Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

รับมือกับความเสี่ยงด้วยทอง

รับมือกับความเสี่ยงด้วยทอง

​​

การลงทุนทองคำนักลงทุนหลายคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี และในช่วงนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในรูปของกองทุนหรือทองคำแท่ง ทั้งนี้ก็เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่ความสามารถในการป้องกันความเสี่ยงจากความเสี่ยงที่อาจคาดไม่ถึงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ไปจนถึงปัญหาทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ โดยปกติในช่วงเวลาที่มีข่าวไม่ดี ข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด ราคาทองคำมักจะปรับสูงขึ้นสวนทางราคาหุ้นที่ตกลง ดังนั้นทองคำจึงได้รับการขนานามว่า “สินทรัพย์ปลอดภัย" และเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักลงทุนในตลาดหุ้นที่ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์ที่ไม่ได้พึ่งพิงกับตลาดหุ้นหรือตราสารหนี้และลดความผันผวนของผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุน


ล่าสุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 ที่ยังคงยืดเยื้อและรุกรามอย่างรวดเร็วจากจีนมาสู่ประเทศอื่นแล้วมากกว่า 20 ประเทศ ทำให้เกิดความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากผลกระทบในภาคส่วนของการท่องเที่ยวและการส่งออก เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานการผลิตที่หยุดชะงักลงโดยเฉพาะจากจีนที่ถือว่าเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ส่งผลให้ดัชนีหุ้นหลายประเทศปรับตัวลงแรง ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและทำสถิติสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี เนื่องจากนักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำเพิ่มมากขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

คำถามถัดไปคือ ราคาทองคำขึ้นมาแรงขนาดนี้ ยังน่าสนใจลงทุนอยู่ไหม คำตอบ คือ ใช่ เพราะหากเรามองข้ามเรื่อง COVID-19 ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนราคาทองคำในระยะถัดไป เช่น

  1. ความไม่แน่นอนในเรื่องของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน แม้ว่าสหรัฐฯและจีนจะมีการลงนามข้อตกลงการค้าขั้นแรก หรือ Phase I แล้ว แต่อย่าลืมว่า ยังมีอีกหลายวาระที่ต้องมีการตกลงกัน และที่สำคัญในข้อตกลงดังกล่าวสหรัฐฯก็มีข้อเรียกร้องให้จีนปฏิบัติไม่น้อยเลยทีเดียว เช่น ต้องซื้อสินค้าสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 2 แสนล้านเหรียญในระยะเวลา 2 ปี ซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯเพิ่มเป็น 5 หมื่นล้านเหรียญ เป็นต้น ในขณะที่เศรษฐกิจจีน ณ ขณะนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก COVID-19 ดังนั้น จึงเป็นความท้าทายต่อจีนพอสมควร
  2. สภาวะดอกเบี้ยต่ำ จากนโยบายการเงินผ่อนคลายของธนาคารกลางทั่วโลก จะทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากขึ้น
  3. ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากประเด็นการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะนโยบายหาเสียงของผู้สมัครฝั่งพรรคเดโมแครต ที่อาจมีผลลบต่อตลาดหุ้น เช่นการขึ้นภาษีคนรวย เป็นต้น
  4. ความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศ เช่น สหรัฐฯและอิหร่าน ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2020 แต่ก็ไม่ได้จบแบบสวยงามเท่าไหร่นัก ดังนั้น ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ เพราะอาจกลับมาปะทุอีกเมื่อใดก็ได้

    ฉะนั้น การมีทองคำติดพอร์ตการลงทุนสักเล็กน้อย 3-5% น่าจะช่วยให้นักลงทุนอุ่นใจได้และนอนหลับสนิท ในยามที่เกิดข่าวร้ายที่ไม่คาดคิด โดยการลงทุนผ่านกองทุนทองคำ ก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ดี เพราะซื้อง่าย ขายคล่อง และนักลงทุนไม่ต้องแบกภาระในการเก็บรักษา

 

ประจำวันที่ 3 มีนาคม 2563


กลับ
PRIVATE BANKING