ปี 2019 ผ่านมาแล้วเกือบ 1 เดือนครึ่ง ราคาสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ ต่างพร้อมใจกันปรับสูงขึ้น ตลาดหุ้นบางแห่ง เช่น สหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2019 จนถึงปัจจุบันสูงเกินผลขาดทุนที่เกิดขึ้นในปี 2018 ทั้งปี เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ที่เคยกดดันทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในปีที่ผ่านมา ต่างมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้ตลาดมองว่า FED น่าจะไม่เร่งรีบปรับขึ้นดอกเบี้ย และข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยืดเยื้อมาแล้วเกือบ 1 ปี ก็ดูมีความคืบหน้าที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่จีนตกลงที่จะนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯมากขึ้น ขณะที่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศยอมเลื่อนกำหนดการที่จะปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากอัตรา 10% เป็น 25% ในวันที่ 1 มีนาคม 2019 ออกไป
อย่างไรก็ตาม คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่เกิดขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของนานาประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าของสหรัฐฯ และจีนบ้างแล้ว ทั้งนี้ สังเกตได้จากการที่มีนักวิเคราะห์เริ่มทำการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน เป็นต้น ยกตัวอย่างเช่น บริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P500 ที่ในช่วงต้นปี 2019 นั้น นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรต่อหุ้นเฉลี่ยของปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 170.82 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์กำไรต่อหุ้นเฉลี่ยดังกล่าวได้ถูกปรับลดลงเหลือเพียง 166.86 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ณ ปัจจุบัน (12 มีนาคม 2019) มากไปกว่านั้น การที่ราคาของสินทรัพย์ต่างๆ ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ก็อาจมีความเสี่ยงของการปรับฐานได้
2 แนวทางที่จะช่วยพอร์ตเพื่อพยุงความผันผวนคือ 1. การกระจายการลงทุนบางส่วนไปยังสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ อย่างหุ้นในกลุ่ม Defensive เช่น กลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ยารักษาโรค บริการทางการแพทย์ และสาธารณูปโภค รวมถึงหุ้นปันผลสูง (High Dividend) ที่ราคามักเปลี่ยนแปลงน้อยในสภาวะที่ราคาสินทรัพย์ส่วนใหญ่ร่วงลงแรง ก็น่าจะช่วยพยุงและลดความผันผวนของผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนได้ 2. การใช้หลัก (Dollar Cost Average) คือการแบ่งเงินเป็นหลายๆ ส่วนและค่อยๆ ลงตามระยะเวลาที่เท่าๆ กัน แม้ว่าการลงทุนปีนี้คงจะไม่ได้เลวร้ายเหมือนปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงต้องระวังมากๆ เพราะมีตัวแปรที่ผลิตได้ทั้งปี ในเวลาเช่นนี้ นักลงทุนควรต้องพิจารณาเลือกใช้ความเสี่ยงให้คุ้มค่าที่สุด
ประจำวันที่ 18 มีนาคม 2562