Middle|Left Black

การลงทุนในหุ้นกู้หรือพันธบัตร

​​​​​​​การลงทุนในหุ้นกู้หรือพันธบัตร

เปรียบเสมือนการให้กู้ โดยผู้ลงทุนมีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” ​
และผู้ออกตราสารมีสถานะเป็น “ลูกหนี้” ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน
ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้

InvisibleSectionName
10
Padding
หุ้นกู้และพันธบัตร
Black
Middle|Left
Left
InvisibleSectionName
20
Padding
ช่องทางการลงทุน
Black
Middle|Left
Left
InvisibleSectionName
30
Padding
คำถามที่พบบ่อย
Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
11
Padding

หุ้นกู้

 

หุ้นกู้ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ

มีด้วยกันหลากหลายประเภทและเงื่อนไข
สามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
และตอบโจทย์การลงทุนมากที่สุด

รายละเอียดเพิ่มเติม

พันธบัตร

 

พันธบัตรออกโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ

เป็นการลงทุนที่มั่นคงปลอดภัย และมีความเสี่ยงต่ำ

รายละเอียดเพิ่มเติม

Black
Middle|Left
Left

หุ้นกู้

 

หุ้นกู้

หุ้นกู้ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ มีด้วยกันหลากหลายประเภท
และเงื่อนไขสามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และ
ตอบโจทย์การลงทุนมากที่สุด

หุ้นกู้ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ มีด้วยกันหลากหลายประเภท
และเงื่อนไขสามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้และ
ตอบโจทย์การลงทุนมากที่สุด

จุดเด่น

  • ผลตอบแทนสม่ำเสมอ: คาดการณ์กระแสเงินสดรับจากดอกเบี้ยและเงินต้นได้ตามระยะเวลาและเงื่อนไขการลงทุน
  • ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก และพันธบัตรรัฐบาล: อัตราผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลเมื่อเทียบในอายุคงเหลือที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่ได้รับสูงขึ้นนี้ ก็เพื่อชดเชยความเสี่ยงจากการลงทุนที่สูงกว่าด้วย
  • ลำดับสิทธิสูงกว่าหุ้นสามัญ: ผู้ลงทุนในหุ้นกู้มีฐานะเป็น “เจ้าหนี้” จึงมีสิทธิได้รับเงินคืนก่อนผู้ถือหุ้น กรณีบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ เลิกกิจการ
  • มีความหลากหลาย: หุ้นกู้มีด้วยกันหลากหลายประเภทและเงื่อนไข ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจในลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

พันธบัตร

 

พันธบัตร

พันธบัตรออกโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ เป็นการลงทุนที่มั่นคงปลอดภัย
และมีความเสี่ยงต่ำ

พันธบัตรออกโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ เป็นการลงทุนที่มั่นคงปลอดภัย
และมีความเสี่ยงต่ำ

จุดเด่น

  • ความเสี่ยงต่ำ: เนื่องจากออกโดยรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ จึงเป็นตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำ
  • ผลตอบแทนสม่ำเสมอ: คาดการณ์กระแสเงินสดรับจากดอกเบี้ยและเงินต้นได้ตามระยะเวลาและเงื่อนไขการลงทุน

คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจในลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

HtmlBlock
21
Padding
คำเตือน

ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจในลักษณะสินค้าเงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน​

ช่องทางการลงทุน
 

ลงทุนผ่านช่องทางออนไลน์
ผ่าน K-My Invest*

www.kasikornbank.com/kmyinvest

 

ลงทุนผ่านช่องทางสาขา
ของธนาคารกสิกรไทย

ค้นหาสาขาที่นี่

*ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปิดจองซื้อเฉพาะหุ้นกู้/พันธบัตรบางรุ่นเท่านั้นตามความเหมาะสม


Black
Middle|Left
Left
HtmlBlock
31
Padding

คำถามที่พบบ่อย

หุ้นกู้/พันธบัตร คืออะไร

หุ้นกู้/พันธบัตร คือ ตราสารหนี้ที่ผู้ออกต้องการระดมเงินทุนจากนักลงทุน โดยจะให้ผลตอบแทนแก่นักลงทุนและจ่ายชำระคืนเงินต้นตามเงื่อนไขที่กำหนด (ส่วนมากผลตอบแทนมักเป็นในรูปแบบของดอกเบี้ยทุกงวด 3 หรือ 6 เดือน โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุ และจะจ่ายชำระคืนเงินต้นครั้งเดียวเมื่อครบกำหนด) กล่าวง่าย ๆ คือผู้ออกตราสารขอกู้ยืมเงินจากนักลงทุน และตราสารหนี้เป็นเหมือนสัญญากู้ยืมเงินระหว่างผู้ออกตราสารและนักลงทุน โดยพันธบัตรเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่หุ้นกู้เป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ

ลงทุนในหุ้นกู้/พันธบัตร แล้วดีอย่างไร

เป็นแหล่งรายได้ประจำที่คาดการณ์ได้ตลอดระยะเวลาที่กำหนด เนื่องจากหุ้นกู้/พันธบัตรทั่วไปในตลาดจะจ่ายดอกเบี้ยแบบคงที่และเป็นงวด ๆ ซึ่งคล้ายกับเงินฝากธนาคารแต่มักได้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินธนาคาร เนื่องจากมีความเสี่ยงที่สูงกว่า ทั้งนี้ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของหุ้นกู้/พันธบัตร ผู้ลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

หุ้นกู้/พันธบัตร คือ การฝากเงินใช่หรือไม่

หุ้นกู้/พันธบัตรไม่ใช่การฝากเงิน แม้ว่าหุ้นกู้/พันธบัตรส่วนใหญ่ในตลาดจะให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย เนื่องจากหุ้นกู้/พันธบัตรส่วนใหญ่ในตลาดเป็นประเภทที่ไม่รับประกันผลตอบแทนและเงินต้น จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารจะไม่สามารถจ่ายชำระดอกเบี้ยและเงินต้นได้ตามที่กำหนด ดังนั้นก่อนการลงทุนผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลผลการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร รวมถึงคอยติดตามข้อมูลข่าวสารของผู้ออกตราสารอย่างต่อเนื่อง

หุ้นกู้ที่ธนาคารกสิกรไทยขาย เป็น หุ้นกู้ที่ออกโดยธนาคารกสิกรไทยใช่หรือไม่

ไม่ใช่ ธนาคารกสิกรไทยเป็นเพียงผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ให้แก่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ซึ่งหุ้นกู้ที่ขายอาจจะออกโดยธนาคารกสิกรไทย หรือบริษัทอื่นก็ได้

การลงทุนใน หุ้นกู้/พันธบัตร มีความเสี่ยงหรือไม่

การลงทุนใน หุ้นกู้/พันธบัตร มีความเสี่ยงดังนี้

  • ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (Credit default risk) คือ ความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ย หรือเงินต้นได้ตามที่ระบุไว้
  • ความเสี่ยงด้านราคา (Price risk) คือ ความเสี่ยงจากการที่ราคาขายตราสารหนี้ในตลาดรองลดลง เมื่อมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการซื้อขายตราสารหนี้นั้น ๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยในตลาดปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น แต่หากผู้ลงทุนถือจนครบกำหนดจะไม่มีความเสี่ยงนี้เกิดขึ้น
  • ความเสี่ยงจากตราสารหนี้ขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย (Liquidity risk) เกิดขึ้นกรณีที่ผู้ลงทุนต้องการขายตราสารหนี้ก่อนครบกำหนด ไถ่ถอน และตลาดอาจไม่มีสภาพคล่องซึ่งทำให้ไม่สามารถขายได้ในทันที และอาจไม่ได้ราคาเท่ากับที่ซื้อมาหรือไม่ได้ราคาที่ต้องการ ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยไม่ได้มีข้อผูกมัดในการสร้างสภาพคล่องให้กับตลาดตราสารหนี้ดังกล่าว แม้ว่าตราสารหนี้นั้นจะขายโดยธนาคารกสิกรไทยก็ตาม
  • อย่างไรก็ตาม การลงทุนในหุ้นกู้โดยบริษัทเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ มีความเสี่ยงเกี่ยวกับผู้ออกหุ้นกู้ ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ธุรกิจของผู้ออกหุ้นกู้ด้วย

หากสนใจลงทุนในหุ้นกู้/พันธบัตร จะศึกษาข้อมูลได้จากที่ไหน

ผู้ลงทุนสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวน เพื่อทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

Credit Rating คืออะไร

Credit rating คือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารหนี้ บอกถึงความสามารถในการชำระหนี้ สะท้อนความเสี่ยงของผู้ออก หรือคุณภาพของหุ้นกู้ ซึ่งประเมินโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถดู credit rating เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ โดยถ้า credit rating ของผู้ออกตราสารต่ำ แสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตสูง ดังนั้นผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงดังกล่าว Credit Rating มีการจัดอันดับตั้งแต่ AAA ถึง D ซึ่ง AAA สะท้อนความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ต่ำ ในขณะที่ D สะท้อนความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระหนี้คืนได้ โดยระดับความน่าลงทุนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ

  1. Investment Grade (ระดับที่ลงทุนได้) คือ กลุ่มระดับลงทุนที่มี rating ตั้งแต่ AAA จนถึง BBB- เป็นหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มั่นคง ผลประกอบการดี อยู่ในกลุ่มที่ลงทุนได้ผลตอบแทนไม่สูงมาก
  2. Non-Investment Grade (ระดับที่ไม่น่าลงทุน) คือ กลุ่มต่ำกว่าระดับลงทุนที่มี rating ตั้งแต่ BB+ ลงมาจนถึง D เป็นหุ้นกู้คุณภาพปานกลางถึงคุณภาพต่ำจึงให้ผลตอบแทนสูงกว่า

อย่างไรก็ตาม Credit Rating อาจมีการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้ หากมีปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคตของผู้ออกหุ้นกู้ ดังนั้นผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสารของผู้ออกหุ้นกู้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ตลอดระยะเวลาการลงทุน

หุ้นกู้/พันธบัตรที่มี rating ดี/สูง ไม่มีความเสี่ยงเลยใช่หรือไม่

ไม่ใช่ หากเป็นหุ้นกู้/พันธบัตรประเภทไม่รับประกันเงินต้นและ/หรือดอกเบี้ย ยังคงมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้อยู่เสมอไม่ว่า rating จะสูงเพียงใดก็ตาม เพียงแต่มีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำกว่าหุ้นกู้ที่มี rating ต่ำกว่าเท่านั้น

หุ้นกู้/พันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูง ดีกว่า หุ้นกู้ /พันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำใช่หรือไม่

หุ้นกู้/พันธบัตรที่มีอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่า ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่าหุ้นกู้/พันธบัตรที่มีผลตอบแทนต่ำกว่า (High risk, high return) ดังนั้น ผู้ลงทุนควรประเมินความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และศึกษาทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

ดอกเบี้ยต้องเสียภาษีหรือไม่
  • กรณีบุคคลธรรมดา หักภาษี ณ ที่จ่าย 15% และกรณีขายหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด กำไรที่ได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% เช่นกัน ทั้งนี้หากหัก ภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำไปรวมกับเงินได้ในการคำนวณภาษี
  • กรณีนิติบุคคล หักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่ประกาศในประมวลรัษฎากร
ขายก่อนครบกำหนดอายุไถ่ถอนได้หรือไม่

ได้ สามารถติดต่อธนาคารพาณิชย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อให้ติดต่อหาผู้รับซื้อให้ (ธนาคาร/บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ อาจไม่ได้รับซื้อไว้เอง) อย่างไรก็ตามตลาดอาจไม่มีสภาพคล่อง ซึ่งทำให้ขายไม่ได้ในทันที และอาจขายไม่ได้เท่ากับราคาที่ซื้อมาหรือไม่ได้ตามราคาที่ต้องการ ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทยไม่ได้มีข้อผูกมัดในการรับซื้อตราสาร แม้ว่าตราสารหนี้นั้นจะขายโดยธนาคารกสิกรไทยก็ตาม

ผู้เยาว์ หรือ ชาวต่างชาติซื้อได้หรือไม่

ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของตราสารแต่ละรุ่น ทั้งนี้ผู้ลงทุนสามารถขอรับหนังสือชี้ชวนเพื่อทำความเข้าใจในลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และ ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา

Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left
None
 
Padding
Black
Middle|Left
Left