ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศแบบไหนดี เปรียบเทียบให้คุ้มค่าและตรงใจที่สุดในปี 2025

การเดินทางไปต่างประเทศนอกจากจะสร้างประสบการณ์แล้ว ยังเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ให้เราได้เรียนรู้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การทำประกันเดินทางจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยรองรับค่าใช้จ่ายยามฉุกเฉินแล้ว ยังทำให้เราเที่ยวได้อย่างสบายใจมากขึ้นด้วย

ทำไมประกันเดินทางถึงสำคัญ?
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศ เราไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ ป่วยไม่สบาย หรือของหาย ถ้ามีประกันเดินทาง เราก็จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งเรื่องค่ารักษาพยาบาลและความช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆ แถมถ้าต้องยกเลิกหรือเลื่อนทริป หรือเที่ยวบินดีเลย์จนต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้ ประกันก็จะช่วยดูแลเรา

ทำไมต้องเปรียบเทียบแผนประกัน?
ก่อนเลือกทำประกัน ควรเปรียบเทียบแผนต่างๆ ให้ดี เพราะจะช่วยให้เราได้แผนที่เหมาะกับการเดินทาง และงบประมาณของเรามากที่สุด ลองดูรายละเอียดความคุ้มครองแต่ละแบบให้ดี ทั้งเรื่องค่ารักษา ความคุ้มครองทรัพย์สิน หรือการยกเลิกทริป,เลื่อนทริป เที่ยวบินดีเลย์ เป็นต้น จะได้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป

เลือกประกันอย่างไรให้เหมาะกับเรา?
การเลือกประกันที่ใช่ เป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ ต้องดูว่าเราจะไปเที่ยวแบบไหน ไปประเทศอะไร และจะทำกิจกรรมอะไรบ้าง เช่น ถ้าต้องทำวีซ่าแชงเก้น ก็ควรเลือกแผนที่มีทุนประกันไม่น้อยกว่า 30,000 ยูโร หรือ 1,500,000 บาท หรือถ้าเดินทางไปต่างประเทศ บ่อยๆ การทำประกันแบบรายปีอาจจะคุ้มค่ากว่า

ประกันเดินทางช่วยคุ้มครองคุณระหว่างทริปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้น เช่น ต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน จำเป็นต้องยกเลิกทริป หรือของมีค่าสูญหาย

ความคุ้มครองหลักๆ มีอะไรบ้าง?

1. ค่ารักษาพยาบาลฉุกเฉิน

   หากป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างเที่ยว ไม่ต้องกังวลเรื่องค่ารักษา ครอบคลุมถึงค่าส่งตัวกลับประเทศไทยหากจำเป็น

2. ชดเชยกรณียกเลิกทริป

   ไม่ว่าจะเจอภัยธรรมชาติ หรือป่วยกะทันหัน เคลมค่าตั๋วเครื่องบินและที่พักที่จองไว้ได้ โดยต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง แนะนำให้ศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขกรมธรรม์ก่อนทุกครั้ง

3. คุ้มครองทรัพย์สิน

   กระเป๋าหาย กระเป๋าพัง หรือโดนขโมย ได้รับการชดเชยตามมูลค่าความเสียหายจริง

รูปแบบประกันเดินทางมีแบบไหนบ้าง?

การเลือกแผนประกันการเดินทางที่เหมาะสมกับลักษณะการเดินทางของคุณมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยแผนประกันการเดินทางสามารถแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ แผนรายเที่ยวและแผนรายปี

แผนรายเที่ยว vs. แผนรายปี

แผนรายเที่ยวเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไม่บ่อยครั้ง หรือมีการเดินทางเป็นครั้งคราว เช่น การเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดหรือการเดินทางเพื่อธุรกิจในบางครั้ง แผนนี้จะให้ความคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนดในแต่ละครั้งที่คุณเดินทาง โดยคุณสามารถเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับระยะเวลาและจุดหมายปลายทางของการเดินทางนั้นๆ

ในทางกลับกัน แผนรายปีจะเหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยครั้ง เช่น นักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ หรือนักท่องเที่ยวที่รักการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ตลอดทั้งปี แผนรายปีจะให้ความคุ้มครองต่อเนื่องตลอดทุกการเดินทางที่คุณทำภายในระยะเวลา 1 ปี โดยไม่ต้องซื้อประกันใหม่ในแต่ละครั้งที่เดินทาง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว

ทริปสั้น vs. ทริปยาว

หากคุณมีการเดินทางสั้นๆ เช่น การเดินทางในช่วงสุดสัปดาห์หรือการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาสั้นๆ แผนประกันการเดินทางแบบรายเที่ยวที่มีระยะเวลาคุ้มครองสั้นๆ จะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากคุณมีการเดินทางยาวนาน เช่น การเรียนต่อต่างประเทศหรือการทำงานในต่างประเทศ แผนที่มีระยะเวลาคุ้มครองยาวๆ จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมว่าแผนประกันเดินทางนั้นๆ คุ้มครองต่อทริปสูงสุดกี่วัน

ใครที่เหมาะกับประกันแบบรายปี?

ประกันแบบรายปีเหมาะสำหรับผู้ที่มีการเดินทางบ่อยครั้งหรือมีแผนการเดินทางที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น

• นักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศเป็นประจำ
• นักท่องเที่ยวที่มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ หลายครั้งในปีเดียว
• ผู้ที่ต้องเดินทางเพื่อเยี่ยมเยียนครอบครัว หรือเพื่อนฝูงในต่างประเทศบ่อยครั้ง
• นักศึกษาแลกเปลี่ยน หรือผู้ที่ทำงานในต่างประเทศเป็นระยะเวลานาน

แผนประกันแบบรายปีไม่เพียงแต่ให้ความสะดวกสบายในการซื้อประกันเพียงครั้งเดียว แต่ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวและให้ความมั่นใจว่าคุณจะได้รับการคุ้มครองตลอดทุกการเดินทางของคุณ

1. ค่ารักษาพยาบาลและความช่วยเหลือฉุกเฉินเมื่อเราเดินทางไปต่างประเทศ สุขภาพและอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ ประกันจึงควรครอบคลุม
   • ค่ารักษาในโรงพยาบาล
   • การส่งตัวกลับประเทศกรณีฉุกเฉิน
   • ความช่วยเหลือด้านยาและการรักษา
2. การยกเลิกหรือเที่ยวบินล่าช้า ปัญหาเที่ยวบินเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกันจะช่วยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น เช่น
   • ค่าจองที่พักใหม่
   • ค่าอาหารระหว่างรอ
   • ค่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆ
3. ความคุ้มครองกระเป๋าและทรัพย์สิน กระเป๋าหายหรือของมีค่าเสียหายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ประกันจะช่วย
   • ชดเชยมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหาย
   • จ่ายค่าซ่อมแซมของที่เสียหาย
   • ให้ความคุ้มครองสัมภาระระหว่างเดินทาง
4. ความรับผิดต่อบุคคลอื่น หากเกิดเหตุที่ทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหาย ประกันจะช่วย
   • จ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
   • รับผิดชอบค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น
   • ดูแลค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การมีประกันที่ครอบคลุมจะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด