น หากใครอยากลิ้มลองโอมากาเสะวัตถุดิบคุณภาพดี นำเข้ามาจากญี่ปุ่นในราคาย่อมเยา ร้านนี้ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เหมาะกับคนเพิ่งเริ่มลองกินโอมากาเสะเป็นครั้งแรก โดยที่ร้านนี้จะมีเมนูจานเดี่ยวแนะนำคือซาชิมิย่างฟาง (Warayaki) ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของร้านเลย บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น มีความเป็นกันเอง แถมยังเดินทางง่ายอีกด้วย

อาหารจะมีคอร์สในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 980++ (เฉพาะมื้อเที่ยง) และ Limite Coursed อย่างคอร์ส Ooma Maguro Omakase 10 จาน ในราคา 2,400++ บาท และคอร์ส Ooma Maguro Omakase 12 จาน ในราคา 3,200++ บาท ไปจนถึงคอร์สพรีเมี่ยมในราคาเพียง 4,000 บาท

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/54mXHSDpBoCc7qgy9
เวลาเปิด-ปิด: 11.30 - 15.00 น. และ 17.00-22.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 063 225 4115

Sushi Misaki

4. Sushi Misaki

มาคุยเล่นกับเชฟ Masahiro Misaki เจ้าของร้านโอมากาเสะรางวัลระดับมิชลินเพลท ร้าน Sushi Misaki นั้นประสบความสำเร็จมาตั้งแต่เปิดสาขาในย่านกินซ่า โตเกียว วัตถุดิบมีความสดใหม่มาก เพราะส่งตรงมาจากญี่ปุ่นถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ บรรยากาศมีความเป็นกันเอง ดูผ่อนคลาย รับลูกค้าได้แค่ครั้งละ 10 คนเท่านั้น เพราะฉะนั้น แนะนำว่าควรโทรจองล่วงหน้าก่อนไปกิน ไม่อย่างนั้นมีหวังอดกินแน่!

อาหารจะมีให้เลือกอยู่ 2 คอร์สด้วยกัน คือคอร์สราคา 4,000++ บาท กับคอร์สในราคา 6,000++ บาท สามารถเลือกได้ตามความสนใจเลย เพราะในแต่ละคอร์สก็จะมีเมนูที่แตกต่างกันไปตามราคา

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/fRbWPFtaXowpJpUt8
เวลาเปิด-ปิด: 12.30 - 14.00 น. และ 17.00-22.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 061 962 3381

Tempura Kanda

5. Tempura Kanda

Tempura Kanda ร้านโอมากาเสะรางวัลมิชลินเพลท ที่อยู่ในเครือของร้านอาหารญี่ปุ่น Kanda ร้านนี้มีความแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เพราะเป็นร้านแรกในไทย ที่เสิร์ฟเมนูเทมปุระสไตล์กินซ่าในรูปแบบโอมากาเสะ เชฟได้รับการฝึกฝนโดยเชฟชาวญี่ปุ่นโดยตรงถึง 2 ปี วัตถุดิบสดใหม่ เพราะเลือกใช้ผัก และอาหารทะเลตามฤดูกาล เสิร์ฟพร้อมกับเกลือกว่า 6 รสชาติที่มีเสน่ห์แตกต่างกัน ภายในร้านมีบรรยากาศที่ดูเรียบง่ายตามแบบฉบับญี่ปุ่น หากไม่อยากพลาดความอร่อย อย่าลืมโทรจองล่วงหน้าก่อนไปกิน เพราะคิวยาวมาก!

สำหรับราคาคอร์สจะเริ่มต้นที่ 5,800++ บาท หากใครอยากลองประสบการณ์การกินโอมากาเสะในรูปแบบใหม่ๆ Tempura Kanda ถือเป็นตัวเลือกที่ควรอยู่ในลิสต์ร้านโอมากาเสะเลย

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/wTe92sqWGEXv6Rp28
เวลาเปิด-ปิด: 11.30 - 13.30 น. และ 17.30-22.30 น.
เบอร์ติดต่อ: 027 127 619

Sushi Masato

6. Sushi Masato

Sushi Masato ร้านโอมากาเสะรางวัลมิชลินเพลทโดยเชฟ Masato Shimizu ที่พาร้านแห่งนี้ไปเติบโตไกลถึงนิวยอร์กมาแล้ว ใครได้กินที่ร้านนี้ถือว่ามีบุญสุดๆ เพราะร้านค่อนข้างเล็ก หายาก ป้ายมีแค่ภาษาญี่ปุ่น แต่ภายในร้านกลับมีบรรยากาศที่เรียบหรู พร้อมเสิร์ฟเมนูสุดพิเศษที่มีวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น ใครอยากลิ้มรสโอมากาเสะฉบับญี่ปุ่นแท้ๆ แต่ไม่อยากไปถึงญี่ปุ่น มาที่ร้านนี้ได้เลย!

สำหรับคอร์สอาหารจะมีทั้งแบบ Standard มื้อเที่ยง และมื้อเย็น โดยมีราคาเริ่มต้นแค่ 4,000++ บาทเท่านั้น และสำหรับคอร์สพรีเมียมจะอยู่ที่ 6,000++ บาท

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/WVRy9MDBSaNt4XTKA
เวลาเปิด-ปิด: 12.00 - 14.00 น. และ 17.00-22.00 น.
เบอร์ติดต่อ: 097 234 1370

Sushi Tama

7. Sushi Tama

Sushi Tama ร้านโอมากาเสะรางวัลมิชลินเพลทโดยเชฟ Seiji Sudo เชฟชื่อดังที่เคยดูแลร้านอาหารระดับมิชลินมาแล้ว เสิร์ฟอาหารในรูปแบบโอมากาเสะสไตล์ Sho ที่ได้รังสรรค์แต่ละเมนูอย่างใส่ใจ พร้อมบรรยายที่มาที่ไปของแต่ละเมนูอย่างตั้งใจ ด้วยประสบการณ์ และเทคนิคที่ไม่เหมือนใครของเชฟ ทำให้เป็นร้านที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง คิวยาวไม่หวาดไม่ไหว ถ้าอยากกินต้องโทรจองกันยาวๆ เลย แถมคิวยาวเป็นเดือนๆ เพราะมีบริการเพียง 6 ที่นั่งเท่านั้น!

โดยราคาคอร์สจะอยู่ที่ 6,500++ บาท แต่ได้สัมผัส และลิ้มรสกับวัตถุดิบสุดพรีเมียม โดยเฉพาะข้าวซูชิ และซุป ที่เหมือนจะเป็นเมนูธรรมดาๆ แต่รสชาติ และสัมผัสกลับแตกต่าง ไม่เหมือนใครเลย

ที่ตั้ง: https://maps.app.goo.gl/EM5GKGCZnQtRzjKU8
เวลาเปิด-ปิด: 19.00 - 22.30 น.
เบอร์ติดต่อ: 091 871 0666

สรุป

เป็นยังไงกับร้าน Omakase ทั้ง 7 ร้าน ดีกรีระดับมิชลิน ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังรวมถึงความตั้งใจในการเลือกวัตถุดิบ การรังสรรค์เมนูต่างๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงร้านอาหารแต่ละร้านยังประกอบไปด้วยจุดเด่นของความเป็นร้านโอมากาเสะ นั่นก็คือ รสชาติ และสัมผัสของอาหาร หน้าตาของอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบของเชฟ และที่สำคัญคือบรรยากาศของร้าน ที่เป็นกันเอง ผ่อนคลาย สวยงามชนิดที่โดดเด่น และไม่เหมือนใคร

หากใครสนใจ อยากลองกินโอมากาเสะสักครั้งในชีวิต ก็อย่าลืมโทรจองก่อนล่วงหน้า แล้วสอบถามราคาคอร์สให้เรียบร้อย แต่ถ้าหากใครสนใจกินโอมากาเสะ แต่กังวลเรื่องราคาคอร์ส ไม่ว่าจะกินที่ไหน ใช้บัตรเครดิต Titanium กสิกรไทย ก็ได้รับเงินคืน 1% หรือใช้บัตรเครดิต THE PASSION กสิกรไทย สำหรับกินที่ร้านอาหารในโรงแรม ก็ได้คะแนนถึง 2 เท่า ถ้าคำนวณจากค่าใช้จ่ายแล้ว (25 บาท = 2 คะแนน)

อ่านบทความเพิ่มเติม

คลิกเลย
คุณมีบัตรเครดิตกสิกรไทย
แล้วหรือยัง?
สนใจสมัครบัตร
back to top