เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก สัญญาณเตือนโรคร้าย

1. โรคกรดไหลย้อน

โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease) จะมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก แสบร้อนที่หน้าอกหรือลิ้นปี่ บางรายอาจแสบร้อนขึ้นมาถึงลำคอ ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อน คือ พฤติกรรมการบริโภค เช่น การรับประทานอาหารมื้อเย็นแล้วนอนทันที การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ทำให้เกิดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ซึ่งอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดกรดมากขึ้นและไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้

วิธีดูแลป้องกัน

• รับประทานอาหารให้ตรงเวลา
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
• หลังมื้ออาหารเย็น ควรรอให้อาหารย่อยอย่างน้อย 3-4 ชั่วโมงก่อนจะเข้านอน
• ควบคุมอาหารไขมันสูง อาหารรสเค็มจัดและเปรี้ยวจัด รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน โดยบริโภคในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป

2. กล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ

กล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ มักพบได้บ่อยในนักกีฬา ผู้ที่ไอติดต่อกันเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อและต้นแขน หากกล้ามเนื้อเหล่านี้ถูกใช้งานอย่างหนัก จะทำให้เส้นใยกล้ามเนื้อฉีกขาดและอักเสบได้ โดยจะมีอาการเจ็บหน้าอกข้างซ้าย ข้างขวา หรือกลางอกใกล้ตำแหน่งซี่โครงมากกว่าอาการแน่นหน้าอก ไม่ร้าวไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และไม่มีอาการเหนื่อยหอบร่วมด้วย

วิธีดูแลป้องกัน

• งดใช้กล้ามเนื้อบริเวณอกไปสักระยะหนึ่ง
• เลี่ยงกิจกรรมหนัก ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอก
• หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

3. ลิ่มเลือดอุดตันในปอด

ลิ่มเลือดอุดตันในปอด (Pulmonary Embolism) เป็นภาวะที่มีลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำบริเวณขาหลุดขึ้นมาอุดตันหลอดเลือดปอด ทำให้มีอาการเหนื่อยหอบ เพราะเลือดได้รับออกซิเจนน้อยลง ซึ่งหากมีปริมาณลิ่มเลือดที่อุดตันมาก ก็จะมีอาการเหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งมีอาการแน่นหน้าอกหายใจลําบาก หน้ามืด ใจสั่น และเจ็บหน้าอกร่วมด้วย โดยพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ คือ การสูบบุหรี่จัด การไม่เคลื่อนไหวร่างกายเป็นเวลานาน การดื่มน้ำน้อย

วิธีดูแลป้องกัน

• งดการสูบบุหรี่
• ไม่ควรนั่งนานเกินไป ลุกเดินบ่อย ๆ
• ดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
• สวมถุงน่องแบบรัดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

4. โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) เกิดจากการสะสมของไขมันและหินปูนในหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อย ซึ่งจะทำให้มีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกเหมือนมีของหนักทับ อาจมีอาการร้าวไปที่กรามหรือแขนซ้าย ความน่ากลัวของโรคนี้ คือ ในระยะแรกจะมีลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป เจ็บแปลบที่อกซ้ายเป็น ๆ หาย ๆ ทำให้ผู้ป่วยไม่ได้กังวลอะไร กว่าจะรู้ตัวเส้นเลือดก็ตีบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจอันตรายถึงชีวิตได้

วิธีดูแลป้องกัน

• ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
• งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

5. โรคหอบหืด

มาถึงโรคสุดท้ายอย่างโรคหอบหืด (Asthma) โรคที่เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุหลอดลม กล้ามเนื้อหลอดลมเกิดการหดเกร็งเมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น ทำให้หลอดลมตีบแคบลง คนที่เป็นโรคหอบหืดจึงมักมีอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกหายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด และเหนื่อยหอบ หากมีอาการรุนแรงอาจถึงขั้นหมดสติและเสียชีวิตได้ โดยโรคหลอดลมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาหายขาด แต่สามารถควบคุมไม่ให้อาการกำเริบได้

วิธีดูแลป้องกัน

• หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น มลพิษในอากาศ ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น ขนสัตว์ เป็นต้น
• งดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ
• หลีกเลี่ยงอากาศที่เย็นหรือร้อนเกินไป
• ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
• ผ่อนคลายตนเองจากภาวะเครียด

และทั้งหมดนี้คือโรคที่เราสามารถพบอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกได้ ไม่ใช่เพียงโรคหัวใจเท่านั้น แต่อาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอกอาจบ่งชี้ถึงโรคอื่น ๆ อย่างโรคกรดไหลย้อน กล้ามเนื้อหน้าอกอักเสบ ลิ่มเลือดอุดตันในปอด หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือหอบหืดได้เช่นกัน จึงต้องสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เหนื่อยหอบไหม แสบร้อนหน้าอกหรือไม่ หากใครไม่แน่ใจอาการเจ็บหน้าอกที่กำลังเป็นอยู่คือโรคอะไรกันแน่ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้เร็วที่สุด เพราะทุกโรคที่กล่าวมา หากมีอาการรุนแรงอาจอันตรายถึงชีวิตได้