3 ก.ย. 67 ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ อย่าง Nasdaq ปรับตัวลงแรง -3.26%เทียบกับวันก่อนหน้า โดย S&P 500 และ Dow Jones ก็ปรับตัวลง -2.12% และ -1.51%เทียบกับวันก่อนหน้า ตามลำดับเช่นกัน จากตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ ที่ออกมาหดตัว ส่งผลต่อหุ้น chip & AI นอกจากนี้ Invesco DB Oil Fund (กองทุนหลักของ K-OIL) ก็มีการปรับตัวลง -3.68%เทียบกับวันก่อนหน้า จากแรงเทขายหลังมีสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยบางส่วนที่เคยส่งผลต่อราคาน้ำมันก่อนหน้านี้
ทำไม Nasdaq ปรับตัวลงแรง
จากข้อมูล ณ 3 ก.ย. 67 หุ้นในดัชนี Nasdaq ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดคือหุ้น NVDA (NVIDIA Corporation) ซึ่งมีการปรับตัวลงแรง -9.53%เทียบกับวันก่อนหน้า และหุ้น INTC (Intel Corporation) ซึ่งมีการปริมาณการซื้อขายลำดับ 4 ปรับตัวลงแรง -8.80%เทียบกับวันก่อนหน้า เช่นกัน
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้หุ้นกลุ่ม chip & AI ปรับตัวลง เกิดจากรายงานภาคการผลิตของสหรัฐฯ ออกมามีการหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ อีกครั้ง หลังจากที่เมื่อปลาย ส.ค. ที่ผ่านมา ตลาดได้เคยคลายความกังวลเรื่องนี้ไปแล้ว (อ่านเพิ่มเติม ประเด็นร้อน: หุ้นเทคเอเชียฟื้น นักลงทุนคลายความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย: เมื่อ 20 ส.ค. 67 : เมื่อ 20 ส.ค. 67 )โดยนักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจอื่น เช่น การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากเท่าไร ในการประชุม FED วันที่ 17-18 ก.ย. นี้
สาเหตุที่ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อ หุ้นกลุ่ม chip & AI เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดมองว่าปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ที่เฟื่องฟูจะทำให้บริษัทต่างๆ ต้องซื้อเซมิคอนดักเตอร์หรือ Chip มากขึ้นเพื่อให้ทันกับความต้องการของการพัฒนาและการใช้แอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือเศรษฐกิจมีความซบเซา ก็จะส่งผลให้ความต้องการใช้ Chip ในภาพรวมลดลงได้
นอกจากปัจจัยภาพรวมแล้ว หุ้น NVDA (NVIDIA Corporation) ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดในวันที่ 3 ก.ย. ยังมีปัจจัยเฉพาะตัวที่มากระทบด้วย จากข่าวว่า กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ (DOJ) เตรียมที่จะสอบสวน Nvidia เกี่ยวกับการผูกขาดตลาด Chip ซึ่งแม้ว่า Nvidia จะเป็นบริษัทที่ทำรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง แต่การเป็นเจ้าตลาดจนทำให้ผู้แข่งขันรายอื่นทำธุรกิจได้ยาก ทำให้เป็นที่จับตาจากหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้นบริษัทอื่นไม่ว่าจะภาคธุรกิจใดที่มีลักษณะผูกขาดเช่นเดียวกันนี้ก็อาจเป็นที่ถูกจับตาหรือมีความเสี่ยงนี้ได้เช่นเดียวกัน
จากดัชนี Nasdaq ที่ปรับตัวลง ทำให้ราคากองทุนหลักของ K-USXNDQ-A (Invesco NASDAQ 100 ETF) ณ 3 ก.ย. 67 มีการปรับตัวลง -3.06%เทียบกับวันก่อนหน้า จะส่งผลให้ราคากองทุน K-USXNDQ-A ณ 3 ก.ย. 67 ที่คาดว่าจะประกาศคืนวันที่ 4 ก.ย. จะปรับตัวลงในสัดส่วนที่ใกล้คียงกัน
ทำไมราคาน้ำมันปรับตัวลงแรง
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากแรงเทขาย หลังมีสัญญาณว่าข้อพิพาทด้านการเมืองในลิเบียมีแนวโน้มคลี่คลายลง ซึ่งที่ผ่านมาลิเบียซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิก OPEC ได้ระงับการผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบจากข้อพิพาทดังกล่าว ซึ่งหากลิเบียกลับมาผลิตและส่งออกน้ำมันอีกครั้ง ย่อมทำให้ราคาปริมาณน้ำมันดิบในตลาดมากขึ้น หากความต้องการใช้ยังคงเท่าเดิม ราคาก็มีแนวโน้มปรับตัวลง
อีกทั้งหากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ มีมากขึ้น ตามที่ได้กล่าวไปนั้น ความต้องการใช้น้ำมันก็อาจลดลง ยิ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงได้อีก
สำหรับราคากองทุนหลักของ K-OIL (Invesco DB Oil Fund) ณ 3 ก.ย. 67 ที่ปรับตัวลง -3.68%เทียบกับวันก่อนหน้า จะส่งผลให้ราคากองทุน K-OIL ณ 3 ก.ย. 67 ที่คาดว่าจะประกาศคืนวันที่ 4 ก.ย. จะปรับตัวลงในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน
คำแนะนำการลงทุน
K WEALTH มีมุมมองการลงทุนเป็นกลาง ต่อกองทุนหุ้นสหรัฐฯ (เช่น K-US500X-A, K-USA-A, K-USXNDQ-A(A)) และกองทุนน้ำมัน (เช่น K-OIL)
• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ น้อยกว่า 30% หรือถือกองทุนน้ำมัน น้อยกว่า 15% ของเงินลงทุนทั้งหมด
o หากมีกำไร สามารถพิจารณาขายส่วนที่กำไรได้
o แต่หากยังขาดทุน ก็ยังคงสามารถถือต่อได้อยู่ เพื่อรอให้ราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
• สำหรับผู้ที่ถือกองทุนหุ้นสหรัฐฯ เกิน 30% หรือถือกองทุนน้ำมัน เกิน 15%ของเงินลงทุนทั้งหมด แนะนำพิจารณาหาโอกาสขายเพื่อลดสัดส่วนให้เหลือน้อยกว่า 30% หรือ 15%ของเงินลงทุนรวม (แล้วแต่ประเภทกองทุน) สำหรับเงินที่ได้จากการขายคืน ไม่ว่าจะเป็นการขายทำกำไรหรือขายเพื่อลดสัดส่วนกองทุนหุ้นสหรัฐฯ/กองทุนน้ำมัน รวมไปถึงกรณีมีเงินใหม่ที่ต้องการลงทุนเพิ่ม แนะนำให้นำเงินดังกล่าวไปลงทุนในกองทุนของแนะนำของ K WEALTH เช่น K-GHEALTH, K-VIETNAM เป็นต้น
สำหรับผู้ที่กังวลกับความเสี่ยงจากความผันผวนในตลาดหุ้นบางประเทศ หรือบางสินทรัพย์ แนะนำลงทุนในกองทุนผสมที่มีการกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายและมีผู้จัดการกองทุนในการพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนอย่างเหมาะสม เช่น K-WPULTIMATE K-WPBALANCED
*ตัวอย่าง T+6 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 6 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ (T+6) เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันอังคารของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์)
Disclaimer: “ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน”