ทำไมต้องศึกษากฎหมาย ต่อเติมบ้าน ก่อนดำเนินการ
การศึกษากฎหมาย ก่อนที่จะดำเนินการต่อเติมบ้านหรือก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะจะช่วยให้โครงการดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาภายหลัง
การก่อสร้างจะมีกฎหมายกำหนดขอบเขตเพื่อให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
รวมถึงความปลอดภัย ดังนั้นการศึกษากฎหมาย จะช่วยให้รู้ถึงข้อกำหนดกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
อีกสิ่งสำคัญของการศึกษากฎหมายต่อเติมบ้าน คือการป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น เช่น ถ้าไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
อาจมีคดีทางกฎหมายเกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อโครงการต่อเติมหรือสร้าง โดยผู้ร้องเรียนอาจจะเป็นเพื่อนบ้านหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
5 กฎหมาย ที่ควรรู้ก่อนต่อเติมบ้าน หากไม่อยากโดนร้องเรียน
การที่ต้องศึกษากฎหมาย ก่อนต่อเติมบ้าน เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและการต่อเติมบ้านที่เป็นไปตามข้อกำหนด
1. เมื่อต่อเติมบ้านแล้ว ต้องมีพื้นที่ว่างเหลือไม่น้อยกว่า 30%
เมื่อมีการต่อเติมบ้าน สิ่งสำคัญคือต้องเหลือพื้นที่ว่างอย่างน้อย 30% เพราะการเว้นพื้นที่ว่างให้เพียงพอจะทำให้บ้านมีรากฐานที่มั่นคง ลดความเสี่ยงของปัญหาด้านโครงสร้าง ช่วยให้ระบายอากาศได้อย่างเหมาะสม และลดโอกาสเกิดความชื้นสะสม หรือหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างไฟไหม้ ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้ไฟลามไปยังบ้านข้างเคียงได้ง่าย
- บ้านมีความสูงไม่เกิน 15 เมตร จะต้องมีพื้นที่โดยรอบ 1 เมตร
- ถ้าหากบ้านสูงเกิน 15 เมตร จะต้องมีพื้นที่โดยรอบ 2 เมตร
การที่พื้นที่เปิดโล่งรอบบ้านที่เพียงพอช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในอาคาร สร้างบรรยากาศการอยู่อาศัยที่สว่าง ปลอดโปร่ง และสะดวกสบาย นอกจากนี้ยังส่งเสริมการไหลเวียนของอากาศที่ดีขึ้น ทำให้มั่นใจได้ถึงการระบายอากาศที่ดี และลดความจำเป็นในการทำความเย็นหรือความร้อนเทียมที่มากเกินไป
2. แนวของตัวอาคาร และระยะร่นต่างๆ ต้องมีความสูงไม่เกินที่กฎหมายกำหนด
การกำหนดแนวของตัวอาคารและระยะร่นต่างๆ ที่ไม่เกินที่กฎหมาย กำหนด เพื่อความปลอดภัยและความถูกต้องในการสร้างและต่อเติมบ้าน
- ความสูงของตัวบ้านที่เกิน 9 เมตร แต่ไม่ถึง 23 เมตร ผนังหรือระเบียงต้องอยู่ห่างเขตที่ดิน 3 เมตร
- ถ้าตัวบ้านสูงไม่เกิน 9 เมตร ผนังหรือระเบียงต้องอยู่ห่างเขตที่ดิน 2 เมตร
3. เพื่อนบ้านรับรู้ และยินยอมให้ดำเนินการต่อเติมบ้าน
การที่ได้รับความเข้าใจและยินยอมจากเพื่อนบ้านเมื่อต้องการต่อเติมบ้าน เป็นการรักษาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ช่วยป้องกันความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น เริ่มต้นโดยการพูดคุยกับเพื่อนบ้านเกี่ยวกับแผนการต่อเติมบ้าน อธิบายถึงความต้องการให้เห็นว่าการต่อเติมบ้านจะไม่สร้างความรบกวนหรือปัญหาให้เพื่อนบ้าน ฟังข้อเสนอและข้อคิดเห็นของเพื่อนบ้านและพิจารณาว่าสามารถปรับปรุงแผนการต่อเติมได้อย่างไรเพื่อให้ความพอใจแก่เจ้าของบ้านและความสบายใจของเพื่อนบ้าน
แต่ถ้าหากเพื่อนบ้านไม่ยินยอม ก็จะไม่สามารถต่อเติมแบบชิดเขตพื้นที่ได้ จะต้องเว้นระยะห่าง 0.5 เมตร และต้องเป็นผนังทึบเท่านั้น มิเช่นนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย
4. ขออนุญาตจากเจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
การขออนุญาตจากเจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเมื่อต้องการต่อเติมบ้านที่ปฏิบัติตามข้อกฎหมายกำหนด และควรทำความเข้าใจขั้นตอนและเอกสารที่ต้องเตรียมให้ครบถ้วนเพื่อให้การขออนุญาตเป็นไปอย่างราบรื่น ดังนี้
-
ติดต่อเจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น : ติดต่อหน่วยงานหรือเจ้าพนักงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่บ้านตั้งอยู่ เช่น ตั้งอยู่เขตกรุงเทพ ก็ต้องติดต่อสำนักงานเขตกรุงเทพ
-
เตรียมเอกสารที่จำเป็น : เอกสารที่จำเป็นสำหรับการขออนุญาต เช่น แผนการต่อเติม แบบแผนผัง รายละเอียดการก่อสร้าง เป็นต้น
-
ส่งคำขออนุญาต : ส่งคำขออนุญาตการต่อเติมบ้านพร้อมกับเอกสารที่จำเป็น
-
รอการตอบรับ : รอให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นตรวจสอบคำขอและเอกสารที่ส่งไป หากปฏิบัติตามข้อกำหนดและเอกสารครบถ้วน จะมีการตอบรับภายในระยะเวลาที่กำหนด
-
ดำเนินการต่อเติม : หากคำขอได้รับการอนุมัติ สามารถดำเนินการต่อเติมบ้านตามแผนที่ได้ตามปกติ
-
ปฏิบัติตามเงื่อนไข : ควรปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ได้รับการแจ้งไว้ในการต่อเติมบ้าน
5. ควบคุมการดำเนินการต่อเติมบ้าน โดยสถาปนิกและวิศวกร
การควบคุมการดำเนินการต่อเติมบ้านโดยสถาปนิกและวิศวกรนั้น ช่วยให้โครงการสำเร็จตามแผนและมาตรฐานที่กำหนดไว้ เพราะก่อนการเริ่มต้นดำเนินการต่อเติม สถาปนิกและวิศวกรจะวางแผนและออกแบบโครงการตามความต้องการหรือวัตถุประสงค์ของลูกค้า ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทาง ไอเดียในการต่อเติมบ้าน เช่น ต้องการต่อเติมห้องครัวควรใช้ผนัง กระเบื้องอย่างไร เป็นต้น
หน้าที่ของสถาปนิกและวิศวกรจะตรวจสอบงานที่ดำเนินการตามแผนและการออกแบบ เพื่อให้แน่ใจว่างานถูกดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างการดำเนินการ สถาปนิกและวิศวกรจะปรับปรุงแผนหรือแนะนำวิธีการแก้ไข อีกทั้งสถาปนิกและวิศวกรอาจต้องติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ เช่น ผู้ประเมินคุณภาพงาน นักเขียนแบบ หรือผู้ประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่น
ต่อเติมบ้านแบบไหนที่ไม่ต้องขออนุญาต
โดยทั่วไปแล้ว งานต่อเติมบ้านที่ไม่ต้องขออนุญาตเป็นลักษณะงานเล็กๆ และไม่มีผลกระทบมากที่ส่งผลต่อโครงสร้างหรือภาพรวมของบริเวณโดยรอบ ดังนี้
-
การเปลี่ยนโครงสร้างของบ้าน : หากต้องการเปลี่ยนโครงสร้างบ้านแต่ใช้วัสดุเดิม ขนาด จำนวน ชนิดเดียว เช่น ไม้สัก เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เว้นแต่ว่าจะเปลี่ยนโครงสร้างบ้าน ชนิดวัสดุเป็นเหล็ก ยังคงต้องทำตามกฎหมายและข้อกำหนดที่กล่าวไปก่อนหน้า
-
การเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ของบ้าน : การเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ภายในบ้านที่นอกจากโครงสร้างเช่น เปลี่ยนผนัง พื้นกระเบื้อง เพิ่มความหนาบาง หรืออาจจะเป็นการเพิ่มน้ำหนักส่วนต่างๆ ภายในบ้าน แต่จะต้องไม่เกิน 10 %
-
การเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของอาคาร : เช่น หน้าต่าง ประตู เพดาน ฝ้า เป็นต้น น้ำหนักจะต้องไม่เพิ่มเกิน 10 %
-
การเพิ่มหรือลดพื้นที่รวมกันไม่เกิน 5 ตารางเมตร : จะต้องไม่ใช่การลดหรือเพิ่มจำนวนเสา หรือคาน เช่น การทำพื้นที่เดิมเป็นช่องโล่ง การเพิ่มเฉลียง
-
การเพิ่มหรือลดพื้นที่ส่วนของหลังคา : ต้องมีขนาดไม่เกิน 5 ตารางเมตร และจะต้องไม่ใช่การลด-เพิ่ม เสา หรือคาน
โทษของเจ้าของบ้าน หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมการต่อเติมบ้าน
หากเจ้าของบ้านไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อกำหนดที่เกี่ยวกับการควบคุมการต่อเติมบ้าน อาจมีผลโทษและความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ตามมา และที่สำคัญหากเจ้าของบ้านไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องจ่ายค่าปรับหรือค่าเสียหายไม่เกิน 60,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะปฏิบัติอย่างถูกต้อง หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอาจเป็นค่าปรับเงินสดหรือเป็นการเรียกเก็บทางกฎหมาย
การศึกษาข้อกำหนดและกฎหมายเป็นสิ่งที่ต้องรู้เพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจ และควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือทนายความที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายท้องถิ่นเพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนก่อนดำเนินการต่อเติมบ้านใดๆ หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดและกฎหมาย อาจส่งผลให้เกิดบทลงโทษและผลที่ตามมา
หากมองว่าการต่อเติมบ้านมีข้อจำกัด และยังไม่ตอบโจทย์ครอบครัวมีกำลังมีการขยับขยายที่อยู่อาศัย ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือจำนวนคนในครอบครัว ลองให้ K-property ช่วยหาบ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮมที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตครอบครัว และสามารถต่อเติมบ้านได้ในอนาคต