ฟรีวีซ่า 36 ประเทศที่ไทยไม่ต้องขอวีซ่า เข้าประเทศไหนได้บ้าง อัปเดตล่าสุด 2024

การเดินทางไปยังประเทศที่มีฟรีวีซ่าเป็นทางเลือกที่เพิ่มความสะดวกและความรวดเร็วให้กับนักท่องเที่ยวไทย เพราะสามารถเดินทางได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าที่ซับซ้อน การเดินทางโดยไม่ต้องใช้วีซ่าช่วยให้ผู้เดินทางประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังสามารถวางแผนท่องเที่ยวอย่างกระทันหันได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้หลายคนเลือกเดินทางไปประเทศเหล่านี้เป็นพิเศษ

ฟรีวีซ่า หมายถึง การที่ผู้ถือหนังสือเดินทางสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องยื่นขอวีซ่าล่วงหน้า ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดระยะเวลาการพำนักได้ตั้งแต่ 15, 30 หรือ 90 วัน ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ประโยชน์หลักของฟรีวีซ่าคือการลดความยุ่งยากในการขออนุมัติเดินทาง ลดค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่า และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมีความยืดหยุ่นในการเลือกจุดหมายปลายทางและวางแผนการท่องเที่ยวอย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างกันมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันนักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยัง 36 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เราได้รวบรวมรายชื่อประเทศเหล่านี้ พร้อมระยะเวลาที่สามารถพำนักได้และเงื่อนไขพิเศษต่างๆ โดยแบ่งตามภูมิภาคดังนี้:

1. เอเชีย (23 ประเทศ)
   นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ในเอเชียโดยไม่ต้องขอวีซ่า ซึ่งระยะเวลาในการพำนักจะแตกต่างกันไป:
   1. สิงคโปร์: พำนักได้ไม่เกิน 15 วัน
   2. บรูไน: พำนักได้ไม่เกิน 14 วัน
   3. กัมพูชา: พำนักได้ไม่เกิน 14 วัน
   4. จีน: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   5. มณฑลไห่หนาน: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   6. ฮ่องกง: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   7. อินโดนีเซีย: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   8. ญี่ปุ่น: พำนักได้ไม่เกิน 15 วัน
   9. คาซัคสถาน: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   10. สาธารณรัฐเกาหลี: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   11. คีร์กีซ: พำนักได้ไม่เกิน 60 วัน
   12. ลาว: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   13. มาเก๊า: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   14. มองโกเลีย: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   15. มาเลเซีย: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   16. มัลดีฟส์: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   17. เมียนมา: พำนักได้ไม่เกิน 14 วัน
   18. ฟิลิปปินส์: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   19. กาตาร์: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   20. ไต้หวัน: พำนักได้ไม่เกิน 14 วัน
   21. ทาจิกิสถาน: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   22. ตุรกี: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   23. เวียดนาม: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
2. ยุโรป (3 ประเทศ)
   ยุโรปเป็นอีกหนึ่งภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าในบางประเทศ:
   1. แอลเบเนีย: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   2. จอร์เจีย: พำนักได้ไม่เกิน 365 วัน
   3. รัสเซีย: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
3. อเมริกา (5 ประเทศ)
   ในภูมิภาคอเมริกา นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยังบางประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า:
   1. บราซิล: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   2. ชิลี: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   3. เอกวาดอร์: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   4. ปานามา: พำนักได้ไม่เกิน 180 วัน
   5. เปรู: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
4. โอเชียเนีย (2 ประเทศ)
   นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยังบางประเทศในโอเชียเนียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า:
   1. ฟิจิ: พำนักได้ไม่เกิน 120 วัน
   2. วานูอาตู: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
5. แอฟริกา (3 ประเทศ)
   แม้ว่าในแอฟริกาจะมีเพียงไม่กี่ประเทศที่อนุญาตให้เดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ก็ยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่:
   1. อาร์เจนตินา: พำนักได้ไม่เกิน 90 วัน
   2. เซเชลส์: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน
   3. แอฟริกาใต้: พำนักได้ไม่เกิน 30 วัน

นักท่องเที่ยวไทยสามารถเดินทางไปยังหลากหลายประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า และในที่นี้เราจะเจาะลึกถึง 5 จุดหมายปลายทางยอดนิยม ที่ไม่เพียงให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าจดจำ แต่ยังสะดวกสบายในการเดินทางอีกด้วย

1. ญี่ปุ่น
   • จำนวนวันที่พำนักได้: ไม่เกิน 15 วัน
   • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
     1. โตเกียว: เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยแสงสี สถานที่ที่ต้องไปเยือนคือ ชิบูย่า และ โตเกียวทาวเวอร์
     2. เกียวโต: เมืองแห่งวัฒนธรรมและวัดที่มีชื่อเสียง เช่น วัดคิโยมิซุ และ ฟูชิมิ อินาริ ที่มีเสาโทริอิเรียงราย
     3. โอซาก้า: เมืองแห่งอาหารอร่อยและการช็อปปิ้ง ไม่ควรพลาด ปราสาทโอซาก้า และ Universal Studios Japan
   • คำแนะนำในการท่องเที่ยว: สำหรับการเดินทางควรใช้ JR Pass ที่ครอบคลุมการเดินทางโดยรถไฟทั่วประเทศ ประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวกสบาย
   • การเดินทาง: ระบบขนส่งสาธารณะในญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในเรื่องความตรงเวลาและความสะอาด โดยเฉพาะรถไฟซึ่งเป็นวิธีการเดินทางที่ดีที่สุด



2. จีน
   • จำนวนวันที่พำนักได้: ไม่เกิน 30 วัน (เริ่มมีผลตั้งแต่ 1 มีนาคม 2567)
   • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
     1. กำแพงเมืองจีน: หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ตั้งอยู่ใกล้กับปักกิ่ง
     2. เมืองปักกิ่ง: เยี่ยมชม พระราชวังต้องห้าม และ จัตุรัสเทียนอันเหมิน
     3. เมืองเซี่ยงไฮ้: เมืองที่เต็มไปด้วยความทันสมัย ต้องไปเยือน The Bund และ หอไข่มุก
   • คำแนะนำในการท่องเที่ยว: ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับและหลักฐานการจองที่พัก เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่เรื่องการพำนักไม่เกิน 30 วัน
   • การเดินทาง: จีนมีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูง (High-Speed Rail) ที่ทันสมัย ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองใหญ่สะดวกและรวดเร็ว



3. สิงคโปร์
   • จำนวนวันที่พำนักได้: ไม่เกิน 30 วัน
   • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
     1. Marina Bay Sands: จุดชมวิวที่สามารถเห็นทิวทัศน์ของสิงคโปร์ได้อย่างเต็มที่
     2. Gardens by the Bay: สวนสวยที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมโดมขนาดใหญ่
     3. Sentosa Island: สถานที่พักผ่อนยอดนิยม มีทั้งชายหาดและสวนสนุก Universal Studios Singapore
   • คำแนะนำในการท่องเที่ยว: สิงคโปร์เป็นประเทศที่สะอาดและเป็นระเบียบ ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการทิ้งขยะในที่สาธารณะ
   • การเดินทาง: การเดินทางในสิงคโปร์สะดวกด้วยระบบ MRT (รถไฟฟ้า) ที่ครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ



4. มาเลเซีย
   • จำนวนวันที่พำนักได้: ไม่เกิน 30 วัน
   • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
     1. กัวลาลัมเปอร์: ชม ตึกแฝดเปโตรนาส และเดินช้อปปิ้งที่ Bukit Bintang
     2. ปีนัง: เมืองเก่าแก่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลและอาหารสตรีทฟู้ดที่มีชื่อเสียง
     3. เกาะลังกาวี: สวรรค์แห่งชายหาดและธรรมชาติที่สวยงาม
   • คำแนะนำในการท่องเที่ยว: มาเลเซียเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ควรให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมและศาสนาที่แตกต่างกัน
   • การเดินทาง: การเดินทางในมาเลเซียสะดวกด้วย รถไฟฟ้า LRT ในเมืองใหญ่ และ รถบัส สำหรับการเดินทางระหว่างเมือง



5. ฮ่องกง
   • จำนวนวันที่พำนักได้: ไม่เกิน 30 วัน
   • สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ:
     1. Victoria Peak: จุดชมวิวที่สูงที่สุดของฮ่องกง มองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของเมือง
     2. Hong Kong Disneyland: สวนสนุกที่เหมาะสำหรับครอบครัวและเด็กๆ
     3. Tsim Sha Tsui: ย่านช้อปปิ้งและท่าเรือชื่อดังที่มีการแสดงแสงสีเสียงทุกคืน
   • คำแนะนำในการท่องเที่ยว: เนื่องจากฮ่องกงเป็นเมืองใหญ่และหนาแน่น ควรวางแผนการเดินทางและจองที่พักล่วงหน้า
   • การเดินทาง: ระบบขนส่งในฮ่องกงสะดวกและครอบคลุมด้วย MTR ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อทุกพื้นที่ของเมือง

การเดินทางไปยังประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวไทยถือเป็นโอกาสที่ดีในการผจญภัยและเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การเดินทางราบรื่นและปลอดภัย นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่ควรทราบ:

1. เอกสารที่สำคัญ
   แม้ว่าไม่ต้องขอวีซ่า แต่การเตรียมเอกสารที่ครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญ:
   • หนังสือเดินทาง (Passport): ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหนังสือเดินทางของคุณมีอายุใช้งานเหลืออย่างน้อย 6 เดือนนับจากวันที่เดินทางกลัว
   • ตั๋วเครื่องบินขากลับ: บางประเทศอาจต้องการหลักฐานการเดินทางออกจากประเทศนั้นๆ เช่น ตั๋วเครื่องบินขากลับหรือไปยังประเทศที่สาม
   • หลักฐานการจองที่พัก: ควรเตรียมใบยืนยันการจองที่พักตลอดการเดินทาง ซึ่งบางประเทศจะขอดูเอกสารนี้เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง
   • ประกันการเดินทาง: แม้จะไม่จำเป็นในทุกประเทศ แต่การมีประกันเดินทางที่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและอุบัติเหตุช่วยเพิ่มความสบายใจในกรณีฉุกเฉิน
2. การเตรียมตัวด้านสุขภาพและอนามัย
   • ตรวจสุขภาพก่อนเดินทาง: ควรตรวจเช็คสุขภาพและปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวัคซีนที่จำเป็นก่อนเดินทาง โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปยังประเทศที่มีโรคเฉพาะถิ่น
   • ยาประจำตัว: เตรียมยาประจำตัวหรือยาแก้แพ้ที่จำเป็น พร้อมทั้งใบสั่งยาจากแพทย์หากต้องพกยาเข้าไปในประเทศที่มีกฎเข้มงวดเกี่ยวกับยา
   • อุปกรณ์ป้องกันโรค: หากเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ ควรเตรียมอุปกรณ์ป้องกันโรค เช่น หน้ากากอนามัย หรือเจลล้างมือ
3. จัดเตรียมงบประมาณ
   • วางแผนการใช้จ่าย: คำนวณค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุมทุกส่วน เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าท่องเที่ยว ควรมีงบประมาณสำรองเผื่อกรณีฉุกเฉิน
   • เงินสดและบัตรเครดิต: ควรแลกเงินสกุลท้องถิ่นไว้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายเบื้องต้น นอกจากนี้ การพกบัตรเครดิตเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้การชำระเงินสะดวกในหลาย ๆ ประเทศ
   • แอปพลิเคชันการเงิน: ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่สามารถจัดการการเงินและแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้ เพื่อความสะดวกในการควบคุมงบประมาณ
4. มารยาททางวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น
   • ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น: การเคารพในประเพณีและวัฒนธรรมของประเทศที่คุณไปเยือนเป็นสิ่งสำคัญ ตัวอย่างเช่น การเคารพศาสนา การแต่งกายให้เหมาะสม และการปฏิบัติตามกฎระเบียบในสถานที่ท่องเที่ยว
   • เรียนรู้คำศัพท์พื้นฐาน: แม้จะไม่จำเป็นต้องพูดภาษาท้องถิ่นได้อย่างคล่องแคล่ว แต่การเรียนรู้คำพื้นฐาน เช่น คำว่า "สวัสดี" "ขอบคุณ" และ "ขอโทษ" จะช่วยสร้างความประทับใจและสื่อสารกับคนท้องถิ่นได้ดีขึ้น
5. การเดินทางอย่างมีความรับผิดชอบ
   • รักษาสิ่งแวดล้อม: ขณะเดินทาง ควรปฏิบัติตามหลักการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการใช้พลาสติก ทิ้งขยะในที่ที่กำหนด และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
   • เคารพสัตว์ป่าและธรรมชาติ: หลีกเลี่ยงการสนับสนุนกิจกรรมที่อาจเป็นการทารุณสัตว์หรือทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การจับสัตว์เพื่อถ่ายรูปหรือกิจกรรมที่รบกวนสัตว์ในที่อยู่อาศัยของพวกมัน
   • สนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น: การเลือกซื้อของจากผู้ผลิตท้องถิ่น หรือการสนับสนุนธุรกิจชุมชนจะช่วยสร้างผลประโยชน์ให้กับพื้นที่และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศที่คุณไปเยือน

การเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่าทำให้การท่องเที่ยวของคุณสะดวกขึ้น แต่การเตรียมตัวอย่างรอบคอบในด้านเอกสาร สุขภาพ การเงิน วัฒนธรรม และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้การผจญภัยครั้งนี้ปลอดภัยและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

การเดินทางไปยังประเทศที่ไม่ต้องใช้วีซ่ามีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการเตรียมตัว ลดขั้นตอนการขอวีซ่า และประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย การที่นักท่องเที่ยวไทยสามารถเข้าถึงประเทศเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทำให้มีโอกาสในการสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลายและเปิดกว้างขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเอกสารเพิ่มเติม ประโยชน์ของการเดินทางแบบไม่ต้องใช้วีซ่าจึงช่วยให้คุณสามารถใช้เวลาในการวางแผนและสนุกกับการเดินทางมากขึ้น

ถึงเวลาที่คุณจะเริ่มวางแผนการผจญภัยในฝันแล้ว! ไม่ว่าคุณจะอยากสำรวจวัฒนธรรมในญี่ปุ่น เพลิดเพลินกับธรรมชาติในมาเลเซีย หรือเดินชมแสงสีในสิงคโปร์ จุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องขอวีซ่าเปิดโอกาสให้คุณออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่ เริ่มต้นวางแผนการเดินทางวันนี้ เลือกปลายทางที่คุณอยากไปที่สุด เตรียมเอกสารและสิ่งจำเป็นให้พร้อม แล้วออกเดินทางไปสร้างความทรงจำดี ๆ กับการเดินทางโดยไม่ต้องขอวีซ่า