“Cash is king" คงจะเป็นประโยคที่เราคงเคยได้ยิน และยิ่งเป็นความจริงโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ปกคลุมด้วยความกลัวและความไม่รู้
นับแต่การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 เริ่มต้นขึ้นและสถานการณ์รุนแรงขึ้นทั่วโลก ตลาดหุ้นก็มีความผันผวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ดัชนีหุ้นทั่วโลกดิ่งลงแรงและถูก Circuit Breaker หรือหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวระหว่างวันกันถ้วนหน้า หากนับตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 24 มีนาคม 2020 ดัชนีหุ้นโลก -26% ดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ -23% และดัชนีหุ้นสหรัฐฯอย่าง S&P -28% ไม่เว้นแม้แต่พันธบัตรรัฐบาลและทองคำซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและราคามักจะปรับขึ้นในยามที่ตลาดมีความผันผวนสูง แต่ในครั้งนี้กลับผิดคาด ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและทองคำถูกเทขายอย่างหนักเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเร่งสูงขึ้น
นอกจากนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้หลายประเทศทั่วโลกต้องประกาศปิดประเทศ (LOCKDOWN) ซึ่งก็ได้สร้างความกังวลต่อนักลงทุนว่าภาคธุรกิจต่างๆในสภาวการณ์นี้อาจต้องหยุดชะงัก บริษัทหลายแห่งอาจต้องปิดตัวลง รวมไปถึงการลอยแพพนักงานในที่สุด นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ร่วงลงจากสงครามราคาน้ำมันระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย ที่คาดว่าจะกดดันรายได้ของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันอย่างหนัก ยิ่งซ้ำเติมและเพิ่มความกังวลให้กับตลาดและนักลงทุนขึ้นไปอีกว่าจะเกิดภาวะการผิดนัดชำระหนี้ในตราสารหนี้ของบรรดากลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้าฟุ่มเฟือยและค้าน้ำมันหรือไม่ ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างเทขายตราสารหนี้อย่างหนัก ไม่เว้นแม้แต่กองทุนตลาดเงินระยะสั้นที่ประกอบด้วยตราสารหนี้ภาคเอกชนคุณภาพดี
สิ่งที่นักลงทุนต้องการถือ ณ เวลานี้ ดูเหมือนจะมีแค่เพียงเงินสด โดยเฉพาะเงินสดที่อยู่ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น ทั้งนี้ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีการปรับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องและทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 3 ปี
การที่นักลงทุนแห่เข้าไปถือเงินสด ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้นเพราะนักลงทุนมองไปในทางเดียวกันและมีแต่คนขาย แต่ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในตลาดทุนนั้น เป็นความเสี่ยงที่พอที่จะรับมือได้ด้วยการที่ธนาคารกลางในหลายประเทศ ที่เข้ามารับ ซื้อหรือรับตราสารที่ขาดสภาพคล่องเป็นหลักประกันในช่วงนี้ ซึ่งเป็นมาตรการที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและความต่อเนื่องของตลาดทุน เพราะตลาดทุนในบางช่วงบางขณะ ก็สามารถตกใจเกินกว่าเหตุผล
อย่างไรก็ตาม คงจะเป็นการยากที่จะคาดเดาว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 จะจบลงเมื่อไหร่ การจัดพอร์ตที่เน้นการกระจายความเสี่ยงสินทรัพย์ทางการเงินในตลาดทุนไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ และเงินสด และการบริหารความเสี่ยงช่วงนี้สำคัญมากต่อการรักษาสินทรัพย์ จะช่วยอุ้มพอร์ตให้มีผลตอบแทนระยะยาวได้ และเมื่อเหตุการณ์กลับสู่สภาวะปกติจะสามารถกลับมาได้เร็วขึ้น
ช่วงนี้ความสามารถในการแยกแยะว่า อะไรเป็นเรื่องชั่วคราว อะไรเป็นเรื่องระยะยาว จำเป็นมากในเวลาที่ตลาดทุนหาทางไปไม่เจอ ดังนั้นสติที่มั่นคงและการจัดพอร์ตที่เน้นการกระจายความเสี่ยงอย่างดี พร้อมกับมีสภาพคล่องบางส่วน จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้นักลงทุนผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้ไปได้
ประจำวันที่ 30 มีนาคม 2563