Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

ปีแห่งการพลิกกลับ

ปีแห่งการพลิกกลับ

​​​​



ตั้งแต่ต้นปี ดูเหมือนจะมีแต่ข่าวดีที่ลดแรงกดดันตลาดทุนในปลายปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ท่าทีของ Fed ที่ผ่อนคลายมากขึ้น การเจรจาการค้าที่ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มไปในทางบวก และทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ช่วยพยุงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่บรรยากาศแบบนี้จะคงอยู่หรือไม่ เรามาดูการคาดการณ์ตลาดทุน 5 ข้อในปี 2019 ของ Lombard Odier พันธมิตรสำคัญของ KBank Private Banking เพื่อจะได้เตรียมพร้อมการลงทุนได้เหมาะสมกัน


  1. เป็นไปได้ว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกจะมีความเข้มงวดเกินความจำเป็น ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลบวกต่อสินทรัพย์มั่นคงสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาว และสกุลเงินปลอดภัย (สวิส ฟรังค์ หรือ เยน) ในครึ่งแรกของปี และผลตอบแทนพลิกกลับอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลังเมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น
  2. วัฏจักรของการแข็งค่าของสกุลเงินสหรัฐฯ จบลงแล้ว ท่าที FED ต่อการขึ้นดอกเบี้ยอ่อนลง และการกระตุ้นทางการคลังที่เบาลง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เป็นเช่นนั้น
  3. กลุ่มหุ้นคุณค่า หรือ Value stocks ที่มีมูลค่าต่อกำไรต่อหุ้นต่ำจะมีผลตอบแทนที่สูงกว่ากลุ่มหุ้นเจริญเติบโตสูง เนื่องจากผลประกอบการจะเสถียรกว่าในเวลาที่เศรษฐกิจหวั่นไหวและเริ่มเข้าสู่ Late cycle โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐฯ
  4. ผลตอบแทนของหุ้นและตราสารหนี้ภาคเอกชนในตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มน่าสนใจกว่าตลาดพัฒนาแล้ว เพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในตลาดเกิดใหม่ยังคงแข็งแกร่ง และเครดิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงราคาปัจจุบัน เมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่นๆ มีความน่าสนใจมากพร้อมทั้งยังได้รับผลดีจากการที่แนวโน้มค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่า และข้อพิพาทการค้าผ่อนคลายอีกด้วย
  5. สินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง แต่คงจะไม่ได้เฟื่องฟูอย่างในช่วงปี 2000-2007 เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านโครงสร้างจากการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น การปรับการจัดการทรัพยากรของจีน ช่วงครึ่งแรกของปีอาจจะยังคงมีความผันผวนอยู่ แต่คาดว่าครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาดีขึ้นหลังจากสถานการณ์ต่างๆ เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น


ชัดเจนว่าการลงทุนในปีนี้ ความผันผวนน่าจะมีแนวโน้มที่อยู่ในระดับสูงกว่าหลายปีที่ผ่านมา หากจะลดความเสื่ยงของพอร์ตโดยการเพิ่มสินทรัพย์มั่นคงสูงเพื่อทำกำไรในช่วงตลาดตกก็น่าจะดี หากเข้าใจถึงความผันผวนที่อาจจะตามมาถ้ามีเงินเฟ้อ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการรับความเสี่ยงน้อยลง การถือกองทุนตลาดเงินหรือตราสารหนี้ระยะสั้นก็น่าจะเหมาะ สำหรับนักลงทุนที่เข้าใจการใช้เครื่องมือทางการเงิน เช่น หุ้นกู้ อนุพันธ์มาปรับความเสี่ยงให้น้อยลงด้านขาลงก็น่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก  แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การคุยกับที่ปรึกษาทางการเงินให้บ่อยขึ้นทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงมากขึ้น  



ประจำวันที่ 14 มกราคม 2562


กลับ
PRIVATE BANKING