
Business Adaption & Solutions
กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตผ่านมุมมองผู้นำ
THRIVE on the E.D.G.E Forum 2025
รวมกลยุทธ์ธุรกิจฝ่าวิกฤตแห่งปี ผ่านมุมมองผู้นำแห่งยุค
จาก K SME SIERRA โดยธนาคารกสิกรไทย
คุณ อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
คุณ ชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย
คุณ เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิสิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
วันที่ 19 พ.ค. 2568
ต้องยอมรับว่าเวลานี้ภาคธุรกิจของไทย กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยากจะคาดเดาทิศทาง ภายใต้สถานการณ์สงครามการค้าโลก ที่แม้วันนี้สหรัฐอเมริกาและจีนจะบรรลุข้อตกลงการ “พัก” การขึ้นภาษี 90 วัน ซึ่งนับเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ท้ายที่สุดแล้วผู้ประกอบการไทยยังคงต้องได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ K SME SIERRA โดยธนาคารกสิกรไทย จึงได้จัดทัพผู้นำตัวจริงแห่งวงการธุรกิจ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้าและบริการ ตลอดจนนักการเงิน มาร่วมวงเสวนาฝ่าวิกฤตการค้าโลกในครั้งนี้


จับตาความเสี่ยง เปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาส


ท่ามกลางสงครามการค้าในครั้งนี้ ในมุมมองของผู้นำจากภาคอุตสาหกรรมอย่าง อภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่าจะมีทั้งโอกาสและความท้าทายไปพร้อมๆ กัน โดยจีนถือเป็นคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ ยกตัวอย่าง เช่น ในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของสหรัฐฯ อย่าง โดรน สหรัฐฯ สามารถจะผลิตได้เองหมด ขาดเพียงน็อตซึ่งผลิตที่จีน ดังนั้น สหรัฐฯ จึงพยายามจะดึงการลงทุนพวกอุตสาหกรรมพื้นฐานกลับมาให้ได้ นี่จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการเข้าไปเป็น Supply Chain ให้กับสหรัฐฯ หรือการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้าวโพด ปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 4.5 ล้านตัน หากซื้อ จากสหรัฐฯ ได้จะช่วยลดต้นทุนอาหารสัตว์ได้ เหล่านี้คือโอกาสที่จะทำได้
ส่วนความท้าทาย อาจต้องจับตาดูที่การเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ เพื่อให้ได้ดีลที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่า หากคู่แข่งทางการค้าอื่นได้ดีลที่ดีกว่า จะกลายเป็นความเสี่ยง เพราะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง


ตั้งรับ ปรับสู้วิกฤต Supply Chain โลกป่วน!


ขณะที่มุมมองจากผู้นำในภาคการค้าและบริการ อย่าง ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามการค้าครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่มีแบบแผน ไม่สนใจกฎระเบียบการค้าใดๆ ทั้งสิ้น จากเคยเป็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน แต่รอบนี้กระทบทั่วโลก หากท้ายที่สุดแล้วจบด้วยความแตกต่างของภาษีแต่ละประเทศ เชื่อว่าจะทำให้ Supply Chain โลกป่วนไปหมดอย่างแน่นอน นอกจากนี้ หลายคนมักพูดถึงการหาตลาดใหม่ ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ของผู้ประกอบการไทย หากจะเปลี่ยนไปสู่ตลาดใหม่ๆ อาจจะมีข้อจำกัดด้านการผลิต ที่อาจจะต้องเปลี่ยนไลน์การผลิตใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะกลายเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างสูงมาก
ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ที่ผู้ประกอบการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์อะไรได้ หากการเจรจาไม่จบ ถือว่าเราอยู่ในจุดที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย ฉะนั้น ภาคเอกชนจำเป็นต้องเตรียมตัวรับมือ ดูแลกระแสเงินสดและพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น เรียกว่าเป็นช่วงประคับประคองตัวเองให้ผ่านสถานการณ์ที่คลุมเครือไปทั้งโลกนี้ให้ได้
เช็กสุขภาพการเงิน ฝ่าวิกฤตสงครามการค้า


ทั้งนี้ หากเจาะลึกถึงสถานการณ์ของผู้ประกอบการ SME ไทยผ่านมุมมองของนักการเงิน อย่าง ชัยยศ ตันพิสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย บอกไว้ว่า วันนี้ SME ต้องเผชิญกับปัจจัยทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ทำให้ต้องปรับตัวในหลายๆ เรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการเงินสด ยิ่งในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอน จำเป็นที่ SME จะต้องกลับมาวิเคราะห์กระแสเงินสดของตัวเอง ต้องคาดการณ์กระแสเงินสดไปจนถึงสิ้นปี ช่วงไหนใช้เงินมาก ช่วงไหนใช้เงินน้อย เพื่อให้รู้สภาพคล่องของธุรกิจ ขณะเดียวกันหาก SME มีสภาพคล่องเหลือ ควรนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ หรือสินทรัพย์ที่เปลี่ยนเป็นเงินสดได้ทันทีรวมถึงลงในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี
การปรับตัวเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน หรือ ESG เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ โดยช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าต้นทุนการติด Solar Rooftop เพื่อประหยัดพลังงาน ถูกลงอย่างมาก จากเดิมจุดคืนทุนอยู่ที่ 7-8 ปี ปัจจุบันเหลือ 4-5 ปี เท่ากับได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์นี้ประมาณ 20% ต่อปี
นอกจากนี้ SME ยังต้องให้ความสำคัญกับลูกหนี้การค้าและสินค้าคงคลัง หมั่นดูว่าสินค้ามีระยะเวลาที่อยู่ในคงคลังนานเกินไปไหม หรือระยะเวลาการเก็บหนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่ เพราะโดยรวมแล้วต้นทุนทางการเงินจะอยู่ที่ 2 เรื่องนี้เป็นหลักนั่นเอง แนะทางปรับตัว คว้าโอกาสใหม่ให้ธุรกิจ


ปิดท้ายที่มุมมองผู้นำในแบบ เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิสิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กับแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการ


ในภาวะที่มีความผันผวนเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาธุรกิจยุคใหม่ให้เป็น Digital First พร้อมกับการพยายามทำสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ รวมถึงการปรับเปลี่ยนไปสู่ Business Model ใหม่ๆ ยกตัวอย่าง ธุรกิจสตาร์ทอัพแฟชั่นรายหนึ่งที่ประสบความสำเร็จ เพราะใช้ Business Model แบบใหม่ที่ใช้การขายพรีออร์เดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะออกคอลเล็กชันใหม่ทุกสัปดาห์ เรียกว่าเป็นการทำทุกอย่างให้เร็ว โดยนำ Digital First เข้ามา แม้จะเหนื่อยเรื่องการดีไซน์ แต่ก็สามารถได้เงินลูกค้าเข้ามาก่อนทันที


อีกเรื่องที่น่าสนใจสำหรับผู้ประกอบการ นั่นคือ โอกาสจาก Demographic Bonus โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่จะมีประชากรในกลุ่มวัยทำงานและมีกำลังซื้อซึ่งจะสูงสุดในปี 2045 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า โดยจะมีมากกว่า 100 ล้านคน ใหญ่กว่าประเทศไทยเท่าตัว ทำให้ตลาดอินโดนีเซียมีโอกาสที่น่าสนใจ นอกจากนี้ AI ยังเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ เพราะวันนี้มีหลายธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วจากการพัฒนา AI แต่อย่างไรก็ดี หากพบว่าธุรกิจไม่สามารถแข่งขันได้ การ Exit จากธุรกิจเก่าเพื่อไปเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน


หมายเหตุ: การเข้าร่วมกิจกรรม สงวนสิทธิ์เฉพาะลูกค้าที่ใช้สินเชื่อธุรกิจธนาคารกสิกรไทยตามเกณฑ์ของโปรแกรม K SME SIERRA เท่านั้น (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขการเข้าร่วมโปรแกรม K SME SIERRA กรุณาติดต่อผู้ดูแลสินเชื่อของท่าน หรือติดต่อธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา)