เที่ยวญี่ปุ่น จ่ายเงินยังไง? สแกนจ่าย QR, บัตรเครดิต, Travel Card แบบไหนดีสุด เที่ยวญี่ปุ่น จ่ายเงินยังไง? สแกนจ่าย QR, บัตรเครดิต, Travel Card แบบไหนดีสุด

เที่ยวญี่ปุ่น จ่ายเงินยังไง? สแกนจ่าย QR, บัตรเครดิต, Travel Card แบบไหนดีสุด

กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันใช่ไหมครับ? เชื่อเลยว่านอกจากเรื่องแพลนเที่ยว ที่พัก ตั๋วเครื่องบินแล้ว อีกเรื่องที่หลายคนแอบกุมขมับก็คือ "เรื่องเงิน" นี่แหละ! ภาพจำเก่าๆ ที่ต้องพกเงินสดเป็นฟ่อนๆ แลกเงินทีเต็มกระเป๋า มันกำลังจะเปลี่ยนไปแล้วนะครับ

วันนี้ญี่ปุ่นเปิดรับสังคมไร้เงินสด (Cashless) แบบสุดๆ ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราสะดวกสบายขึ้นเยอะ แต่คำถามคือ...แล้ววิธีไหนล่ะที่ดีที่สุด? บัตรเครดิตจะชาร์จโหดไหม? Travel Card คืออะไร? แล้วแอปฯ K PLUS ที่เราใช้กันทุกวันเนี่ย เอาไปสแกนจ่ายที่นู่นได้จริงป่ะ?

ไม่ต้องห่วงครับ! บทความนี้จะเป็นเหมือนคัมภีร์รอดตายเรื่องการจ่ายเงินฉบับสมบูรณ์ ที่จะเปรียบเทียบให้เห็นกันจะๆ ว่าแต่ละวิธีมีดียังไง เหมาะกับใคร แล้วเราควรจะเลือกใช้อะไรในสถานการณ์ไหน ไปดูกันเลย!

1. ทำความรู้จัก 5 วิธีจ่ายเงิน พิชิตทริปญี่ปุ่นแต่ละประเภท

เรามาดูกันว่าในกระเป๋าเราควรมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างมีพลังทำลายล้าง (เงินในกระเป๋า) และความสามารถพิเศษต่างกันยังไง

1.1 เงินสด (Cash)

ถึงจะยุคไหน พี่ใหญ่เงินสดก็ยังคงความขลังในญี่ปุ่นเสมอครับ

  • เหมาะกับใคร: ทุกคน! บอกเลยว่ายังไงก็ต้องมีติดตัว
  • ข้อดี: ใช้ได้ทุกที่แบบ 100% ตั้งแต่ร้านอาหารคุณป้าข้างทาง, ตลาดปลาตอนเช้า, ค่าเข้าวัด-ศาลเจ้า, ตู้กดน้ำ ไปจนถึงร้านค้าในเมืองเล็กๆ ที่เทคโนโลยียังเข้าไปไม่ถึง
  • ข้อเสีย: แลกเงินเรทไม่ค่อยดีเท่าวิธีอื่น, พกเยอะก็เสี่ยงหาย, และที่สำคัญคือ "กองทัพเหรียญ" ที่จะงอกออกมาเต็มกระเป๋าจนน่ารำคาญ!
  • ⭐ Pro Tip: ควรมีเงินสดติดตัวไว้อย่างน้อย 30,000-50,000 เยนต่อคนเสมอ เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินและกับร้านค้าที่รับแต่เงินสดเท่านั้น โดยเฉพาะ "ร้านราเม็งตู้กด" หน้าร้าน ยังไงก็ต้องใช้เงินสดหยอดครับ

1.2 บัตรเครดิต (Credit Card)

ไอเทมสามัญประจำบ้านที่ใช้ง่าย!

  • เหมาะกับใคร: คนที่ต้องจ่ายยอดใหญ่ๆ เช่น ค่าโรงแรม, ช็อปปิ้ง, หรือกินอาหาร
  • วิธีใช้: รูด หรือแตะจ่าย
  • ข้อดี: สะดวก ปลอดภัยกว่าพกเงินสดเยอะๆ ใช้ได้ตามห้างสรรพสินค้า ร้านค้าใหญ่ๆ ทั่วไป
  • ข้อเสีย: มีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (FX Rate) ประมาณ 2.5% พูดง่ายๆ คือทุกยอดที่รูดไป เราจะจ่ายแพงขึ้น 2.5% นั่นเอง
  • ⭐ Pro Tip: ถ้ามีบัตรเครดิต JCB ให้พกไปด้วย! เพราะเป็น "บัตรเจ้าถิ่น" ที่มักจะมีโปรโมชันส่วนลดตามห้างใหญ่ๆ หรือร้านค้าต่างๆ มากกว่า VISA/Mastercard ครับ

1.3 Travel Card

เรื่องความคุ้มค่า ยกให้บัตรนี้เลย! ควบคุมงบประมาณได้

  • เหมาะกับใคร: ทุกคนที่อยากได้เรทแลกเงินที่คุ้มค่า และต้องการคุมงบประมาณ
  • วิธีใช้: รูด หรือแตะจ่าย
  • วิธีเตรียมตัว: สมัครบัตรพวกนี้เตรียมไว้ก่อนไป แนะนำบัตร YouTrip แลกเก็บเงินไว้ได้ล่วงหน้า หรือ บัตรเดบิต Journey กสิกรไทย ก็สะดวกไม่แพ้เช่นกัน รูด แตะจ่ายได้เลยแค่มีเงินในบัญชี
  • จุดเด่น: เรทแลกเงินดี เพราะไม่มีค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน 2.5%
  • ข้อเสีย: เนื่องจากเป็นบัตรในเครือข่าย Visa / Master อาจจะไม่สามารถใช้ร้านค้าขนาดเล็กได้
  • ⭐ Pro Tip: ใช้ Travel Card เป็น "บัตรหลัก" ในการใช้จ่ายทั่วไปทั้งหมด ตั้งแต่ซื้อของในร้านสะดวกซื้อ กินข้าว ช็อปปิ้ง รับรองว่าทริปนี้ประหยัดไปได้อีกเยอะ!

1.4 สแกนจ่ายผ่าน QR Code ด้วย K PLUS ผ่านบริการ K+ Go Inter

วิธีสุดว้าวที่คนไทยต้องร้องเฮ! เพราะแอปฯ ที่เราใช้ทุกวัน มันโกอินเตอร์ไปแล้ว เรทดี แสดงเรทให้ดูก่อนจ่าย ไม่ต้องเสียค่ารูด!

  • เหมาะกับใคร: ชาว K PLUS ทุกคน ที่รักความสะดวกสบายและอยากได้เรทดีๆ
  • วิธีใช้: แค่เปิดแอปฯ K PLUS > สแกนจ่าย/รับ > สแกน QR ที่ร้านค้าในประเทศญี่ปุ่น โดยรองรับการชำระเงินผ่าน Alipay+ , UnionPay QR และ PayPay (ใช้ K PLUS สแกนจ่าย QR) โดยสัญลักษณ์ทั้ง 3 ระบบ เป็นแบบนี้:
    • Alipay+
    • Alipay+ : เจอได้ตามสนามบิน, ห้างใหญ่, Don Quijote, ร้านค้าปลอดภาษี
    • UnionPay QR
    • UnionPay QR : เจอตามห้างใหญ่ และ ร้านที่รับนักท่องเที่ยวจีน
    • PayPay
    • PayPay : มีอยู่ตามร้านค้าทุกแห่งที่แสดงสัญลักษณ์ PayPay QR โดย K PLUS สามารถสแกนจ่าย PayPay QR เพื่อชำระเงินได้
  • ข้อดี: สะดวกสุดๆ แค่มีมือถือกับอินเทอร์เน็ต, เรทแลกเงินดี (ไม่มีค่าธรรมเนียม 2.5%), เห็นยอดเงินบาททันทีก่อนกดยืนยัน
  • ข้อเสีย: ต้องมีอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา และพนักงานบางคนอาจจะยังงงๆ ว่าแอปฯ ไทยสแกนได้ด้วยเหรอ
  • ⭐ Pro Tip: ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ! แค่ชี้ไปที่ป้าย QR Code แล้วถามพนักงานสั้นๆ ว่า "PayPay?" (เพ-เพ?) เขาก็จะเข้าใจและพยักหน้าให้เราสแกนได้เลย

1.5 บัตร IC Card (Suica / Pasmo / ICOCA)

บัตรเทพ! บัตรสารพัดนึก! ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมี

  • เหมาะกับใคร: ทุกคนที่ต้องขึ้นรถไฟหรือรถบัส (ซึ่งก็คือทุกคนนั่นแหละ!)
  • วิธีใช้: ซื้อบัตรได้ที่สนามบินหรือสถานีรถไฟใหญ่ๆ แล้วเติมเงินเข้าไป ใช้แตะ "ติ๊ด" ตอนเข้าระบบขนส่งสาธารณะได้เลย ไม่ต้องวุ่นวายซื้อตั๋วเป็นรอบๆ
  • ข้อดี: นอกจากใช้เดินทางแล้ว ยังใช้แตะซื้อของในร้านสะดวกซื้อ, ตู้กดน้ำ, ตู้ล็อกเกอร์ฝากของ ได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
  • ข้อเสีย: เป็นเงิน e-Money ที่ต้องเติมเข้าไปก่อน
  • ⭐ Pro Tip: ถ้าใช้ iPhone แนะนำให้แอดบัตร Suica เข้าไปใน Apple Wallet เลยครับ สะดวกมาก! สามารถเติมเงินผ่านบัตรเครดิตในมือถือได้เลย ไม่ต้องไปหาตู้เติมเงินสดให้วุ่นวาย

2. สถานการณ์จริง! เที่ยวญี่ปุ่น ร้านแบบไหน...จ่ายเงินแบบไหนดี?

ทีนี้มาดูสถานการณ์จริงกันบ้าง ว่าเวลาไปเจอร้านค้าแต่ละแบบ ควรหยิบอะไรออกมาจ่ายดี

สถานการณ์จริง! เที่ยวญี่ปุ่น ร้านแบบไหน...จ่ายเงินแบบไหนดี?
  • 🏪 ร้านสะดวกซื้อ (7-Eleven, Lawson, Family Mart):
    • รับทุกอย่าง! ที่นี่คือสวรรค์ของการจ่ายเงิน จะแตะ IC Card, รูด Travel Card, สแกนจ่ายด้วย K PLUS (Alipay+) หรือจ่ายเงินสดก็ได้หมด แถมยังเป็นจุดเติมเงิน IC Card อีกด้วย
  • 🏬 ห้างสรรพสินค้า, ร้านแบรนด์เนม, ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า:
    • บัตรเครดิต, Travel Card หรือ สแกนจ่ายด้วย K PLUS (Alipay+, UnionPay QR) เพื่อความสะดวกและปลอดภัย
    • อย่าลืมยื่นพาสปอร์ตเพื่อทำ Tax Refund ด้วยล่ะ!
  • 🍜 ร้านอาหารและคาเฟ่:
    • ร้านเชนใหญ่/ร้านในห้าง: ส่วนใหญ่รับบัตรเครดิต และ สแกนจ่ายด้วย K PLUS (Alipay+)
    • ร้านท้องถิ่น/ร้านราเม็งตู้กด/ร้านในตลาด: เตรียมเงินสดไว้เลย! ร้านเก๋าๆ แบบนี้ส่วนใหญ่รับแต่เงินสดเท่านั้น
  • 🚆 การเดินทาง (รถไฟ/รถบัส):
    • IC Card คือพระเอกตัวจริง สะดวกและรวดเร็วที่สุด ไม่มีบัตรนี้เหมือนขาดใจ
  • 🥤 ตู้ขายของอัตโนมัติ / ตู้ล็อกเกอร์:
    • IC Card และเงินสด (โดยเฉพาะเหรียญ 10, 50, 100 เยน) คือคำตอบ
  • ⛩️ วัด, ศาลเจ้า, ร้านค้าริมทาง:
    • เงินสดเท่านั้น! เตรียมเงินสำหรับทำบุญ ซื้อเครื่องราง และของกินเล่นไว้ได้เลย

3. เที่ยวญี่ปุ่น สแกนจ่ายด้วย K PLUS ผ่านบริการ K+ Go Inter

  • สะดวก ไม่ต้องสมัคร!แอปพลิเคชันเพิ่ม เพียงเปิดแอป K PLUS สามารถชำระค่าสินค้า/บริการ โดยหักบัญชีที่ผูกกับ K PLUS แสดงเรทให้ดูก่อนชำระ โดยชำระได้สำหรับร้านค้าในประเทศญี่ปุ่นที่รองรับ QR Code ของ Alipay+ และ UnionPay QR หรือสแกน QR ร้านค้า ที่มีสัญลักษณ์ PayPay

4. ตารางเปรียบเทียบการจ่ายเงิน (เซฟเก็บไว้ดูได้เลย!)

กดและเลื่อนเพื่อดูข้อมูลภายในตาราง

K PLUS (Alipay+, UnionPay QR และ PayPay QR)
บัตร Youtrip (Travel Card)
บัตรเดบิต Journey (Travel Card)
บัตรเครดิต KBank JCB
IC Card (Suica / Pasmo / ICOCA)
จุดเด่น ใช้ง่าย หักเงินในบัญชีได้เลย เรทดี ไม่มีชาร์จ ควบคุมงบได้ ให้เรทแลกเปลี่ยนที่ดี สามารถแลกเก็บเงินไว้ล่วงหน้า หักผ่านบัญชีธนาคาร ได้เลย เรทดี ไม่มีชาร์จ ต้องการโปรโมชันของบัตร และความสะดวกในการใช้งาน ใช้กรณีร้านค้าริมทาง วัด ศาลเจ้า
ร้านขนาดเล็ก / ร้านอาหาร Street Food / ร้านสะดวกซื้อ

ใช้ได้ เพราะร้านค้าจำนวนมากรองรับ PayPay

ใช้ได้ดีสำหรับร้านสะดวกซื้อ

ร้านค้าเล็กๆทั่วไปไม่รับบัตร

ใช้ได้

ไม่เหมาะกับร้าน Street Food

ใช้ดีที่สุด (สำหรับร้านสะดวกซื้อ)

ร้านค้าเล็กๆทั่วไปไม่รับบัตร

ห้างสรรพสินค้า / ร้านขนาดใหญ่ / โรงแรม สนามบิน

ใช้ได้ดี ส่วนใหญ่รองรับ (Alipay+ UnionPay QR)

ใช้ได้

ใช้ได้

ไม่แนะนำ ไม่เหมาะกับการจ่ายยอดสูงๆ

การเดินทาง รถไฟ JR/ รถไฟใต้ดิน ใช้ได้บางสถานีใหญ่ ๆ ใช้ได้บางสถานีใหญ่ ๆ

ใช้ได้ แตะที่ประตูเข้าออกได้เลย

วิธีการใช้งาน - ใช้ K PLUS สแกน QR ร้านค้า
- ร้านค้าสแกน QR บน K PLUS
เติมเงิน > รูด/แตะจ่าย รูด/แตะจ่าย รูด/แตะจ่าย เติมเงิน > แตะจ่าย
บริการห้องรับรองสนามบินขาออก

K Point KLUB

1 สิทธิ์ / ปี

Miracle Lounge

Coral Lounge

K Point KLUB

Miracle Lounge

K Point KLUB

Lounge Key*

ค่าธรรมเนียมสมัคร/รายปี 700 บาท/550 บาท (ฟรีปีแรก) ฟรีปีแรก* ค่าสมัคร 0-500 เยน
อัตราแลกเปลี่ยน/ค่าธรรมเนียม เรทดี (แสดงเรทให้ดูก่อนจ่าย) / ไม่มีค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% เรท Mastercard (แสดงเรทให้ดูก่อนแลก) / ไม่มีค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% เรทตาม VISA / ไม่มีค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% เรทตาม JCB / ค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนไม่เกิน 2.5% ไม่มี

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บัตรเครดิตกำหนด

จากตารางสรุปง่ายๆ:

  • เดินเล่น ชิมของว่าง เข้าร้านสะดวกซื้อ: K PLUS หรือ IC Card คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ
  • เข้าห้าง ช้อปปิ้ง หรือ พักโรงแรม: บัตร Travel Card (บัตร YouTrip /บัตรเดบิต JOURNEY กสิกรไทย) คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุด และบัตรเครดิต KBank JCB อาจมอบส่วนลดพิเศษให้คุณได้

5. สรุป! เที่ยวญี่ปุ่น จ่ายเงินยังไง? ให้โปรเหมือนไปมา 10 รอบ

อ่านมาถึงตรงนี้คงเห็นแล้วว่าไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุดสำหรับทุกอย่าง แต่เราสามารถผสมผสานการใช้งาน (The Best Mix) เพื่อให้ทริปของเราสะดวกและคุ้มค่าที่สุดได้ครับ

นี่คือสูตรสำเร็จที่อยากแนะนำ:

  1. ใช้ Travel Card (บัตร Youtrip / บัตรเดบิต Journey กสิกรไทย): สำหรับรูดจ่ายซื้อของ กินข้าว ช็อปปิ้งทั่วไป และต้องการควบคุมงบประมาณ และความคุ้มค่าจากเรทแลกเงิน
  2. ใช้ K PLUS สแกนจ่าย: ในร้านสะดวกซื้อ และ ร้านที่มีป้าย PayPay QR รวมถึง Alipay+ และ UnionPay QR เพื่อความสะดวก รวดเร็ว เรทดี ไม่มีค่าอัตราแลกเปลี่ยน แสดงเรทให้ดูก่อนจ่าย
  3. พกบัตรเครดิต (แนะนำบัตรเครดิต KBank JCB): ไว้สำรองเผื่อฉุกเฉิน จ่ายค่าโรงแรม และรับโปรเด็ดๆ
  4. มี IC Card ติดตัวเสมอ: สำหรับการเดินทางสาธารณะที่ราบรื่น และ ซื้อของจุกจิก
  5. พกเงินสดติดกระเป๋า: สำหรับร้านที่บัตรไหนก็เอาไม่ลง! ตลาดปลา วัด และ ศาลเจ้า

หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนวางแผนเรื่องการเงินสำหรับทริปญี่ปุ่นได้ง่ายและมั่นใจขึ้นนะครับ ขอให้เที่ยวให้สนุก กินให้อร่อย ช้อปของที่ถูกใจ แล้วอย่าลืมแชร์บทความนี้เก็บไว้เปิดดูตอนไปเที่ยวหรือส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่กำลังจะไปด้วยนะ!

อ่านบทความเพิ่มเติม

คลิกเลย
คุณมีบัตรเครดิตกสิกรไทย
แล้วหรือยัง?
สนใจสมัครบัตร
แตะเพื่อเปิด