อยากกู้บ้านต้องมีเงินเดือนเท่าไร อยากกู้บ้านต้องมีเงินเดือนเท่าไร

อยากกู้บ้านต้องมีเงินเดือนเท่าไร

การมีบ้านสักหลัง อาจกล่าวได้ว่าเป็นความฝันของคนวัยทำงานหลายคน ส่วนใหญ่จึงมักตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน หรือขอสินเชื่อบ้านกับธนาคาร ซึ่งเป็นการกู้เงินระยะยาวต้องใช้เวลาผ่อนหลายปี จึงจำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลต่างๆ ให้ครบถ้วนและวางแผนอย่างรอบคอบ สำหรับใครที่อยากกู้บ้านแต่ไม่รู้ว่าเงินเดือนคุณเพียงพอที่จะทำการกู้ได้หรือไม่ มาดูวิธีคำนวณเงินกู้ซื้อบ้านว่าทำได้อย่างไร พร้อมตอบคำถาม เงินเดือนที่มีอยู่ตอนนี้พอที่จะกู้ซื้อบ้านได้เท่าไร

กู้ซื้อบ้าน คืออะไร

กู้ซื้อบ้าน คืออะไร

กู้ซื้อบ้าน คือ การขอสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยกับสถาบันทางการเงิน เป็นการกู้เงินระยะยาวที่ต้องใช้เวลาผ่อนหลายปี โดยธนาคารจะประเมินเงินกู้ซื้อบ้าน หรือ “วงเงิน” ให้กับผู้ยื่นกู้ และเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ ผู้กู้ต้องทำการผ่อนชำระ “เงินต้น” และ “ดอกเบี้ย” เป็นงวดๆ ตลอดระยะเวลาการกู้ โดยดอกเบี้ยในการกู้ยืมของแต่ละธนาคารก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยในการกู้ซื้อบ้านมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ

  1. อัตราดอกเบี้ยคงที่ เป็นอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตัวเลขแน่นอน มักกำหนดไว้แค่ 1 – 3 ปีแรก
  2. อัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับขึ้นลงตามสถาการณ์ตลาดการเงิน และมีประเภทดอกเบี้ยแตกต่างกันโดยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงที่ธนาคารต้องรับไว้จากผู้กู้แต่ละกลุ่ม ซึ่งแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
    • ดอกเบี้ย MRR : อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากผู้กู้รายย่อยชั้นดี
    • ดอกเบี้ย MLR : อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เรียกเก็บจากผู้กู้รายใหญ่ชั้นดี ประเภทมีกำหนดระยะเวลา
    • ดอกเบี้ย MOR : อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เรียกเก็บจากผู้กู้รายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี
คำนวณเงินกู้ซื้อบ้าน ทำได้อย่างไร

คำนวณเงินกู้ซื้อบ้าน ทำได้อย่างไร

ในการคำนวณเงินกู้ซื้อบ้าน จะต้องคำนึงถึงรายได้ รายจ่าย และการชำระหนี้สิน ซึ่งถือเป็นการคำนวณความสามารถในการซื้อบ้านของคุณนั่นเอง โดยสามารถทำได้ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. ประเมินรายได้ต่อเดือนของตัวเอง

เริ่มจากการนำรายได้ต่อเดือนมาประเมินว่าจะได้รับวงเงินกู้ซื้อบ้านอยู่ที่ประมาณเท่าไร ซึ่งในการกู้ซื้อบ้านนั้นธนาคารกำหนดอัตราการผ่อนชำระต่องวดประมาณ 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน และในกรณีไม่มีหนี้สินอื่นใดนอกจากการผ่อนกู้ซื้อบ้าน ยอดเงินกู้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ เพราะจะทำให้เงินที่ใช้ในการดำรงชีพไม่เพียงพอ

ตัวอย่างเช่น

รายได้ต่อเดือน 25,000 บาท

50% ของ 25,000 = 12,500

ความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุด คือ 12,500 บาท

และไม่ควรผ่อนจ่ายต่อเดือนเกิน 12,500 บาท (ไม่เกิน 50% ของรายได้)

ทั้งนี้ หากธนาคารประเมินว่าบ้านมีมูลค่าสูงเกินกว่าจะชำระเงินงวดรายเดือนด้วยจำนวนเงิน 10,000 – 12, 500 บาท อาจทำให้การอนุมัติการกู้ซื้อบ้านเป็นไปได้ยาก หรืออนุมัติในวงเงินสูงสุดตามศักยภาพการผ่อนของลูกค้า

2. ประเมินรายจ่ายและหนี้สินต่อเดือน

คำนวณเงินกู้ซื้อบ้านโดยประเมินรายได้ต่อเดือนไปแล้ว ต้องอย่าลืมคำนวณรายจ่ายและหนี้สินต่อเดือนด้วย เพราะหากมีหนี้สิน ยอดเงินกู้ที่ผู้กู้จะผ่อนจ่ายต่อเดือนได้เท่าไหร่ต้องนำค่าใช้จ่ายต่อเดือนมาคำนวณร่วมด้วย

ตัวอย่างเช่น

รายได้ต่อเดือน 25,000 บาท และมีหนี้สินต่อเดือน 4,000 บาท

50% ของ 25,000 = 12,500 – 4,000 = 8,500

ความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนสูงสุด 8,500 บาท

ทั้งนี้ การมีรายจ่ายหรือหนี้สินอื่นๆ ที่ต้องชำระต่อเดือน อาจมีส่วนทำให้ได้รับวงเงินกู้ซื้อบ้านลดลง

3. ตรวจสอบหนี้สินที่ผิดปกติ

หนี้สินที่ผิดปกติ คือ หนี้สินที่ยังไม่ได้ชำระ หรือยังชำระหนี้ไม่เสร็จ ซึ่งรวมถึงประวัติการชำระหนี้ที่ไม่ดี โดยธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาว่าดีหรือไม่ มีความสามารถในการชำระหนี้เพียงพอหรือไม่ และดูหนี้สินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งตรวจสอบผ่าน “เครดิตบูโร” หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ที่ทำหน้าที่จัดเก็บรวบรวมข้อมูลสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทไว้ในระบบฐานข้อมูล ซึ่งผู้ยื่นกู้ที่มีประวัติการชำระหนี้สินที่ไม่ดี หรือประวัติการชำระหนี้สินที่ผิดปกติบ่อยครั้ง ธนาคารจะไม่อนุมัติสินเชื่อเพื่อบ้านให้กับผู้ยื่นกู้ได้ หากผู้ยื่นกู้ต้องการให้ประวัติการเงินดีขึ้นต้องจัดการชำระหนี้สินเก่าทั้งหมดให้เสร็จครบเสียก่อน เพื่อได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดยทางธนาคารจะอนุมัติให้ได้ แต่อาจได้วงเงินที่ต่ำลงกว่าปกติ

ไขข้อข้องใจ รายได้เท่านี้ กู้บ้านได้เท่าไร

ไขข้อข้องใจ รายได้เท่านี้ กู้บ้านได้เท่าไร

เมื่อรู้วิธีคำนวณเงินกู้ไปแล้วว่าคิดอย่างไร ก็ถึงคราวรู้วิธีคำนวณเงินเดือนกู้บ้านกันดีกว่า มาดูข้อสรุปสั้นๆ เข้าใจง่าย เงินเดือนเท่านี้ กู้เงินซื้อบ้านได้เท่าไร โดยแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

1. กรณีไม่มีหนี้สิน

กรณีไม่มีภาระหนี้สินอื่นๆ การคำนวณเงินเดือนกู้ซื้อบ้านสามารถคิดได้ง่ายๆ คือ นำ 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน ซึ่งก็คือความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน มาคูณกับ 150 ก็จะรู้ว่าจำนวนเงินกู้บ้านได้สูงสุดเท่าไร

ความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน x อัตราส่วนวงเงินกู้ซื้อบ้านโดยเฉลี่ย (150) = จำนวนเงินที่กู้ได้สูงสุด

ตัวอย่างเช่น

มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท

50%* ของ 30,000 = 15,000 (ความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุด)

15,000 x 150 = 2,250,000 บาท (จำนวนเงินที่กู้ได้สูงสุด)

จะเห็นได้ว่าหากมีเงินเดือน 30,000 บาท สามารถกู้เงินซื้อบ้านได้ถึง 2,250,000 บาท นั่นเอง

มีตารางเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ เลยว่าในกรณีที่ไม่มีภาระทางการเงินอื่นๆ เงินเดือนเท่านี้ จะสามารถกู้ซื้อบ้านได้เท่าไร รวมถึงเปรียบเทียบราคาบ้านที่ควรเลือกซื้อ

เงินเดือน (บาท) ยอดผ่อนต่อเดือน (บาท) กู้ได้สูงสุด
(บาท)
15,000 7,500 1,125,000
20,000 10,000 1,500,000
30,000 15,000 2,250,000
40,000 20,000 3,000,000
50,000 25,000 3,750,000
70,000 35,000 5,250,000
100,000 52,000 7,800,000
150,000 75,000 11,250,000

*ราคาบ้านที่ควรเลือกซื้อ คิดโดยประมาณจากยอดผ่อนต่อเดือนที่ไม่เกิน 50% ของรายได้

**ยอดผ่อนต่อเดือนและวงเงินกู้แปรผันตามอายุของผู้กู้ (จากตารางคำนวณจากการผ่อนสูงสุด 30 ปี)

2. กรณีมีหนี้สิน

การคำนวณเงินเดือนกู้ซื้อบ้านในกรณีมีภาระทางการเงินอื่นๆ ที่ต้องชำระรายเดือนร่วมด้วย สามารถคิดได้จากความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน หรือ 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน มาลบกับค่าภาระหนี้สินอื่นๆ ก่อนนำไปคูณกับ 150 ก็จะรู้จำนวนเงินกู้ซื้อบ้านสูงสุดได้

(ความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดต่อเดือน - ค่าหนี้สินอื่นๆ) × 150 = จำนวนเงินที่กู้ได้สูงสุด

ตัวอย่างเช่น

มีรายได้ต่อเดือน 30,000 บาท มีหนี้สินผ่อนรถยนต์ 5,000 บาท

50% ของ 30,000 = 15,000 (ความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุด)

จำนวนเงินที่สามารถกู้ได้ คือ (15,000 – 5,000) × 150 = 1,050,000 บาท

จะเห็นได้ว่ารายได้ต่อเดือน 30,000 บาท และมีค่าผ่อนรถยนต์เดือนละ 5,000 บาท จำนวนกู้เงินซื้อบ้านที่ธนาคารจะอนุมัติให้อยู่ที่ประมาณ 1,050,000 บาท

กู้เงินอย่างไรให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก

กู้เงินอย่างไรให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก

เมื่อรู้กันไปแล้วว่าเงินเดือนเท่าไร กู้เงินมาซื้อบ้านได้เท่าไร ก็ถึงเวลามาดูเคล็ดลับกู้เงินอย่างไรให้ผ่านตั้งแต่ครั้งแรก ซึ่งถ้าคุณเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อยก่อนยื่นกู้บ้าน ก็มีโอกาสอย่างมากที่จะกู้ผ่านได้ง่ายๆ ในครั้งเดียว โดยมีขั้นตอนเตรียมตัวดังนี้

1. ตรวจสอบการเงินของตนเอง

สิ่งสำคัญของการยื่นกู้เงินอยู่ที่การมีรายได้ เพราะธนาคารจะพิจารณาจากความพร้อมทางการเงินที่คุณสามารถผ่อนชำระได้ในทุกๆ เดือน ตลอดระยะเวลาสัญญากู้ โดยธนาคารจะกำหนดอัตราการผ่อนชำระต่องวดอยู่ที่ประมาณ 50% ของรายได้ในแต่ละเดือน ยอดเงินกู้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนจึงไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ และหากมีค่าใช้จ่ายหรือภาระหนี้สินอื่นๆ ยอดเงินกู้ไม่ควรเกิน 50% ของรายได้ เพื่อไม่ให้เกินความสามารถในการผ่อนชำระของคุณ จึงควรตรวจสอบการเงินของตนเอง และคำนวณความสามารถในการซื้อบ้านก่อนทำการยื่นกู้ โดยสามารถคำนวณเงินกู้ซื้อบ้านง่ายๆ ไม่ต้องกลัวผิดพลาดได้ที่นี่

คำนวณเงินกู้ซื้อบ้าน

2. มีเงินเก็บสักก้อนก่อนตัดสินใจกู้

ก่อนตัดสินใจกู้ จำเป็นต้องมีเงินเก็บไว้เป็นเงินสำรองฉุกเฉินอย่างน้อย 10% ของราคาบ้าน เผื่อไว้ในกรณีไม่ได้รับการอนุมัติเต็มวงเงิน และยังเตรียมไว้เป็นค่าใช้จ่ายอื่นๆ เกี่ยวกับการทำสัญญาที่อาจต้องรับผิดชอบ เช่น ค่าจอง ค่าทำสัญญา ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง ค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ เป็นต้น การมีเงินเก็บสักก้อนจึงทำให้มีโอกาสได้รับการอนุมัติขอสินเชื่อสูง

3. ทำเครดิตทางการเงินให้ดี

การมีเครดิตทางการเงินที่ดีเป็นอีกข้อสำคัญที่ธนาคารจะนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติการกู้เงิน เช่น การผ่อนชำระสินค้า การกู้ซื้อของต่างๆ การใช้บัตรเครดิต ประวัติการใช้จ่ายเหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงินของคุณว่าคุณมีการชำระอย่างสม่ำเสมอ หรือค้างจ่ายหรือไม่ หากมีประวัติทางการเงินที่ดีก็เป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และมีผลต่อการพิจารณากู้ที่สูงกว่าคนที่ไม่มีประวัติทางการเงินใดๆ

4. หากมีหนี้ ควรหลีกเลี่ยงการค้างชำระ

หากมีหนี้สินหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด ควรหลีกเลี่ยงการค้างชำระก่อนยื่นกู้ไม่ต่ำกว่า 6 เดือน และควรชำระให้เต็มจำนวนตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ เป็นการสร้างประวัติการชำระหนี้ที่ดี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประวัติทางการเงินก่อนการขออนุมัติกู้เงิน

5. จัดการหนี้สินเก่าๆ ให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุด

อย่างที่ได้กล่าวไป ธนาคารจะประเมินความสามารถ และความพร้อมในการผ่อนชำระ ซึ่งพิจารณาทั้งจากรายได้ต่อเดือน รายจ่าย และภาระหนี้สินในปัจจุบัน จึงควรวางแผนและจัดการชำระหนี้สินเก่าๆ ให้หมด หรือเคลียร์หนี้ให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อให้วงเงินที่สามารถกู้ได้เพิ่มสูงขึ้น หรืออาจได้รับการอนุมัติเต็มจำนวนวงเงินที่ขอยื่นกู้ไป

6. ทำรายการเดินบัญชีให้สวย

ควรทำรายการเดินบัญชีให้สวย เนื่องจากธนาคารจะทำการตรวจสอบแหล่งที่มาของรายได้ เพื่อพิจารณาสถานะทางการเงิน และในรายการบัญชีนั้นไม่ควรแสดงให้เห็นถึงค่าใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเกินรายได้ในแต่ละเดือน หรือไม่สมเหตุสมผล หากวางแผนจะยื่นกู้เงินจึงควรงดการผ่อนสินค้าต่างๆ ทั้งการผ่อนแบบมีดอกเบี้ย หรือการผ่อนแบบ 0% เพราะอาจทำให้ถูกปฏิเสธ หรือได้รับอนุมัติการกู้ไม่เต็มวงเงินได้

การกู้ซื้อบ้าน หรือสินเชื่อบ้าน คือการทำเรื่องกู้เงินเพื่อขอซื้อบ้านกับทางธนาคาร โดยธนาคารจะพิจารณาประวัติทางการเงิน ทั้งรายได้ รายจ่าย ภาระหนี้สินต่างๆ และประเมินความสามารถในการผ่อนชำระของผู้ยื่นกู้ ซึ่งแต่ละคนจะได้รับวงเงินการกู้แตกต่างกันไป ดังนั้น จึงควรคำนวณความสามารถในการซื้อบ้านของตัวเอง และคำนวณเงินเดือนกู้ซื้อบ้านก่อนทำการยื่นกู้ ว่าเงินเดือนเท่าไรถึงจะซื้อบ้านได้ หรือเงินเดือนเท่านี้จะสามารถซื้อบ้านได้เท่าไร สำหรับใครที่ต้องการกู้ซื้อบ้าน ขอแนะนำ สินเชื่อบ้านจากธนาคารกสิกรไทย สินเชื่อบ้าน เพื่อกู้ซื้อบ้านใหม่ บ้านมือสอง ทาวน์เฮ้าส์ กู้ซื้อคอนโด กู้ปลูกสร้างบ้าน รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ สมัครง่าย วงเงินสูง

คลิกดูรายละเอียด
สินเชื่อบ้านธนาคารกสิกรไทย

อ่านบทความสินเชื่อบ้านและเรื่องบ้านเพิ่มเติม

คลิกเลย

ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

back to top