การรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร มีข้อดีอย่างไร วางแผนอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เชื่อว่าคนที่กำลังกู้บ้านอยู่ คงเคยได้ยินคนอื่นพูดบ่อยๆ ว่า ‘หลังจากผ่อนไป 3 ปี อย่าลืมรีไฟแนนซ์บ้านด้วยนะ จะได้ประหยัดดอกเบี้ย’ ซึ่งจริงๆ แล้วการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่? มีข้อดีข้อเสียอย่างไร? ในบทความนี้ จะพาไปหาคำตอบว่า ‘รีไฟแนนซ์บ้าน’ คืออะไร? พร้อมบอกสิ่งที่ต้องรู้ในการรีไฟแนนซ์บ้าน 2567 แบบละเอียด
การรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร
การรีไฟแนนซ์ คือ การยื่นขอสินเชื่อกู้บ้านกับธนาคารใหม่ เพื่อมาโปะยอดเงินกู้จากธนาคารเดิม จากนั้นทำการผ่อนหนี้ใหม่กับธนาคารใหม่ โดยมีบ้านเป็นหลักประกันตามเดิม เพียงแค่เปลี่ยนธนาคารเพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านเหมาะกับผู้ที่ต้องการผ่อนบ้านต่อเดือนด้วยการเสียดอกเบี้ยน้อยลง และสามารถผ่อนบ้านให้หมดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง
ความจำเป็นในการรีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้านจำเป็นหรือไม่? โดยปกติแล้วการกู้ซื้อบ้านในช่วงแรก ธนาคารจะเสนอวงเงินกู้พร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษให้ ซึ่งหลังจากกู้เงินสำเร็จและผ่อนชำระต่อเนื่องไปประมาณ 3 ปี ธนาคารจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น จากเดิมอาจได้ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3-4% อาจปรับเป็น 5-7% ทำให้ผู้กู้ต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยสูงกว่าเดิม ถึงแม้ว่าการปรับดอกเบี้ย 1-2% อาจดูไม่สูงมาก แต่เมื่อลองคำนวณเป็นเงินอาจต้องเสียดอกเบี้ยมากขึ้นถึงหลักหมื่น – หลักแสนต่อปี ทำให้การรีไฟแนนซ์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้กู้ โดยสามารถสรุปข้อดี-ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์บ้านได้ ดังนี้
ก่อนรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องคำนวณดอกเบี้ยเป็นอย่างแรก
ก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน ต้องคำนวณดอกเบี้ยให้ถูกต้อง เนื่องจากการรีไฟแนนซ์นั้น ทำเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย ลดภาระดอกเบี้ย ทำให้เงินที่จ่ายไปแต่ละเดือน ไปหักเงินต้นได้มากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ต้องมาคำนวณร่วมด้วยก็คือ ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการยื่นขอสินเชื่อใหม่ โดยการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอื่น จะมีค่าธรรมเนียมในการยื่นขอสินเชื่อตามมา ผู้กู้จึงต้องคำนวณให้มั่นใจก่อนว่า เมื่อบวกค่าธรรมเนียมต่างๆ แล้ว ภาระที่ต้องจ่ายจะน้อยลงกว่าเดิม
การคำนวณดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายต่องวด
(เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) ÷ จำนวนวันต่อปี
หมายเหตุ : การคำนวณดอกเบี้ยเป็นแบบลดต้นลดดอก โดยดอกเบี้ยในแต่ละงวดจะลดลงตามจำนวนเงินต้นที่ลดลง
ตัวอย่าง นาย A ผ่อนชำระเงินกู้ไปแล้ว 3 ปี จนเหลือยอดเงินต้น 1,800,000 บาท
หากนาย A ไม่รีไฟแนนซ์ และทำตามเงื่อนไขธนาคารเดิม (เมื่อผ่อนครบ 3 ปี ดอกเบี้ยจะปรับเป็น 5.12% ต่อปี)
(1,800,000 x 5.12% x 31) ÷ 365 = ค่าดอกเบี้ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 7,827.29 บาท
หากนาย A เลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ พร้อมได้ดอกเบี้ยโปรโมชันเฉลี่ย 3.5% โดยยอดเงินต้น 1,800,000 บาท
(1,800,000 x3.5% x 31) ÷ 365 = ค่าดอกเบี้ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 5,350.68 บาท
จากตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยจะเห็นว่า ยิ่งดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้กู้ เนื่องจากได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง อีกทั้งยังสามารถผ่อนชำระเงินต้นได้มากกว่าการเลือกผ่อนบ้านกับธนาคารเดิม
ทั้งนี้สามารถคำนวณวงเงินกู้สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ เบื้องต้น พร้อมกับดูเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในการขอรีไฟแนนซ์ผ่านทางเว็บไซต์ของธนาคารกสิกรไทยได้เลย
โดยปกติแล้วดอกเบี้ยเฉลี่ยในช่วง 3-5 ปีแรก ธนาคารจะมีโปรโมชันอัตราดอกเบี้ยราคาพิเศษให้กับผู้กู้ เช่น ผ่อนบ้านดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปีแรก 3-5% จากนั้นจะปรับดอกเบี้ยขึ้นราว 5-7% ซึ่งนับว่าเป็นค่าดอกเบี้ยที่แพงขึ้นอย่างชัดเจน การรีไฟแนนซ์จึงเป็นวิธีที่ช่วยให้อัตราดอกเบี้ยลดลง ทั้งนี้ผู้กู้ควรคำนวณค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์เอาไว้ด้วย ซึ่งในบางกรณีการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิมอาจประหยัดเงินได้มากกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการขอสินเชื่อใหม่ เช่น ค่าประเมินทรัพย์ ค่าจดจำนอง ค่าอากรสแตมป์ ฯลฯ ดังนั้นก่อนที่จะรีไฟแนนซ์บ้านผู้กู้จึงควรคำนวณค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย และเงื่อนไขของแต่ละธนาคารอย่างละเอียด เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะทำการรีไฟแนนซ์บ้าน หรืออยู่กับธนาคารเดิม
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การกู้ขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยในราคาถูกกว่าธนาคารเดิม แล้วจึงนำเงินไปโปะเพื่อปิดยอดจากธนาคารเก่า ซึ่งในการรีไฟแนนซ์บ้านผู้กู้สามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยของธนาคารอื่นๆ ก่อน แล้วจึงเลือกรีไฟแนนซ์กับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยราคาถูก และมีเงื่อนไขที่เหมาะสม และสำหรับผู้ที่สนใจรีไฟแนนซ์บ้าน ทางธนาคารกสิกรไทย มีสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ลดภาระ ผ่อนบ้านหมดไวขึ้น ได้วงเงินเพิ่ม ดูรายละเอียดคลิก
อ่านบทความสินเชื่อบ้านและเรื่องบ้านเพิ่มเติม
คลิกเลย