10 เคล็ดลับ สำหรับการเตรียมตัวกู้ซื้อบ้าน คอนโด

สำหรับมือใหม่เพิ่งเริ่มกู้เป็นครั้งแรก อาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องการกู้เงินซื้อบ้านสักเท่าไรว่าคืออะไร กู้ได้ที่ไหนบ้าง การกู้ซื้อบ้านพูดง่ายๆ ก็คือ การกู้ยืมเงินจากธนาคารต่างๆ เพื่อนำมาซื้อบ้าน หรือสร้างบ้าน ซึ่งเป็นการกู้ในระยะยาว ใช้ระยะเวลาผ่อนหลายปี หรือที่หลายๆ คนเรียกว่าสินเชื่อบ้านหรือสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั่นเอง

วงเงินในการกู้ก็จะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย เช่น รายได้ของผู้กู้ ภาระหนี้สินที่มี ความสามารถในการผ่อนต่อเดือน สำหรับการผ่อนชำระต่อเดือนจะประกอบไปด้วยเงินต้นที่นำไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ และดอกเบี้ย ซึ่งดอกเบี้ยจะมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงินที่ผู้ซื้อบ้านได้ทำการกู้ยืม

บางทีกู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่านอาจเป็นเพราะคุณสมบัติไม่ใช่ ก่อนจะกู้ซื้อบ้านจึงต้องสำรวจคุณสมบัติของตัวเองสักหน่อย มาเช็กตามลิสต์นี้กันเลยว่าคุณมีคุณสมบัติในการกู้เงินซื้อบ้านเหล่านี้หรือเปล่า

• อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ต้องไม่เกิน 65 ปีบริบูรณ์
• รายได้เพียงพอต่อการผ่อนชำระ จะดูจากรายรับในแต่ละเดือน เช่น รายรับคงที่ (เงินเดือน, โบนัสประจำ) โดยทั่วไปจะกำหนดขั้นต่ำตั้งแต่ 10,000 - 15,000 บาทขึ้นไป และรายได้ไม่คงที่ เช่น เบี้ยเลี้ยง ค่าคอม ค่าล่วงเวลา เป็นต้น
• มีเอกสารรับรองรายได้ชัดเจน อีกหนึ่งหลักฐานที่จำเป็นสำหรับการยื่นเรื่องของกู้บ้านก็คือสลิปเงินเดือน สำหรับฟรีแลนซ์ต้องมีรายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 4-6 เดือน
• อายุงาน 1 ปีขึ้นไป ธนาคารส่วนมากจะกำหนดขั้นต่ำในการทำงานคือ 1 ปี และต้องไม่อยู่ในช่วงทดลองงาน
• ภาระหนี้สินไม่เกินตัว ธนาคารจะตรวจสอบและพิจารณาในเรื่องภาระหนี้สินของผู้กู้ด้วยเช่นกัน ทั้งหนี้สินระยะยาว และหนี้สินระยะสั้น
• ผู้กู้ร่วม สามารถกู้ร่วมได้ 1-2 คน ต้องมีความสัมพันธ์กัน เช่น พ่อแม่ พี่น้อง สามี-ภรรยา เพื่อน เป็นต้น

กู้บ้านยังไงให้ผ่าน ห้ามผิดพลาดเรื่องเอกสารเด็ดขาด เพราะไม่ว่าจะทำธุรกรรมในเรื่องใดก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เอกสาร” หากเอกสารไม่ครบ หรือไม่ถูกต้อง การดำเนินการต่างๆ ก็จะไม่ประสบความสำเร็จ แถมยังทำให้ล่าช้าอีกด้วย ใครอยากให้สินเชื่อกู้บ้านอนุมัติไว เป็นไปอย่างราบรื่น ต้องเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อม

• บัตรประจำตัวประชาชน บัตรข้าราชการ
• ทะเบียนบ้าน
• เอกสารแสดงรายได้ สำหรับพนักงานประจำ ให้แสดงหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท บัญชีย้อนหลัง 6 เดือน รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่ทางธนาคารต้องการ สำหรับเจ้าของกิจการ และฟรีแลนซ์ ให้แสดงหลักฐานรายได้สม่ำเสมอ บัญชีย้อนหลัง 12 เดือน หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ และเอกสารอื่นๆ ที่ทางธนาคารต้องการ

ขั้นตอนการกู้ซื้อบ้านนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ผู้กู้เพียงเตรียมตัวมาให้พร้อม ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการกู้ซื้อบ้านให้ดี เปรียบเทียบข้อมูลอัตราดอกเบี้ยของแต่ละธนาคาร เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เมื่อตัดสินใจได้ ก็สามารถทำสัญญาได้เลย เห็นไหมว่าขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยาก มาดูกันว่าเคล็ดลับการกู้ซื้อบ้านให้ผ่านจะมีอะไรบ้าง และมีขั้นตอนเป็นอย่างไร

ตรวจสอบเงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้านของธนาคาร

สเต็ปสำคัญอันดับแรกของการกู้ซื้อบ้านก็คือ การตรวจสอบเงื่อนไขการขอสินเชื่อบ้านของธนาคาร เพราะแต่ละธนาคารก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่เหมือนกัน เพื่อเลือกสินเชื่อที่ตรงใจ และเหมาะกับตัวเรามากที่สุด ผู้กู้จะต้องอ่านรายระเอียดให้ถี่ถ้วน เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย อัตราดอกเบี้ยต่างๆ ทั้งแบบคงที่ และลอยตัว

เตรียมเอกสารต่างๆ ให้พร้อม

เมื่อเลือกสินเชื่อของธนาคารได้แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการเตรียมเอกสารให้พร้อม ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชาชน บัตรข้าราชการ ทะเบียนบ้าน บัญชีย้อนหลัง สลิปเงินเดือน เป็นต้น เมื่อยื่นเอกสารตามเงื่อนไขของธนาคารนั้นๆ แล้ว ก็รอให้ทางธนาคารพิจารณาและแจ้งผลว่าสามารถกู้ซื้อบ้านได้หรือไม่

ทำสัญญาเงินกู้ หรือจดจำนอง

เมื่อสถาบันทางการเงินที่คุณไปติดต่อขอกู้ซื้อบ้านตรวจสอบข้อมูลต่างๆ แล้วว่าผ่าน มีคุณสมบัติที่เหมาะสมตรงกับเงื่อนไข และอนุมัติให้สามารถทำการกู้ได้ ธนาคารจะออกสัญญากู้เงิน และทำนิติกรรมที่กรมที่ดิน

ปัญหาที่ทำเอาหลายคนเอามือก่ายหน้าผาก คือ ความกลัวและกังวลว่าจะกู้ซื้อบ้านผ่านไหม อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้จะทำยังไง ต้องเริ่มจากตรงไหน และกู้แบบไหนถึงจะผ่าน? K-Property มีวิธีกู้ซื้อบ้านให้ผ่านแบบง่ายๆ กู้บ้านยังไงให้ผ่าน เพื่อที่คุณจะได้เตรียมตัวให้พร้อม รับรองว่าทำตามนี้ กู้ผ่านแน่นอน!

1. รู้ความสามารถในการกู้และการผ่อน

จะกู้บ้านทั้งทีต้องเอาที่เราไหว คุณสามารถตรวจสอบตัวเองว่ามีความพร้อมที่จะกู้และผ่อนชำระไหม ซึ่งมีสูตรคำนวณง่ายๆ มาฝาก คือ

รายได้ต่อเดือน 60 เท่า = ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้

ตัวอย่างเช่น เงินเดือน 50,000 บาท

จะได้ออกมาเป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท ซึ่งเป็นวงเงินขั้นต่ำที่สามารถกู้ได้ในกรณีที่ไม่มีภาระหนี้สิน

สำหรับใครที่มีหนี้สิน ไม่ว่าจะเป็นผ่อนรถ ผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือผ่อนโทรศัพท์มือถือ ต้องมั่นใจว่าหนี้สินไม่เกิน 30-40% ของรายได้ ตามเรทที่ธนาคารส่วนใหญ่อนุญาต ภาระหนี้ต่อรายได้ DSR (Debt Service Ratio) สามารถคำนวณได้ ดังนี้

(รายได้ต่อเดือน) X (30% หรือ 40%) = (ความสามารถในการผ่อนบ้าน)

ตัวอย่างเช่น เงินเดือน 50,000 บาท x 30%

หรือ เงินเดือน 50,000 บาท x 40%

หากมีหนี้ผ่อนโทรศัพท์อยู่เดือนละ 5,000 บาท ความสามารถในการผ่อนจะอยู่ที่ 10,000 บาท สำหรับ 30% และ 15,000 บาท สำหรับ 40% สามารถคำนวณวงเงินที่สามารถกู้ได้ ตามสูตร

(1,000,000 ÷ 7,000) x (ความสามารถผ่อนบ้าน) = (วงเงินที่สามารถกู้ได้)

ตัวอย่างเช่น ความสามารถในการผ่อนกรณีภาระหนี้สิน 30%

2. ออมเงินดาวน์ไว้ก่อน

หากมองหาบ้านหรือคอนโดอยู่ ก็ควรจะเก็บออมเงินดาวน์ไว้สักหน่อย เพราะแต่ละธนาคารก็มีเงื่อนไขการกู้เงินซื้อบ้านที่ไม่เหมือนกัน หากกู้ได้สูงสุด 90% อีก 10% ที่เหลือจึงต้องเป็นเงินดาวน์ เช่น บ้านราคา 1,000,000 บาท ต้องวางเงินดาวน์ไว้ที่ 100,000 บาท และโครงการบ้านก่อนสร้างเสร็จนั้นมักจะมีการผ่อนดาวน์รายเดือน เช่น ยอดเงินดาวน์ 400,000 บาท ผ่อนดาวน์ 10 เดือน ตกเดือนละ 40,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การเก็บเงินสำหรับดาวน์จึงมีความจำเป็น

3. ดูแลบัญชีธนาคารเป็นอย่างดี

เนื่องด้วยธนาคารต้องมีการดูรายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน เพราะฉะนั้นควรดูแลบัญชีธนาคารให้เป็นอย่างดี ควรมีการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ หากมีรายได้เสริม หรือใครเป็นฟรีแลนซ์ ทำงานด้านค้าขายที่มีรายรับเข้ารายวัน ก็ควรจะโอนเข้าบัญชีธนาคารอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน เพื่อให้ธนาคารเห็นว่าเรามีรายได้ที่มั่นคง และมีความสามารถในการผ่อนชำระรายเดือนได้นั่นเอง

4. มีรายได้ที่มั่นคง

รายได้ที่มั่นคงย่อมทำให้การอนุมัติกู้ซื้อบ้านง่ายมากยิ่งขึ้น สังเกตไหมว่าคนที่ทำงานราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีโอกาสที่การอนุมัติสินเชื่อจะประสบความสำเร็จมากกว่า นั่นก็เป็นเพราะธนาคารจะพิจารณาจากความมั่นคงขององค์กรที่คุณทำงานอยู่ด้วย

5. ยกเลิกบัตรเครดิตที่ไม่จำเป็น

มีบัตรเครดิตเยอะก็อาจจะหมายถึงคุณมีโอกาสสร้างหนี้เยอะเช่นเดียวกัน ใครที่ถือบัตรเครดิตหลายใบก็ควรจะยกเลิกไปบ้าง อันไหนที่ไม่จำเป็น ไม่ค่อยได้ใช้งานก็อย่าเก็บไว้เลยดีกว่า

6. จ่ายหนี้ให้ตรงเวลาเสมอ

เครดิตบูโรหรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด มีหน้าที่จัดเก็บประวัติทางการเงินทั้งหมด คนที่ติดแบล็คลิสต์ ธนาคารก็จะได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากเครดิตบูโรนั่นเอง ดังนั้น การจ่ายหนี้ให้ตรงเวลาก็จะสร้างประวัติทางการเงินที่ดีให้กับตัวเรา ส่งผลให้การอนุมัติสินเชื่อกู้บ้านง่ายขึ้นไปด้วย เพราะบางครั้งรายได้สูง แต่ผิดนัดจ่ายหนี้ประจำก็มีสิทธิ์ที่จะกู้เงินซื้อบ้านไม่ผ่าน

7. พิจารณาผู้กู้ร่วม

เพื่อเพิ่มวงเงินกู้ให้มากขึ้นและเพิ่มโอาสกู้ซื้อบ้านผ่าน อย่าลืมพิจารณาหาผู้กู้ร่วม ซึ่งผู้กู้ร่วมอาจจะเป็นเพื่อน ญาติ หรือ สามี ภรรยา โดยต้องยื่นแสดงเอกสารทางการเงินของผู้กู้ร่วม ผู้ที่กู้ร่วมกับเราก็จะมีหน้าที่ชำระหนี้คนละครึ่ง นอกจากจะเพิ่มโอกาสให้กู้ผ่านได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดภาระหนี้สิน ไม่ต้องแบกรับภาระคนเดียวอีกด้วย

8. ความสามารถในการชำระหนี้ของคู่สมรส

คู่รักที่แต่งงานแล้ว รวมทั้งมีหน้าที่การงานและรายได้ที่มั่นคง มีส่วนช่วยให้การกู้เงินซื้อบ้านถูกอนุมัติได้ง่ายเพิ่มมากขึ้น เพราะรายได้ของสามี ภรรยาจะถูกนำมารวมกัน และประเมินความสามารถในการชำระหนี้ และวงเงินก็จะสูงกว่าการกู้คนเดียว

9. ปิดหนี้ให้หมดก่อนมากู้

อยากกู้ซื้อบ้านให้ผ่าน ควรรีบปิดหนี้เดิมให้หมดเสียก่อน เพราะภาระหนี้สินมีผลโดยตรงกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ และจำนวนเงินที่สามารถกู้ได้ แม้หนี้ที่มีอยู่อาจเหลืองวดผ่อนชำระไม่กี่งวดแล้วก็ตาม คุณก็ควรที่จะจัดการหนี้เหล่านี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน เป็นการเพิ่มวงเงิน เพิ่มโอกาสกู้ผ่าน และยังช่วยให้คุณไม่มีภาระหนี้มากจนเกินไปอีกด้วย

10. พิจารณาทำเลบ้าน

ทำเลบ้านมีผลต่อการกู้บ้านผ่านหรือไม่ผ่านมากกว่าที่คุณคิด เพราะหนี้บ้านเป็นหนี้ระยะยาว ธนาคารจะพิจารณาโครงการบ้าน หรือคอนโดที่คุณจะซื้อว่ามีความน่าเชื่อถือไหม ทำเลดีหรือเปล่า เพราะในอนาคตหากคุณจ่ายไม่ไหวจนธนาคารต้องมายึดบ้าน ธนาคารจะต้องนำบ้านของคุณไปขายทอดตลาด เขาจึงต้องมองว่าบ้านหลังนี้สามารถขายได้ยากหรือง่ายแค่ไหน ซึงมีส่วนต่อการอนุมัติสินเชื่อนั่นเอง

การกู้ซื้อบ้าน คือ การกู้เงินจากธนาคารเพื่อมาสร้างบ้าน ซื้อบ้าน หรือคอนโด หลายคนที่อยากมีบ้านก็กลัวว่าจะกู้ซื้อบ้านไม่ผ่าน แต่การกู้บ้านให้ผ่านนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเตรียมตัวให้พร้อม เอกสารต้องครบ และเรียนรู้วิธีต่างๆ เช่น ศึกษาเงื่อนไขธนาคาร ตรวจเช็คความสามารถทางการเงิน รวมเตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม แค่นี้ก็จะช่วยให้การกู้ซื้อบ้านง่ายดายมากยิ่งขึ้นแล้ว