ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร?
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรืออาจเรียกสั้นๆ ว่าภาษีที่ดิน
เป็นการเรียกเก็บภาษีตามกฎหมายที่มาแทนที่
ภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่มีความซ้ำซ้อนกันอยู่ โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
จะเป็นรูปแบบของภาษีรายปีที่คำนวณจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้ในครอบครอง ซึ่งจะมีเทศบาล
อบต. เป็นผู้เรียกเก็บ สำหรับที่กทม. จะต้องชำระที่สำนักงานเขต
ส่วนเมืองพัทยาจะต้องชำระที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
ประเภทของภาษีที่ดิน 2566
ตามประกาศพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566
จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา มีการลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15% ตามปีภาษี 2566
โดยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 4 ประเภทที่ได้รับการลดอัตราภาษีลง ดังนี้
ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม
สำหรับที่ดินที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านเกษตรกรรม จะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.01-0.1% ซึ่งแบบได้เป็น 2
ประเภท ดังนี้
- บุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
- ที่ดินมูลค่า 50-125 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.01% = ล้านละ 100 บาท
- ที่ดินมูลค่า 125-150 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 150-550 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 550-1,050 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.07% = ล้านละ 700 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,050 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
- นิติบุคคล จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.01% = ล้านละ 100 บาท
- ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 100-500 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 500-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.07% = ล้านละ 700 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย
สำหรับที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จะต้องเสียภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.02-0.1% โดยแบ่งตามประเภทของเจ้าของที่ดิน
ดังนี้
- บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว
จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
- ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
- บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว
จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-10 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
- ที่ดินมูลค่า 10-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.02% = ล้านละ 200 บาท
- ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
- บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง 2 หลังขึ้นไป
จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.02% = ล้านละ 200 บาท
- ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
- ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
- ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม
ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ
โดยถูกนำมาใช้ในลักษณะออฟฟิศ สำนักงาน โรงแรม หรือแม้แต่ธุรกิจร้านอาหาร โดยอัตราภาษีตั้งแต่ 0.3-0.7%
ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.3% = ล้านละ 3,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.4% = ล้านละ 4,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 200-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.5% = ล้านละ 5,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.6% = ล้านละ 6,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.7% = ล้านละ 7,000 บาท
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
ที่ดินรกร้างว่างเปล่า เป็นที่ดินที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์
โดยปล่อยให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่รกร้างว่างเปล่า จะต้องเสียภาษีที่ดินว่างเปล่าตั้งแต่ 0.3-0.7%
เช่นกัน โดยคำนวณได้ ดังนี้
- ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.3% = ล้านละ 3,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.4% = ล้านละ 4,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 200-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.5% = ล้านละ 5,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.6% = ล้านละ 6,000 บาท
- ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.7% = ล้านละ 7,000 บาท
ใครเป็นผู้เสียภาษี
สำหรับผู้ที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต้องดูจากความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
ซึ่งดูตามชื่อที่มีอยู่ในโฉนดที่ดิน ไม่ใช่ตามทะเบียนบ้าน โดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
- เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
- ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ
(สามารถเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้)
โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ของปีไหน
จะมีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีนั้นเป็นต้นไป
ในกรณีที่มีผู้ครอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 1 คนขึ้นไป ทุกคนจะต้องรับผิดชอบภาษีดังกล่าวร่วมกัน
รวมถึงในกรณีที่เจ้าของที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างไม่ใช่คนเดียวกัน
ก็จะต้องเสียภาษีเฉพาะที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ตนเองครอบครอง
เลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดิน
สำหรับผู้ที่เลี่ยงการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
หรือเพิกเฉยไม่สนใจที่จะชำระภาษีถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิด และจำเป็นต้องได้รับโทษทางกฎหมาย
โดยแบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้
- โทษปรับ เป็นบทลงโทษในระดับเบื้องต้น
สำหรับผู้ที่เสียภาษีที่ดินไม่ครบตามจำนวนภายในเวลาที่กำหนด จะต้องถูกปรับตามเกณฑ์ที่ระบุเอาไว้
- เสียเบี้ยปรับ 10% ของภาษีที่ค้างชำระ ในกรณีที่ล่าช้า
แต่ชำระก่อนได้รับหนังสือแจ้งเตือน
- เสียเบี้ยปรับ 20% ของภาษีที่ค้างชำระ ในกรณีที่ล่าช้า
แต่ชำระในระยะที่หนังสือแจ้งเตือนระบุเอาไว้
- เสียเบี้ยปรับ 40% ของภาษีที่ค้างชำระ
ในกรณีที่ล่าช้าเกินระยะที่หนังสือแจ้งเตือนระบุเอาไว้
- ดอกเบี้ยเงินเพิ่ม เป็นบทลงโทษเพิ่มเติมในกรณีชำระภาษีล่าช้า
โดยนับตั้งแต่วันที่การชำระภาษีเลยเวลา ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1%
ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระ
- โทษทางอาญา โดยมีการกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี และปรับสูงสุดไมเกิน 40,000
บาท
การคำนวณภาษีที่ดิน
วิธีคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
จะใช้วิธีการคำนวณแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษีในแต่ละขั้น ดังนี้
ที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับภาษีที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง
สูตร ภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าที่ดิน x อัตราภาษี
ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองที่ดินมูลค่า 60 ล้านบาท
โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมายที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี 0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้
จาก สูตร มูลค่าที่ดิน x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย
60 ล้านบาท x 0.03% = 18,000 บาท
สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง 18,000 บาท
ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
สูตร ภาษีที่ต้องจ่าย = (มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง) x
อัตราภาษี
ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองที่ดินมูลค่า 60 ล้านบาท
และมีสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 10 ล้านบาท โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมายที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี
0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้
จาก สูตร (มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง) x อัตราภาษี =
ภาษีที่ต้องจ่าย
(60 ล้านบาท+ 10 ล้านบาท) x 0.03% = 21,000 บาท
สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 21,000 บาท
ห้องชุด
สำหรับห้องชุด โดยมูลค่าห้องชุดคือ ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุดต่อตารางเมตร x
ขนาดพื้นที่ห้องชุดต่อตารางเมตร
สูตรภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าห้องชุด x อัตราภาษี
ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองห้องชุดมูลค่า 65 ล้านบาท
โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมาย ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี 0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้
จาก สูตรมูลค่าห้องชุด x อัตราภาษี x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย
65 ล้านบาท x 0.03% = 19,500 บาท
สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีห้องชุดมูลค่า 19,500 บาท
รู้หรือไม่ ภาษีที่ดินสามารถปรับลดได้ 15%
สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ครม. มีมติเห็นชอบออกมาตรการปรับลดภาษีที่ดิน 15%
เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ดังนี้
- ลดภาระภาษี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์โควิด-19
- สิ้นสุดระยะเวลาบรรเทาภาษี ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
- ราคาประเมินที่ดินใหม่ของประเทศรอบปี 2566-2569 เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 8%
ทำให้คนไทยต้องเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งเริ่มมีการบังคับใช้ได้ไม่นาน
ซึ่งเข้ามาแทนที่ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีบำรุงท้องที่ที่มีความซ้ำซ้อนกัน
โดยเจ้าของที่ดินที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเองจำเป็นต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้
หากไม่ชำระหรือหลีกเลี่ยงการชำระต้องรับโทษทางกฎหมาย
ซึ่งภาษีที่ดินนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรศึกษาก่อนที่จะมีบ้านหรือครอบครองที่ดินเป็นของตัวเอง