วิธีเช็กรายรับ รายจ่าย ให้ใช้จ่ายสบายใจ ไร้กังวล การเงินมีสภาพคล่อง
- การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คืออะไร
- การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เหมาะกับใคร
- บัญชีรายรับ-รายจ่าย กับประโยชน์ที่มีมากกว่าที่คิด!
- ใช้บัญชีรายรับ-รายจ่าย วางแผนหนี้บัตรเครดิตได้อย่างไร
- จดบันทึกการใช้บัตรเครดิตอย่างไร ให้การเงินไม่ติดลบ
- รวมสิ่งที่ต้องรู้ ก่อนทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
- ตัวอย่างการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
- วิธีทำรายรับ-รายจ่ายง่ายๆ ได้ด้วยแอป K PLUS
- การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นการจดบันทึกเงินเข้า-ออกทั้งหมด เพื่อให้เห็นภาพรวมการเงินชัดเจน และวางแผนการใช้จ่ายได้ดีกว่าเดิม ควรดูตั้งแต่รายรับ รายจ่าย หนี้สิน รวมถึงเงินคงเหลือหลังจากหักรายจ่าย และหนี้สินแล้ว
- การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ช่วยให้เรารับรู้สถานภาพทางการเงิน รู้ว่าเราใช้เงินไปกับอะไรบ้าง เพื่อเป็นการบอกตัวเองว่าห้ามใช้จ่ายเกินจำเป็น ฝึกวินัยการใช้เงิน เพื่อที่จะสามารถวางแผนการเงินในอนาคตได้
- การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ช่วยจัดการหนี้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหนี้บัตรเครดิตเป็นค่าใช้จ่ายแบบ Fixed Cost ทำให้รู้ว่าแต่ละเดือนต้องมีเงินเท่าไร ถึงจะสามารถชำระหนี้ได้
เคยประสบปัญหาหัวหมุนกับรายรับ-รายจ่ายไหม? หากคุณกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินแย่ลงทุกวัน มาสำรวจวิธีทำรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายไม่มีสะดุดกันเถอะ! บทความนี้จะช่วยให้ทุกคนสามารถจัดการการเงินของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท เจ้าของธุรกิจ หรือฟรีแลนซ์ เรามีเคล็ดลับดีๆ มาฝากกัน
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย คืออะไร
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพียงแค่การจดบันทึกเงินเข้า-ออกทั้งหมดของเราเอง ดีตรงที่ทำให้เราเห็นภาพรวมการเงินชัดเจนขึ้น จะได้วางแผนและคุมค่าใช้จ่ายได้ดีกว่าเดิม มีแค่ 4 อย่างที่ต้องรู้ ดังนี้
- รายรับ: เงินที่ได้รับจากทุกแหล่ง เช่น เงินเดือน รายได้เสริม เป็นต้น
- รายจ่าย: เงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- หนี้สิน: ภาระผูกพันทางการเงินที่ต้องชำระ
- เงินคงเหลือ: จำนวนเงินที่เหลือหลังจากหักรายจ่ายและหนี้สินแล้ว
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เหมาะกับใคร
การจดรายรับ-รายจ่ายเหมาะกับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำงานอะไร มีเงินเดือน หรือรายได้ในแบบไหน ก็ทำได้หมด! จะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของร้าน หรือแม้แต่น้องๆ นักศึกษาที่หารายได้พิเศษ ก็ทำได้เลย เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าตอนนี้เงินในกระเป๋าเราเป็นอย่างไรบ้าง แถมยังช่วยให้เราวางแผนอนาคตได้อีกด้วย
บัญชีรายรับ-รายจ่าย กับประโยชน์ที่มีมากกว่าที่คิด!
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ไม่เพียงแต่จะช่วยจัดระเบียบการเงินเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมากมาย ดังนี้
1. ช่วยให้รู้รายรับ-รายจ่ายประจำเดือน
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายช่วยให้เราประเมินการเงินของตนเองได้ดีมากยิ่งขึ้น เมื่อเราจดทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มาและใช้ไป เราก็จะเห็นภาพรวมชัดๆ ว่าแต่ละเดือนเงินหมุนเวียนอย่างไร จะได้ใช้จ่ายให้พอดีๆ ไม่เผลอใช้เงินในกระเป๋าจนเกลี้ยง
2. ช่วยให้รู้ว่าใช้เงินไปกับอะไร
การทำรายรับ-รายจ่าย จะช่วยให้เห็นชัดว่าเงินหายไปไหนบ้าง พอจดทุกอย่างที่ซื้อ ก็จะรู้ว่าใช้เงินไปกับอะไร สิ่งไหนจำเป็น สิ่งไหนไม่จำเป็น จะได้ช่วยตัดสิ่งใจลดค่าใช้จ่าย ประหยัดขึ้นเยอะ
3. ช่วยระงับความต้องการใช้เงินเกินจำเป็น
ช่วยยั้งใจไม่ให้ช้อปเพลิน พอเห็นตัวเลขชัดๆ ว่ารายรับ-รายจ่ายเท่าไร ก็จะช่วยให้เราคิดหนักก่อนควักเงินซื้อของที่ไม่จำเป็นจริงๆ รักษาสมดุลกระเป๋าตังค์ไว้ได้ดีขึ้น
4. ช่วยฝึกวินัยการใช้เงิน
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย จะช่วยฝึกวินัยการใช้เงินไปในตัว เพราะการจดบัญชีทุกวัน จะทำให้เราเป็นคนมีวินัยการเงินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้รู้จักรับผิดชอบเรื่องเงินดีขึ้น
5. ช่วยวางแผนการเงินในอนาคต
ด้วยข้อมูลทางการเงินที่ชัดเจน การทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายจะช่วยให้สามารถวางแผนการออม การลงทุน และการใช้จ่ายในอนาคตได้อย่างรัดกุม ทำให้การเงินมีสภาพคล่องและมั่นคงในระยะยาว
ใช้บัญชีรายรับ-รายจ่าย วางแผนหนี้บัตรเครดิตได้อย่างไร
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ช่วยในการจัดการหนี้บัตรเครดิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากหนี้บัตรเครดิตเป็นค่าใช้จ่ายแบบ Fixed Cost ทำให้ทราบว่าในแต่ละเดือนต้องมีเงินเท่าไรเพื่อชำระหนี้
อย่างไรก็ตาม ทุกคนสามารถวางแผนตัด หรือลดค่าใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ เพื่อให้มีเงินเพียงพอในการชำระหนี้บัตรเครดิตได้ตรงเวลา และเต็มจำนวน ช่วยลดภาระดอกเบี้ยและรักษาเครดิตให้ดี
จดบันทึกการใช้บัตรเครดิตอย่างไร ให้การเงินไม่ติดลบ
ใช้บัตรเครดิตทีไร เงินหายวับไปกับตา มาเรียนรู้วิธีจัดการการเงิน ด้วยการจดบันทึกการใช้บัตรเครดิตแบบง่ายๆ กันดีกว่า
ตั้งเป้าหมายการใช้จ่าย
เริ่มต้นด้วยการตั้งงบประมาณรายเดือนสำหรับแต่ละหมวดหมู่ เช่น อาหาร ที่พัก การเดินทาง และความบันเทิง ที่สำคัญควรกำหนดเป้าหมายการชำระหนี้บัตรเครดิตด้วย โดยอาจแบ่งการจ่ายเป็นสองระดับ
- จ่ายขั้นต่ำตามที่บัตรกำหนด (ซึ่งไม่แนะนำเนื่องจากจะต้องชำระดอกเบี้ยตามที่แต่ละธนาคารกำหนด)
- จ่ายชำระเต็มจำนวนทุกเดือน เพื่อหลีกเลี่ยงดอกเบี้ย
การตั้งเป้าหมายการใช้จ่ายที่ชัดเจน จะช่วยให้มีขอบเขตในการควบคุมการใช้เงินได้ดียิ่งขึ้น
เลือกบัตรเครดิตให้ตรงหมวด
ควรพิจารณาเลือกบัตรที่ให้สิทธิประโยชน์ตรงกับหมวดหมู่การใช้จ่ายหลัก เช่น บัตรที่ให้เงินคืนสูงสำหรับการซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต หรือบัตรที่ให้คะแนนสะสมพิเศษสำหรับการเติมน้ำมัน
การแยกใช้บัตรตามประเภทการใช้งานจะช่วยให้สามารถตรวจสอบ และวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากโปรโมชันและสิทธิพิเศษของแต่ละบัตร
จดบันทึกทุกรอบบิล ทุกการใช้จ่าย
การจดบันทึกการใช้จ่ายอย่างละเอียดเป็นหัวใจสำคัญของการใช้บัตรเครดิต หากไม่อยากติดลบแบบไม่รู้ตัว ควรบันทึกการใช้จ่ายตามรอบบิลของบัตรเครดิต โดยระบุรายละเอียดสำคัญ เช่น วันที่ใช้จ่าย ชื่อร้านค้าหรือผู้ให้บริการ จำนวนเงินที่ใช้จ่าย และหมวดหมู่ของค่าใช้จ่าย เป็นต้น
นอกจากนี้ การแยกประเภทการใช้จ่ายเป็นความจำเป็น และความอยากจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่า ค่าใช้จ่ายใดที่สามารถลด หรือตัดออกได้หากจำเป็น การจดบันทึกอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ติดตามการใช้จ่ายได้ และปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายได้ทันท่วงที
วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย
หลังจากที่ได้จดบันทึกการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ควรวิเคราะห์ และเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายจริงกับงบประมาณที่ตั้งไว้ พร้อมหาแนวโน้มการใช้จ่ายที่อาจเป็นปัญหาในระยะยาว ซึ่งการวิเคราะห์นี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมของการเงิน และสามารถปรับแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
เก็บสลิปไว้เทียบ Statement
ควรเก็บสลิปการใช้จ่ายทุกครั้ง และนำมาเปรียบเทียบกับ Statement บัตรเครดิตเมื่อได้รับ วิธีนี้จะช่วยให้ตรวจสอบความถูกต้องของรายการและยอดเงิน ทั้งยังเป็นโอกาสในการทบทวนการจดบันทึก หากพบข้อผิดพลาด หรือรายการที่ไม่ได้ใช้จ่าย คุณสามารถแจ้งธนาคารได้ทันที
วางแผนการเงินในอนาคต
การวางแผนการเงินในอนาคตเป็นขั้นตอนสุดท้าย ควรเริ่มจากการตั้งเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้น (1-3 ปี) และระยะยาว (5 ปีขึ้นไป) วางแผนการออมเงินอย่างสม่ำเสมอ และพิจารณาการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าเงินในระยะยาว ซึ่งการมีแผนการเงินที่ชัดเจนจะช่วยให้มีแรงจูงใจในการควบคุมการใช้จ่าย และการใช้บัตรเครดิตอย่างมีวินัย
รวมสิ่งที่ต้องรู้ ก่อนทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
มาดูเรื่องการจัดการเงินกันหน่อยดีกว่า ซึ่งเคล็ดลับที่จะช่วยให้จัดการเงินได้ดีขึ้นมีดังนี้
- จดรายรับแบบสบายๆ - แค่บันทึกเงินที่เข้ากระเป๋าจริงๆ หลังหักภาษีแล้ว
- แยกบัญชีรายรับ-รายจ่ายเป็นรายเดือน - เพราะจะได้เทียบกับเดือนอื่นๆ ได้ง่าย แนะนำให้จดทุกวัน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายบัตรเครดิต พร้อมสำรองเงินไว้ใช้จ่ายด้วย
- เงินออมกับเงินลงทุนก็สำคัญ - ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ควรหักออกมาก่อน จะได้มีเงินฉุกเฉินและเก็บไว้ใช้อนาคต
- แบ่งรายรับเป็น 2 แบบ - รายได้จากการทำงาน กับรายได้จากดอกผล จะได้เห็นภาพความมั่นคงทางการเงินชัดๆ
- จัดหมวดหมู่รายจ่าย - แบ่งเป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าเที่ยว ฯลฯ จะได้รู้ว่าเดือนนี้หมดไปกับอะไรบ้าง ตัดอะไรได้บ้าง
- จดรายจ่ายประจำก่อน - เช่น ค่าผ่อนรถ ค่าเช่าบ้าน ค่าประกัน เป็นต้น จะได้รู้ว่าเหลือเงินใช้เท่าไร ถ้ารู้ว่าเงินเดือนนี้ไม่พอใช้ จะได้ประหยัดตั้งแต่ต้นเดือน
- ตั้งงบใช้จ่ายรายวัน - ถ้าวันไหนใช้เกินงบประมาณ พรุ่งนี้ก็อาจจะต้องใช้น้อยกว่าที่กำหนด และประหยัดมากขึ้น เพื่อที่จะได้เฉลี่ยรายจ่ายกับวันที่ใช้เกิน
ตัวอย่างการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย
มาดูตัวอย่างการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย อย่างง่าย ดังนี้
รายรับ:
- รายได้หลัก (เงินเดือน): 30,000 บาท
- รายได้เสริม (งานฟรีแลนซ์): 5,000 บาท
- รายได้จากการลงทุน: 2,000 บาท
= รวม 37,000 บาท
รายจ่าย:
- เงินออม: 3,000 บาท
- ค่าเช่าบ้าน: 8,000 บาท
- ค่าอาหาร: 6,000 บาท
- ค่าเดินทาง: 2,000 บาท
- ค่าสาธารณูปโภค: 1,500 บาท
- หนี้สิน (ผ่อนรถ): 5,000 บาท
= รวม 25,500 บาท
เงินคงเหลือ = รายรับทั้งหมด - รายจ่ายทั้งหมด = 37,000 - 25,500 = 11,500 บาท
วิธีทำรายรับ-รายจ่ายง่ายๆ ได้ด้วยแอป K PLUS
แอป K PLUS ช่วยให้การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นเรื่องง่าย ด้วยฟีเจอร์ที่ใช้งานสะดวก ดังนี้
- เปิดแอป K PLUS แล้วแตะรูปภาพมุมซ้ายบน
- เลือกเมนู "สรุปรายรับ-รายจ่าย"
- ตรงนี้เลือกได้เลยว่าจะดู "ยอดใช้จ่ายรายประเภท" หรือ "ภาพรวม"
- หากอยากรู้ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง? กด "ยอดใช้จ่ายรายประเภท"
- แต่ถ้าอยากดูภาพรวม ก็กด "ภาพรวม" ได้เลย ตรงนี้เลือกดูได้ทั้งเงินเข้า เงินออก หรือทั้งสองอย่าง จะดูเป็นรายวัน หรือรายเดือนก็ได้ตามใจชอบ
- ถ้าอยากเลือกดูทั้งเงินเข้าเงินออกแบบรายเดือน ให้ปัดไปทางซ้าย จะเห็นกราฟสรุปยอดส่วนต่างเลย
K PLUS ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ช่วยในการจัดการการเงิน เช่น การโอนเงิน การชำระบิล และการลงทุน เป็นต้น ทำให้การจัดการการเงินของทุกคน ครบวงจรในแอปเดียว
การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการการเงินส่วนบุคคล ช่วยให้เข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่าย ควบคุมค่าใช้จ่าย และวางแผนการเงินในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเลือกจดในสมุดแบบเก่าๆ หรือจะใช้แอปสมัยใหม่อย่าง K PLUS ก็ได้ตามสะดวกเลย แค่ทำให้สม่ำเสมอ รับรองว่าเงินในกระเป๋าจะคล่องขึ้น ความกังวลเรื่องเงินก็จะหายไป ใช้จ่ายได้สบายใจขึ้น เริ่มต้นวันนี้ เพื่อก้าวสู่อนาคตทางการเงินที่มั่นคงกว่าเดิม!
อ่านบทความเพิ่มเติม
คลิกเลยแล้วหรือยัง?