ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

สรุปครบจบ! ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เสียเท่าไร ใครที่ต้องจ่าย ฉบับปี 2566

17 ส.ค. 2566

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
quote

ผู้เสียภาษีมือใหม่! อาจจะไม่คุ้นเคยกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือเรียกสั้นๆ ว่าภาษีที่ดินมากนัก เนื่องจากเป็นกฎหมายใหม่ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 13 มี.ค. 62 ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มเก็บภาษีตั้งแต่ 1 ม.ค. 63 เป็นต้นไป แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้รัฐบาลมีการปรับลดอัตราภาษีมาโดยตลอด

ซึ่งสำหรับในปี 2566 นี้ กระทรวงมหาดไทยก็ออกประกาศปรับลดภาษีอีกเช่นกัน รวมถึงเลื่อนเก็บภาษีที่ดินออกไปอีก 2 เดือนอีกด้วยดังนั้น บทความนี้จะมาสรุปครบจบทุกเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้ครอบครองที่ดินได้เข้าใจทุกเรื่องของภาษีที่ดิน ทั้งอัตราภาษี กฎเกณฑ์ต่างๆ และใครบ้างที่ต้องจ่าย โดยเป็นข้อมูลฉบับอัปเดตล่าสุดปี 2566 นี้ มาติดตามกัน

quote
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง คืออะไร?

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรืออาจเรียกสั้นๆ ว่าภาษีที่ดิน เป็นการเรียกเก็บภาษีตามกฎหมายที่มาแทนที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดินและภาษีบำรุงท้องที่ที่มีความซ้ำซ้อนกันอยู่ โดยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะเป็นรูปแบบของภาษีรายปีที่คำนวณจากมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีไว้ในครอบครอง ซึ่งจะมีเทศบาล อบต. เป็นผู้เรียกเก็บ สำหรับที่กทม. จะต้องชำระที่สำนักงานเขต ส่วนเมืองพัทยาจะต้องชำระที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา

ประเภทของภาษีที่ดิน 2566

ประเภทของภาษีที่ดิน 2566

ตามประกาศพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 จากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา มีการลดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15% ตามปีภาษี 2566 โดยมีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 4 ประเภทที่ได้รับการลดอัตราภาษีลง ดังนี้

ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม

สำหรับที่ดินที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านเกษตรกรรม จะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.01-0.1% ซึ่งแบบได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

  • บุคคลธรรมดา จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
    1. ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
    2. ที่ดินมูลค่า 50-125 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.01% = ล้านละ 100 บาท
    3. ที่ดินมูลค่า 125-150 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
    4. ที่ดินมูลค่า 150-550 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
    5. ที่ดินมูลค่า 550-1,050 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.07% = ล้านละ 700 บาท
    6. ที่ดินมูลค่า 1,050 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
  • นิติบุคคล จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
    1. ที่ดินมูลค่า 0-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.01% = ล้านละ 100 บาท
    2. ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
    3. ที่ดินมูลค่า 100-500 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
    4. ที่ดินมูลค่า 500-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.07% = ล้านละ 700 บาท
    5. ที่ดินมูลค่า 1,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท

ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย

สำหรับที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย จะต้องเสียภาษีในอัตราตั้งแต่ 0.02-0.1% โดยแบ่งตามประเภทของเจ้าของที่ดิน ดังนี้

  • บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
    1. ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
    2. ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ300 บาท
    3. ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
    4. ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
  • บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้างหลังเดียว จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
    1. ที่ดินมูลค่า 0-10 ล้านบาท: ได้รับการยกเว้นภาษี
    2. ที่ดินมูลค่า 10-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.02% = ล้านละ 200 บาท
    3. ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
    4. ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
    5. ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท
  • บุคคลธรรมดาผู้เป็นเจ้าของที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง 2 หลังขึ้นไป จะต้องเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามอัตรา ดังนี้
    1. ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.02% = ล้านละ 200 บาท
    2. ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.03% = ล้านละ 300 บาท
    3. ที่ดินมูลค่า 75-100 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.05% = ล้านละ 500 บาท
    4. ที่ดินมูลค่า 100 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.1% = ล้านละ 1,000 บาท

ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม

ที่ดินเพื่อพาณิชยกรรม เป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่นำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ โดยถูกนำมาใช้ในลักษณะออฟฟิศ สำนักงาน โรงแรม หรือแม้แต่ธุรกิจร้านอาหาร โดยอัตราภาษีตั้งแต่ 0.3-0.7% ดังนี้

  1. ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.3% = ล้านละ 3,000 บาท
  2. ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.4% = ล้านละ 4,000 บาท
  3. ที่ดินมูลค่า 200-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.5% = ล้านละ 5,000 บาท
  4. ที่ดินมูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.6% = ล้านละ 6,000 บาท
  5. ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.7% = ล้านละ 7,000 บาท

ที่ดินรกร้างว่างเปล่า

ที่ดินรกร้างว่างเปล่า เป็นที่ดินที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ โดยปล่อยให้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่รกร้างว่างเปล่า จะต้องเสียภาษีที่ดินว่างเปล่าตั้งแต่ 0.3-0.7% เช่นกัน โดยคำนวณได้ ดังนี้

  1. ที่ดินมูลค่า 0-50 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.3% = ล้านละ 3,000 บาท
  2. ที่ดินมูลค่า 50-200 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.4% = ล้านละ 4,000 บาท
  3. ที่ดินมูลค่า 200-1,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.5% = ล้านละ 5,000 บาท
  4. ที่ดินมูลค่า 1,000-5,000 ล้านบาท: อัตราภาษี 0.6% = ล้านละ 6,000 บาท
  5. ที่ดินมูลค่า 5,000 ล้านบาทขึ้นไป: อัตราภาษี 0.7% = ล้านละ 7,000 บาท
ใครเป็นผู้เสียภาษี

ใครเป็นผู้เสียภาษี

สำหรับผู้ที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ต้องดูจากความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งดูตามชื่อที่มีอยู่ในโฉนดที่ดิน ไม่ใช่ตามทะเบียนบ้าน โดยสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้

  1. เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้าง
  2. ผู้ครอบครองหรือทำประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์สินของรัฐ (สามารถเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้)

โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ของปีไหน จะมีหน้าที่เสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปีนั้นเป็นต้นไป ในกรณีที่มีผู้ครอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากกว่า 1 คนขึ้นไป ทุกคนจะต้องรับผิดชอบภาษีดังกล่าวร่วมกัน รวมถึงในกรณีที่เจ้าของที่ดินและเจ้าของสิ่งปลูกสร้างไม่ใช่คนเดียวกัน ก็จะต้องเสียภาษีเฉพาะที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ตนเองครอบครอง

เลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดิน

เลี่ยงการจ่ายภาษีที่ดิน

สำหรับผู้ที่เลี่ยงการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง หรือเพิกเฉยไม่สนใจที่จะชำระภาษีถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิด และจำเป็นต้องได้รับโทษทางกฎหมาย โดยแบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้

  • โทษปรับ เป็นบทลงโทษในระดับเบื้องต้น สำหรับผู้ที่เสียภาษีที่ดินไม่ครบตามจำนวนภายในเวลาที่กำหนด จะต้องถูกปรับตามเกณฑ์ที่ระบุเอาไว้
    • เสียเบี้ยปรับ 10% ของภาษีที่ค้างชำระ ในกรณีที่ล่าช้า แต่ชำระก่อนได้รับหนังสือแจ้งเตือน
    • เสียเบี้ยปรับ 20% ของภาษีที่ค้างชำระ ในกรณีที่ล่าช้า แต่ชำระในระยะที่หนังสือแจ้งเตือนระบุเอาไว้
    • เสียเบี้ยปรับ 40% ของภาษีที่ค้างชำระ ในกรณีที่ล่าช้าเกินระยะที่หนังสือแจ้งเตือนระบุเอาไว้
    • ดอกเบี้ยเงินเพิ่ม เป็นบทลงโทษเพิ่มเติมในกรณีชำระภาษีล่าช้า โดยนับตั้งแต่วันที่การชำระภาษีเลยเวลา ด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 1% ต่อเดือนของเงินที่ค้างชำระ
    • โทษทางอาญา โดยมีการกำหนดโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี และปรับสูงสุดไมเกิน 40,000 บาท
การคำนวณภาษีที่ดิน

การคำนวณภาษีที่ดิน

วิธีคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะใช้วิธีการคำนวณแบบขั้นบันไดตามมูลค่าของฐานภาษีในแต่ละขั้น ดังนี้

ที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง

สำหรับภาษีที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง

สูตร ภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าที่ดิน x อัตราภาษี

ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองที่ดินมูลค่า 60 ล้านบาท โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมายที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี 0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้

จาก สูตร มูลค่าที่ดิน x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย

60 ล้านบาท x 0.03% = 18,000 บาท

สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีที่ดินที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง 18,000 บาท

ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

สูตร ภาษีที่ต้องจ่าย = (มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง) x อัตราภาษี

ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองที่ดินมูลค่า 60 ล้านบาท และมีสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 10 ล้านบาท โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมายที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี 0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้

จาก สูตร (มูลค่าที่ดิน + มูลค่าสิ่งปลูกสร้าง) x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย

(60 ล้านบาท+ 10 ล้านบาท) x 0.03% = 21,000 บาท

สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 21,000 บาท

ห้องชุด

สำหรับห้องชุด โดยมูลค่าห้องชุดคือ ราคาประเมินทุนทรัพย์ห้องชุดต่อตารางเมตร x ขนาดพื้นที่ห้องชุดต่อตารางเมตร

สูตรภาษีที่ต้องจ่าย = มูลค่าห้องชุด x อัตราภาษี

ยกตัวอย่าง นาย ก. ครอบครองห้องชุดมูลค่า 65 ล้านบาท โดยตามอัตราภาษีที่กฎหมาย ที่ดินมูลค่า 50-75 ล้านบาท จะมีอัตราภาษี 0.03% สามารถคำนวณได้ ดังนี้

จาก สูตรมูลค่าห้องชุด x อัตราภาษี x อัตราภาษี = ภาษีที่ต้องจ่าย

65 ล้านบาท x 0.03% = 19,500 บาท

สรุป นาย ก. ต้องเสียภาษีภาษีห้องชุดมูลค่า 19,500 บาท

รู้หรือไม่ ภาษีที่ดินสามารถปรับลดได้ 15%

สำหรับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 2566 ครม. มีมติเห็นชอบออกมาตรการปรับลดภาษีที่ดิน 15% เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ ดังนี้

  1. ลดภาระภาษี เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังจากสถานการณ์โควิด-19
  2. สิ้นสุดระยะเวลาบรรเทาภาษี ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
  3. ราคาประเมินที่ดินใหม่ของประเทศรอบปี 2566-2569 เพิ่มขึ้น เฉลี่ย 8% ทำให้คนไทยต้องเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เป็นกฎหมายใหม่ที่เพิ่งเริ่มมีการบังคับใช้ได้ไม่นาน ซึ่งเข้ามาแทนที่ภาษีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง และภาษีบำรุงท้องที่ที่มีความซ้ำซ้อนกัน โดยเจ้าของที่ดินที่ครอบครองกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเองจำเป็นต้องเสียภาษีตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ หากไม่ชำระหรือหลีกเลี่ยงการชำระต้องรับโทษทางกฎหมาย ซึ่งภาษีที่ดินนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรศึกษาก่อนที่จะมีบ้านหรือครอบครองที่ดินเป็นของตัวเอง