ปี 2023 นี้ ถือเป็นปีที่มีความท้าทาย เห็นได้ว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บางสินทรัพย์ที่คาดว่าจะมีมูลค่าลดลงกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด หรือ บางสินทรัพย์ที่คาดว่าดีแต่ผลลัพธ์กลับออกมาตรงกันข้าม ความผันผวนเหล่านี้ทำให้การบริหารสินทรัพย์เป็นไปด้วยความยากลำบากเช่นกัน

เศรษฐกิจตึงตัว ธนาคารทั่วโลกปรับขึ้นดอกเบี้ย
จะเห็นได้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันมีสภาพคล่องที่ตึงตัวมากขึ้น จากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลกระทบให้
- ต้นทุนการลงทุนทั้งระดับภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector ภาคธุรกิจที่ผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ เช่น ภาคการเกษตร ผลไม้ ข้าว, ภาคอุตสาหรรม การผลิตรถยนต์, ภาคบริการ โรงแรม สปา ฯลฯ) และ ต้นทุนของการลงทุนในสินทรัพย์มีการปรับตัวขึ้นทั้งหมด
- ผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดทุน เช่น ตลาดซื้อขายหุ้นสามัญ หุ้นกู้ พันธบัตรรัฐบาล ลดลง
- ภาคการเงินได้รับผลกระทบ เช่น ธนาคารฝั่งยุโรป Credit Suisse ถูก Union Bank of Switzerland (UBS) เข้าซื้อกิจการ หรือ ในฝั่งสหรัฐฯ เอง ที่ธนาคาร First Republic ล้มเพราะผลพวงจากการล้มลงของธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง Silicon Valley Bank , Signature Bank และ Silvergate
การล้มละลายของธนาคารต่าง ๆ ที่กล่าวมา อาจจะยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของวิกฤตการณ์ทางการเงินในครั้งนี้
ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ผันผวนลดลง
อย่างไรก็ตามจากความเห็นส่วนใหญ่ ทั้งจากด้านนักวิเคราะห์ จนไปถึงผู้กำหนดทิศทางนโยบายทางการเงินของประเทศต่าง ๆ มีความคิดตรงกันว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งในประเทศไทยนั้นอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว แต่ยังจำเป็นต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงเช่นนี้อีกระยะหนึ่ง ทำให้การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากการถือครองพันธบัตรน่าจะจำกัดมากขึ้น ความผันผวนจะลดลง ตลาดจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้น
สำหรับภาพเศรษฐกิจ ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ กลุ่มยูโรโซน จนไปถึงญี่ปุ่น ยังมีความตึงเครียดจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่วนในกลุ่มเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะจีน และ อินเดียจะเป็นแรงหนุนหลักที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกขยายตัวได้ในปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน สร้างผลกำไรให้คุ้มค่า
จากปัจจัยต่าง ๆ ข้างต้นถือเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อทำกำไรได้ ดังนี้
- ตราสารหนี้ : เนื่องจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับขึ้นมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจที่จะลงทุน ตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย และ ช่วยกระจายความเสี่ยง ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนสููง
- สินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด : สินทรัพย์เหล่านี้จะช่วยลดความผันผวนการลงทุนในภาวะเศรษฐกิจถดถอย และ เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มคงที่หรือปรับลดลงในอนาคต สินทรัพย์ประเภทนี้จะได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน ซึ่งเห็นได้จากตัวอย่างในตารางด้านล่าง กองทุน K Global Income Fund-A(R) มี Maximum Drawdown (MDD) หรือ เปอร์เซ็นต์การขาดทุนสูงสุดโดยเทียบตั้งแต่ช่วงเวลาจัดเริ่มตั้งกองทุน 10 มิถุนายน 2558 จนถึง 8 พฤษภาคม 2566 ในช่วงเวลาเดียวกันดีกว่าดัชนีตลาดหุ้นซึ่งแสดงให้เห็นความสามารถในการช่วยควบคุมความเสี่ยงในช่วงตลาดเป็นขาลง
ดัชนีตลาดหุ้น
| Maximum Drawdown
|
K-GINCOME-A(R)
| - 22.58%
|
Nikkei 225
| - 31.80%
|
S&P500
| - 33.92%
|
STOXX 600
| - 35.55%
|
NASDAQ
| - 36.40%
|
SENSEX
| - 38.00%
|
SET
| - 44.29%
|
VIETNAM
| - 45.26%
|
CSI 300
| - 46.67%
|
ที่มา : Bloomberg ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2566

เพราะไม่มีใครสามารถทำนายว่าวิกฤตครั้งนี้จะจบลงตอนไหน สิ่งสำคัญที่สุดในการลงทุน คือ กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับแต่ละช่วงเวลา โดยจะต้องมีการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสมด้วยเสมอ อย่างที่ธนาคารกสิกรไทยเน้นย้ำตลอดเรื่องหลักการลงทุนที่ปลอดภัยของปีนี้ คือ
- ควรรอความชัดเจนของสถานการณ์
- ควรเน้นไปที่สินทรัพย์กลุ่มที่มีความมั่นคง สามารถสร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอ
- ลงทุนควบคู่กับหลักการกระจายความเสี่ยง
- ตั้งเป้าหมายการลงทุนอย่างน้อย 3 – 5 ปี
ทั้งสองกลยุทธ์การลงทุนทั้งการลงทุนในตราสารหนี้ และ การลงทุนในสินทรัพย์ที่เน้นการจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอ เป็นการจัดสรรเงินทุนที่เหมาะสมตามวัฏจักรเศรษฐกิจซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของตลาดการลงทุน และ ได้รับผลตอบแทนที่ดีได้ในช่วงเวลาปัจจุบันได้นั่นเอง
นิติ สนิวาล CFP®
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า
กองทุนแนะนำที่เกี่ยวข้อง
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างต่ำ
K-FIXED-A
กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไป
อ่านรายละเอียดกองทุน
| ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน KPLUS
|

|
|
นโยบายการลงทุน
- ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากในประเทศ
- กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)
เหมาะสำหรับใคร?
- คาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก
- ต้องการสภาพคล่องในการซื้อขาย ได้รับเงินค่าขายคืนภายในวันที่ T+2
- สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลางค่อนข้างสูง
K-GINCOME
กองทุนเปิดเค โกลบอล อินคัม
อ่านรายละเอียดกองทุน
กองทุน
| ซื้อกองทุนง่าย ๆ บน KPLUS
|
K-GINCOME-A(A)
|
|
K-GINCOME-A(R)
|
|
K-GINCOME-SSF
|
|
นโยบายการลงทุน
- กองทุนรวมที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด (Income)
- กองทุนเน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลกกว่า 3,000 สินทรัพย์
- เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีการจ่ายรายได้สม่ำเสมอ
- มีกลยุทธ์การลงทุนกว่า 550 กลยุทธ์และมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสินทรัพย์กว่า 50 คน ทำหน้าที่มุ่งหาโอกาสลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายรับสม่ำเสมอ
เหมาะสำหรับใคร?
- ผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและไม่มีเวลาปรับพอร์ตด้วยตนเอง
- ผู้ลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนหุ้นต่างประเทศ สามารถรับความเสี่ยงได้
- ผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนระยะยาวได้มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
- ผู้ลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้