ประกัน IPD คืออะไร? ซื้ออย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

ผู้ป่วยใน หรือ IPD ย่อมาจาก In-Patient Department คือ ผู้ป่วยที่มีการเข้ารับการรักษาเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 6 ชั่วโมงขึ้นไป หลังการตรวจวินิจฉัยของแพทย์ ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ทันที หรือผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจนต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล (แอดมิท)

ประกันสุขภาพ IPD คืออะไร?

ประกันสุขภาพ IPD หรือ ประกัน IPD คือ ประเภทของประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองการรักษาพยาบาลของผู้ป่วยใน ตั้งแต่ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าพยาบาล ค่าผ่าตัด
ค่าฉายแสง ภายในวงเงินประกันที่กำหนดไว้ เพื่อแบ่งเบาความเสียหายทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษาตัวในโรงพยาบาล

ประกันสุขภาพ IPD และ OPD ต่างกันอย่างไร?

ประกันสุขภาพ IPD และ ประกันสุขภาพ OPD แตกต่างกันตรงที่ประกันสุขภาพ IPD เข้ามาดูแลค่ารักษาพยาบาลเฉพาะผู้ป่วยในที่ต้องใช้ระยะเวลารักษานานกว่า 6 ชั่วโมง ซึ่งต่างจากประกันสุขภาพ OPD ที่จะดูแลค่ารักษาพยาบาลของกลุ่มผู้ป่วยนอกที่เดินทางมาพบแพทย์เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยทั่วไป หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ที่พบแพทย์เสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องนอนพักรักษาตัว

ความครอบคลุมที่กว้างขวาง

ประกัน IPD จะคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น ค่าห้องพัก ค่าอาหาร ค่าพยาบาล ค่ายา ค่าผ่าตัด ค่าฉายแสง และค่าบริการต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

ทำให้คุณสามารถรับการรักษาด้วยบริการที่ดี

ประกัน IPD มักครอบคลุมโรงพยาบาลหลายแห่ง ทำให้เมื่อป่วยหรือบาดเจ็บ ก็สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใดก็ได้ที่เป็นพันธมิตรกับบริษัทประกัน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย และยังได้รับความสะดวกสบายในการรักษาเป็นอย่างดีอีกด้วย

ลดกังวลเพิ่มความสบายใจ

แน่นอนว่าการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน นอกจากจะกังวลเรื่องอาการเจ็บป่วยแล้ว ย่อมมีความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น แต่การมีประกันสุขภาพ IPD ติดตัวไว้จะช่วยให้อุ่นใจได้อย่างมาก สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ คลายความกังวลเรื่องสุขภาพ และเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างสบายใจ

ป้องกันความเสี่ยงทางการเงิน

การทำประกัน IPD เอาไว้สักแผน ก็เหมือนเป็นการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินของผู้เอาประกัน เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาตอนไหน หากวันใดป่วยหนัก ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ค่ารักษาพยาบาลอาจพุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบางครั้งสวัสดิการต่าง ๆ จากบริษัท หรือประกันสังคม อาจจะไม่เพียงพอ ต้องชำระเพิ่มด้วยตัวเอง แต่หากมีประกัน IPD เราก็จะหมดห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาลไปได้

ตรวจสอบแผนความคุ้มครอง

หลายคนอาจเข้าใจว่าประกัน IPD ทุกตัวมีรายละเอียดความคุ้มครองที่เหมือนกันหมด ดังนั้นจะเลือกทำประกัน IPD กับบริษัทไหนก็เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วประกัน IPD ของแต่ละบริษัทก็มีเงื่อนไขการคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป เช่น บางประกันไม่คุ้มครองการตรวจรักษาโรคร้ายแรง ทำให้เมื่อมีเป็นโรคร้ายแรง ต้องจ่ายเงินค่ารักษาด้วยตัวเอง ซึ่งอาจต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นในการเลือกซื้อประกัน IPD อย่าลืมตรวจสอบให้ดีกว่ามีค่ารักษาพยาบาลส่วนใดที่ครอบคลุมบ้าง สามารถเบิกรักษาได้เท่าใด และมีรายการใดต้องจ่ายเอง

พิจารณาเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย

สิ่งต่อมาที่ผู้เอาประกันอย่างเรา ๆ ต้องพิจารณา คือ เบี้ยกันประกันที่ต้องจ่าย ต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่มีและความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่อง บางประกันมีความคุ้มครองที่คุ้มค่า วงเงินสูง ทำให้ต้องจ่ายเบี้ยประกันสูงตามไปด้วย ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาทางการเงินระยะยาวได้ ดังนั้นอย่าลืมประมาณกำลังทรัพย์ในการส่งประกันของตนเอง และเลือกแผนประกัน IPD ในวงเงินที่ต้องการ

ตรวจสอบความคุ้มครองที่มีอยู่

เหล่ามนุษย์เงินเดือนอย่าลืมตรวจสอบความคุ้มครองปัจจุบันที่ตนเองมีอยู่ เช่น ความคุ้มครองจากประกันสังคม สวัสดิการสุขภาพซึ่งจะมีติดตัวตลอดอายุการทำงาน เพื่อไม่ให้ประกัน IPD ไม่ไปทับซ้อนความคุ้มครองที่มีอยู่เดิม

เพิ่มความอุ่นใจการทำประกันสุขภาพ IPD และ OPD

โรคภัยไข้เจ็บเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ วันนี้อาจจะเจ็บป่วยทั่วไป แต่พรุ่งนี้อาจจะอาการหนักขึ้น หรือเกิดอุบัติเหตุจนต้องแอดมิทเป็นผู้ป่วยใน ดังนั้นการเพิ่มความอุ่นใจด้วยการทำประกันสุขภาพ IPD และ OPD ควบคู่กัน จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าเบี้ยประกันอาจจะสูง แต่ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน เพราะจะมีความคุ้มครองทั้งในส่วนของผู้ป่วยในที่มีอาการเจ็บป่วยหนักและมีค่ารักษาพยาบาลที่สูง และในส่วนของผู้ป่วยนอกที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย

โรคภัยไข้เจ็บและอุบัติเหตุไม่เลือกเวลาเกิด การทำประกัน IPD จึงนับเป็นการลงทุนที่จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยในที่มีอัตราสูงขึ้นทุกวัน ดังนั้นมีประกัน IPD ติดตัวไว้สักแผน จะช่วยเตรียมพร้อมรับมือในยามเจ็บป่วยที่ไม่คาดฝัน ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกทำประกันประเภทใดขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้เอาประกัน โดยเลือกให้เหมาะสมกับความเสี่ยงด้านสุขภาพตนเองมากที่สุด เพราะหากซื้อแผนที่ไม่ตรงกับสุขภาพของเรา การลงทุนครั้งนี้อาจจะสูญเปล่าเลยก็ว่าได้