Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

หลบภัยอย่างไรเมื่อตลาดหุ้นกลับมาผันผวนอีกครั้ง

หลบภัยอย่างไรเมื่อตลาดหุ้นกลับมาผันผวนอีกครั้ง

​​



เปิดต้นปีมา ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ดีทีเดียว หลังจากปธน.ทรัมป์ ประกาศเลื่อนเส้นตายการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ออกไปจากที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะๆ ว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยนับตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงสิ้นเดือนเมษายน ดัชนีตลาดหุ้นโลก (MSCI World Index) ให้ผลตอบแทนเป็นบวกถึง 17%
 
อย่างไรก็ตาม ความดีใจของนักลงทุนก็ดูเหมือนจะอยู่ได้ไม่นาน เมื่อจู่ๆ ปธน.ทรัมป์ ได้กลับมาสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้นอีกครั้ง ด้วยการประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯจาก 10% เป็น 25% ในวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และยังได้สั่งการเจ้าหน้าที่สหรัฐฯให้เตรียมการสำหรับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนส่วนที่เหลือซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอัตรา 25% เช่นกัน ซึ่งจีนก็ออกมาตอบโต้สหรัฐฯโดยทันที ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากทางสหรัฐฯ มูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 5-25% ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปแล้วในวันที่ 1 มิถุนายน 

ไม่เพียงแค่จีนที่สหรัฐฯ เล่นงาน เพราะล่าสุด ปธน.ทรัมป์ ก็ได้หันมาเปิดศึกการค้ากับทางเม็กซิโกอีกเช่นกัน จากความไม่พอใจหลังจากได้รับรายงานว่าจำนวนผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกหลั่งไหลเข้ามาสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น ด้วยการที่สหรัฐฯ ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกทุกประเภท ในอัตรา 5% เริ่มวันที่ 10 มิถุนายน และจะเพิ่มอัตราภาษีดังกล่าวขึ้นเป็น 10% ในวันที่ 1 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ หากปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายจากเม็กซิโกยังไม่รับการแก้ไข และ จะเก็บเพิ่มอีก 5% สำหรับทุกเดือนต่อเนื่องหลังจากนั้น จนถึง 25% ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2019

จากสงครามการค้าที่ปะทุขึ้นและเริ่มขยายออกไปประเทศอื่นนอกจากจีน ได้กดดันให้ดัชนีตลาดหุ้นโลก ติดลบไปแล้วเกือบ 6% ในช่วงเวลาเพียงเดือนเดียว 

ในเวลาเช่นนี้ที่ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาผันผวนอีกครั้ง ทางเลือกในการลงทุนทางหนึ่งที่จะเป็นเพิ่มความเสถียรให้พอร์ตลงทุนและสามารถให้ผลตอบแทนที่ชนะทั้งเงินฝากและเงินเฟ้อ ก็คือ การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ (ปกติราคาตราสารหนี้มักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับราคาหุ้น) ที่มีอายุการลงทุนที่แน่นอนและไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป เช่น  4 ปี มีการจ่ายผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอตลอดอายุกองทุน และที่สำคัญคือ มีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศตลาดเกิดใหม่ทั่วโลกมากกว่า 100 ตราสาร เพื่อลดความเสี่ยงจากตราสารโดนปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือและ/หรือผิดนัดชำระหนี้ 


ประจำวันที่ 10 มิถุนายน 2562


กลับ
PRIVATE BANKING