BOQ คืออะไร
BOQ
คือเอกสารใบแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการสร้างสิ่งก่อสร้าง
ไม่ว่าจะเป็น บ้าน คอนโด ถนน หรืออื่นๆ BOQ ย่อมาจาก Bill of
Quantities โดย BOQ จะแสดงรายการทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ ค่าวัสดุ ค่าแรง
รวมถึงบอกเกี่ยวกับรายละเอียด ปริมาณการใช้งาน
และอัตราราคาต่อหน่วยของสิ่งต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างสิ่งก่อสร้าง
โดยผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาจะเป็นผู้จัดเตรียมเอกสาร BOQ
เพื่อใช้ประกอบในการเจรจาต่อรองราคานั่นเอง
จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ คืออะไร
จุดประสงค์หลักของการทำ BOQ นั้นแบ่งออกได้เป็นหลายข้อด้วยกัน ได้แก่
-
ใช้เป็นราคากลางหรือมาตรฐานในขั้นตอนการเสนอราคากับผู้ทำสัญญาว่าจ้าง
-
เป็นวิธีในการประเมินและกำหนดงบประมาณต้นทุนของโครงการก่อสร้างได้อย่างเหมาะสมและแม่นยำ
-
ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ราคาและรายละเอียดของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ
รวมถึงค่าใช้จ่ายโดยรวมของทั้งโครงการ
-
ใช้ตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมาก่อสร้าง
ว่ามีราคาและปริมาณการใช้วัสดุ ค่าแรง รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ
ถูกต้องตรงตามที่ระบุไว้ในสัญญาหรือไม่
หมวดหมู่ของ BOQ มีอะไรบ้าง
โดยพื้นฐานแล้ว BOQ คือเอกสารที่จะมีรายการต่างๆ จำนวนมาก
จึงมักจะมีการจัดหมวดหมู่ใหญ่ๆ ของรายการต่างๆ
ที่อาจจะมีความคล้ายคลึงกัน
แต่อาจจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของการก่อสร้างของอาคาร
บ้าน ถนน หรืองานก่อสร้างประเภทต่างๆ โดยหมวดหมู่ของ BOQ
สามารถแบ่งออกได้ดังนี้
-
หมวดการเตรียมงาน -
ประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเตรียมการก่อสร้าง เช่น
การเตรียมเกี่ยวกับงานดิน การปรับหน้าดิน
การรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเก่า
-
หมวดงานโครงสร้าง - ประกอบไปด้วยรายการงานโครงสร้าง เช่น
งานเสาเข็มและฐานราก งานคอนกรีตและแบบหล่อ งานเหล็กเสริม งานพื้น
งานเสาและคาน ฯลฯ
-
หมวดสถาปัตยกรรม - ประกอบไปด้วยรายการก่อสร้างส่วนต่างๆ
ของสิ่งปลูกสร้าง เช่น งานหลังคา งานก่อและฉาบผนัง งานฝ้าเพดาน
งานตกแต่งผิวพื้นและผนัง งานทาสี งานสุขภัณฑ์ งานประตูหน้าต่าง
และงานตกแต่งทางสถาปัตยกรรมอื่นๆ
-
หมวดงานระบบ - ประกอบไปด้วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า ประปา
งานสุขาภิบาลและการระบายน้ำ งานเดินท่ออากาศ
-
หมวดงานอื่นๆ (ถ้ามี) - ประกอบด้วยรายการงานอื่นๆ
ที่ไม่ได้อยู่ในหมวดหมู่ตามด้านบน
ใครบ้างที่ต้องทำ BOQ
ผู้ที่ต้องทำ BOQ
งานก่อสร้างเพื่อกำหนดงบประมาณและแสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้าง
ได้แก่
ผู้ออกแบบ หรือผู้รับเหมา
ผู้ออกแบบหรือผู้รับเหมาก่อสร้าง จำเป็นต้องทำใบ BOQ
ของผู้รับเหมาเพื่อใช้แสดงรายละเอียดประกอบกับตัวสัญญาก่อสร้าง
เพื่อเสนอข้อมูลราคาค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการก่อสร้างให้แก่ลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง
ผู้ที่วางแผนจะกู้เงินเพื่อสร้างบ้านหรือสิ่งก่อสร้าง
ผู้ที่วางแผนจะกู้เงินเพื่อสร้างบ้านหรือสิ่งก่อสร้างจำเป็นต้องจัดทำ
BOQ คือการยื่นเสนอให้แก่ธนาคาร
เพื่อแสดงรายละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการก่อสร้าง
สำหรับประกอบการยื่นขอเงินกู้หรือสินเชื่อจากธนาคารเพื่อใช้ในการก่อสร้างนั้นๆ
BOQ มีความสำคัญต่อการสร้างบ้าน หรืองานก่อสร้างอย่างไร
ต่อไปจะพูดถึงเกี่ยวกับความสำคัญของ BOQ งานก่อสร้าง
ซึ่งมีความสำคัญต่อการสร้างบ้านหรืองานก่อสร้าง
สิ่งจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อใช้ในการเสนอรายละเอียดค่าใช้จ่ายต้นทุนต่างๆ
ก่อนจะทำข้อตกลงหรือทำสัญญาที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง
ใช้ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร
การทำ BOQ คือการเสนอเอกสารแก่ธนาคาร
เพื่อเป็นเอกสารประกอบในการยื่นขอสินเชื่อและกู้ยืมเงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน
สำหรับใช้ในการก่อสร้างต่างๆ
โดยเป็นสิ่งที่ธนาคารจำเป็นจะต้องใช้เพื่อประกอบการพิจารณาในการอนุมัติสินเชื่อ
ว่าวงเงินที่ยื่นขอมีความเหมาะสมกับรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่ถูกระบุไว้ใน
BOQ หรือไม่
สามารถเปรียบเทียบราคาและงบประมาณกับเจ้าอื่นๆ ได้
ทางฝั่งของผู้ว่าจ้างจะได้ประโยชน์จากการที่ผู้รับเหมาทำใบ BOQ
ของผู้รับเหมามาเสนอ
เพราะจะสามารถนำราคาต้นทุนของการก่อสร้างไปเปรียบเทียบกับผู้รับเหมาเจ้าอื่นในตลาดได้
ทั้งในส่วนของราคาค่าจ้างแรงงาน ราคาต้นทุนวัสดุต่างๆ
เพื่อใช้ในการพิจารณาเลือกผู้รับเหมา
ให้ได้งบประมาณก่อสร้างที่คิดราคาได้เหมาะสม คุ้มค่า
ตามความต้องการของผู้ว่าจ้าง
ใช้เป็นตัวกำหนดมาตรฐาน คุมงบประมาณและตรวจงานได้
สามารถใช้ BOQ คือการตรวจสอบและเช็กคุณภาพของงานก่อสร้างได้
เนื่องจากมีการระบุรายละเอียดและปริมาณของงานที่ต้องทำและวัสดุที่ต้องใช้ไว้ชัดเจน
ทำให้ระหว่างการก่อสร้างสามารถนำ BOQ มาใช้เป็นเช็กลิสต์รายการต่างๆ
ในการก่อสร้างเพื่อตรวจสอบดูว่าตรงตามมาตรฐานและเป็นไปตามงบประมาณที่กำหนดไว้หรือไม่
ช่วยในการควบคุมไม่ให้ต้นทุนเกินงบประมาณมากจนเกินไป
รวมถึงใช้ประกอบการตรวจสอบขณะส่งมอบงานหลังทำเสร็จสิ้นว่าครบถ้วนตามใน
BOQ หรือไม่
BOQ คำนวณได้อย่างไร
โดยปกติทั่วไปแล้วผู้รับเหมาจะรับหน้าที่เป็นผู้จัดทำและคำนวณ BOQ
งานก่อสร้างให้ลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง
แต่สำหรับใครที่อยากจะลองคำนวณเพื่อเช็กงบประมาณและค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างด้วยตัวเองว่าคุ้มค่าหรือเหมาะสมกับราคาที่ผู้รับเหมาเสนอมาหรือไม่
สามารถทำได้ดังนี้
เริ่มจากการจัดหมวดหมู่
อันดับแรกในการทำ BOQ
งานก่อสร้างจะเริ่มจากการจัดหมวดหมู่ของรายการงานก่อสร้าง
เนื่องจากลักษณะของงานก่อสร้างมีหลายประเภท
จึงจำเป็นที่จะต้องทำความเข้าใจกับประเภทต่างๆ
และแยกออกเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบรายละเอียดของงานก่อสร้างแต่ละกลุ่ม
โดยงานก่อสร้างจะถูกแบ่งเป็น 5 หมวดหมู่ ได้แก่ หมวดการเตรียมงาน
หมวดงานโครงสร้าง หมวดสถาปัตยกรรม หมวดงานระบบ และหมวดงานอื่นๆ
วัดขนาดพื้นที่ของสิ่งปลูกสร้าง
ถัดมาคือต้องวัดขนาดพื้นที่ของสิ่งปลูกสร้าง
เพื่อใช้ในการคำนวณคิดราคาค่าก่อสร้างก่อนนำมาทำใบ BOQ ของผู้รับเหมา
ซึ่งมักคิดตามขนาดพื้นที่เป็นตารางเมตร
และใช้ช่วยในการคำนวณปริมาณวัสดุต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการก่อสร้าง
สำรวจราคาสินค้าที่ต้องการในตลาด
การสำรวจราคาสินค้าของวัสดุที่ต้องใช้ในตลาด
สามารถสำรวจได้หลายช่องทางทั้งการออกไปเดินเช็กตามห้างสรรพสินค้า
ร้านจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างหรือเช็กราคาทางอินเทอร์เน็ต
คืออีกขั้นตอนที่สำคัญในการทำ BOQ
กำหนดราคาและงบประมาณที่ต้องจ่าย
หลังจากได้ปริมาณวัสดุที่ต้องใช้และราคาตลาดที่ทำการสำรวจมาแล้ว
ก็จะสามารถนำมาคิด คำนวณค่าใช้จ่ายในการทำใบ BOQ
ของผู้รับเหมาได้คร่าวๆ ด้วยการนำ ปริมาณวัสดุ x ราคาต่อหน่วย =
ราคาวัสดุที่ต้องใช้
และนำไปบวกกับค่าแรงที่ตกลงกันกับผู้รับเหมาก่อสร้างนั่นเอง
เนื่องจากผู้รับเหมาแต่ละรายจะมีการคิดอัตราค่าแรงที่แตกต่างกันไป
คำนวณค่าแรง
ในการทำ BOQ งานก่อสร้าง สามารถคำนวณค่าแรงโดยคาดคะเนได้อย่างคร่าวๆ
ดังนี้
งานขนาดเล็ก - ใช้อัตราราคาไม่เกิน 50 บาทต่อหน่วย
งานขนาดปานกลาง - ใช้อัตราราคาไม่เกิน 120 บาทต่อหน่วย
งานขนาดใหญ่ - ใช้อัตราราคาไม่เกิน 500–1,000 บาทต่อหน่วย
การจ่ายเกิน BOQ ที่กำหนดไว้ สามารถเกิดขึ้นได้หรือไม่
การจ่ายเกิน BOQ งานก่อสร้างที่กำหนดไว้สามารถเกิดขึ้นได้
เนื่องจากระหว่างการก่อสร้างอาจมีการเปลี่ยนแปลงวัสดุหรือแบบก่อสร้าง
การเพิ่มเติมรายการจากเดิม รวมถึงอุปสรรคต่างๆ
ที่อาจทำให้การทำงานล่าช้าจนต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ว่าจ้างเกิดมีความชอบกระเบื้องอีกสี อีกแบบ
เนื่องจากกระแสที่กำลังมาแรง จึงเกิดการเปลี่ยนใจในขณะก่อสร้าง
ทำให้รายการวัสดุกระเบื้องไม่เหมือนกับที่ตกลงไว้ตอนแรกในใบ BOQ
ของผู้รับเหมา ทำให้ผู้ว่าจ้างต้องไปซื้อกระเบื้องแบบที่ต้องการมาใหม่
ในราคาที่สูงกว่าเดิม
การป้องกันการจ่ายเกิน BOQ ทำได้อย่างไร
การป้องกันการจ่ายเกิน BOQ
คือควรกำหนดวัสดุและปริมาณให้ชัดเจนตั้งแต่แรก
และทำตามแบบโดยไม่เปลี่ยนใจในขณะดำเนินการก่อสร้าง
แต่หากต้องการเปลี่ยนแปลงแบบจริงๆ ก็ควรมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร
และตกลงกันให้ชัดเจน
เพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่ายและจะได้ไม่มีปัญหาความขัดแย้งตามมาในภายหลัง
ข้อดีของการทำ BOQ
การทำ BOQ งานก่อสร้างมีข้อดีมากมาย โดยข้อดีหลักๆ ของ BOQ
คือสามารถช่วยลดปัญหาเกี่ยวกับงานก่อสร้างที่อาจเกิดขึ้นได้
ส่วนข้อดีอื่นๆ มีดังนี้
-
มีการระบุรายละเอียดและปริมาณวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้างไว้ชัดเจน
ช่วยให้ง่ายต่อการทำงาน
-
ช่วยประเมินและเปรียบเทียบราคาค่าใช้จ่ายโดยรวมสำหรับโครงการก่อสร้างของผู้รับเหมาแต่ละราย
ช่วยให้การตัดสินใจรับข้อเสนอของผู้รับเหมาในราคาที่เหมาะสมและพอใจทำได้ง่ายขึ้น
-
ช่วยในการรับมือปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตระหว่างการทำงาน
จึงสามารถวางแผนป้องกันปัญหาล่วงหน้าได้
-
ทำให้มีเวลาในการตามหา Supplier
เพื่อเปรียบเทียบและต่อรองราคาในการซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ มากขึ้น
-
มีการวางแผนการก่อสร้างไว้ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
ไม่ต้องอาศัยการคาดเดาไปเอง
-
ช่วยให้จัดการเวลาได้ดีมากขึ้น มีการวางแผนเรื่องการสั่งซื้อวัสดุ
การจัดสรรแรงงาน และการกำหนดช่วงเวลาทำงาน ทำให้งานเสร็จทันเวลา
-
ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างลงได้ หากสามารถทำงานได้เสร็จภายในเวลา
การทำ BOQ งานก่อสร้างเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ในการก่อสร้างอย่างมาก
ตั้งแต่ช่วยในการเปรียบเทียบราคาเพื่อเลือกผู้รับเหมา
การระบุรายละเอียดของสิ่งที่ต้องใช้ในการทำงาน
ทั้งช่วยในเรื่องของการจัดการบริหารเวลา การใช้วัสดุอุปกรณ์
การจัดสรรแรงงาน เรียกได้ว่า BOQ
คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการแสดงถึงความจริงใจองผู้รับเหมาเพราะมีการแสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่างๆ
ไว้ให้ผู้ว่าจ้างตรวจสอบได้
รวมถึงเป็นสิ่งที่ใช้ในการยื่นขอสินเชื่อสำหรับสิ่งปลูกสร้างจากธนาคาร
และที่สำคัญสามารถเป็นตัวช่วยกำหนดงบประมาณไม่ให้บานปลาย
หากทำตามแผนหรือรายละเอียดที่ระบุไว้ใน BOQ
โดยไม่เปลี่ยนแปลงระหว่างทำการก่อสร้าง
รับรองว่ายังไงต้นทุนค่าใช้จ่ายก็ไม่เกินที่ตั้งงบประมาณไว้แน่นอน