สถานการณ์ปัจจุบันของโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ การเงิน สังคม และการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายคนมีความกังวลใจในการใช้ชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการลงทุน รายได้ หนี้สิน ความเสี่ยงธุรกิจและความไม่แน่นอนของชีวิต หากเรามีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นด้วยการวางแผนที่ดีจะเป็นการช่วยบริหารความเสี่ยงต่อฐานะการเงินและเป้าหมายที่สำคัญของครอบครัวได้ ซึ่งการวางแผนส่งต่อมรดกก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจัดการกับความไม่แน่นอนด้วยการจัดการทรัพย์สินให้กับลูกหลานหรือคนที่เรารักให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดเพื่อช่วยดูแลให้คนที่เรารักใช้ชีวิตได้อย่างมั่นคงและอุ่นใจ
4 วิธี วางแผนมรดกเพื่อคนที่เรารัก
1. การทำบัญชี
ก่อนการวางแผนมรดก ควรมีการทำบัญชีเพื่อรวบรวมสินทรัพย์ที่ถือครองทั้งหมดว่า มีจำนวนเท่าใด และ มูลค่าเท่าไหร่ อีกทั้งเพื่อให้สามารถจำแนกสินทรัพย์ที่มีออกมาได้ว่าส่วนไหนที่จะต้องมีการเสียภาษี โดยสินทรัพย์ที่จะต้องเสียภาษีมรดก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ ยานพาหนะ หลักทรัพย์ตามกฎหมาย เงินฝาก และ ทรัพย์สินทางการเงิน เป็นต้น
2. ศึกษากฎหมายภาษีมรดกและภาษีจากการให้
- การรับมรดก - กรณีไม่มีการโอนให้ก่อนเสียชีวิต ส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท ทายาท เสียภาษี อัตรา 5% , บุคคลธรรมดา เสียภาษี อัตรา 10%
- การรับให้ – กรณีโอนทรัพย์สินขณะมีชีวิต ส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท ทายาท เสียภาษี อัตรา 5% , ส่วนที่เกิน 10 ล้านบาท บุคคลธรรมดา เสียภาษี อัตรา 10%
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
3. ทยอยส่งมอบทรัพย์สินในแต่ละปี
ทยอยส่งมอบทรัพย์สินในแต่ละปีเป็นจำนวนเงินที่เหมาะสม และ ไม่ทำให้เสียภาษีมากจนเกินไป เช่น มีมรดก 40 ล้านบาท และ ทายาท 1 คน ก็สามารถทยอยมอบให้ปีละ 20 ล้านบาทจำนวน 2 ปี ก็จะไม่เสียภาษี
4. เลือกส่งต่อมรดกเป็นทรัพย์สินที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
หากมีมรดกเป็นจำนวนมาก และ ไม่สามารถทยอยมอบได้ในเร็ววัน ควรเปลี่ยนมรดกส่วนที่จะต้องเสียภาษีให้เป็นทรัพย์สินที่สามารถได้รับประโยชน์ทางภาษีได้ เช่น การทำประกันชีวิตเพื่อรับสินไหมมรณกรรม โดยระบุผู้รับผลประโยชน์ในกรมธรรม์ดังกล่าวไว้เป็นทายาทที่ต้องการมอบทรัพย์สิน เท่านี้ก็จะสามารถวางแผนจัดสรรแบ่งเงินเพื่อซื้อประกันชีวิตเท่าจำนวนทายาทก็สามารถแบ่งให้ได้ครบทุกคน อีกทั้งการทำประกันนั้นยังมีประโยชน์ในการดูแลตนเองอีกด้วย อย่าลืมว่า “ความแน่นอนที่สุด ก็คือ ความไม่แน่นอน”
การลงทุน อีกหนึ่งทางเลือกสำคัญ สานต่อความมั่งคั่ง
ในช่วงที่ COVID-19 กำลังระบาด หลาย ๆ คนมีความกังวลและมองหาตัวช่วยป้องกันความเสี่ยงในอนาคตที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องไม้เครื่องมือที่เข้ามาอำนวยความสะดวก ทำให้ผู้ซื้อสามารถที่จะลงทุนในมรดกและได้ประโยชน์ด้านความคุ้มครองเพื่อปิดความเสี่ยงได้พร้อม ๆ กัน “การทำประกันควบคู่การลงทุน” เป็นแผนการเพื่อจัดการส่งมอบมรดกให้ลูกหลานในขั้นตอนเดียว
การแบ่งเงินเพื่อวางแผนส่งต่อมรดก และ ลงทุนอย่างมีระบบจะช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนพร้อมสร้างความมั่นคงให้กับคนที่เรารัก โดยมูลค่ากองมรดกมีโอกาสเติบโตตามช่วงเวลาที่ผ่านไป อย่างไรก็ตามการลงทุนยังคงจำเป็นที่จะต้องติดตามและวางแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ๆ ด้วย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ในแต่ละวันไร้ความกังวล จากกที่เราได้ได้เตรียมความพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนไว้ล่วงหน้า ซึ่งกองมรดกก็มีโอกาสที่จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นหากลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตเด่น โดยปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงการเลือกลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบันมีดังนี้
- กลุ่มประเทศเอเชีย เพราะ มีแนวโน้มเติบโตที่เด่นจากฐานที่ต่ำในปีที่ผ่านมา โดยประเทศที่มีความน่าสนใจและ คาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสในการลงทุน คือ จีน ญี่ปุ่น ไทย และ เวียดนาม
- การลงทุนที่ยังอยู่ในกระแส คือ กลุ่มธุรกิจคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และ บรรษัทภิบาล (ESG) ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และ กลุ่มที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะ ปัจจุบัน COVID-19 ยังอยู่และเป็นแรงเสริมให้นานาประเทศสนใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
- ปัญหาเงินเฟ้อ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการขึ้นดอกเบี้ยปีนี้ คาดกระทบต่อการลงทุนตราสารหนี้ระยะยาวและทองคำ โดยทองคำมีความน่าสนใจลดลงจากดอกเบี้ยขาขึ้นเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ได้สร้างกระแสเงินสด ดังนั้นเงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ระยะสั้นจึงเป็นทางเลือกการลงทุนในช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นเนื่องจากได้รับผลกระทบที่น้อยกว่า
ผู้เขียน
K-Expert กานต์พิชชา แดงพิบูลย์สกุล AFPT™
ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า
วางแผนมรดกส่งมอบทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยกรมธรรม์ยูนิตลิ้งค์ mDesign
มอบความคุ้มครองประกันชีวิตควบการลงทุนอย่าง
mDesign (Unit – Linked) ทุกช่วงชีวิตออกแบบได้

ทำไมต้อง mDesign
mDesign (Unit – Linked) สามารถตอบโจทย์การดูแลคนที่เรารักเหมาะแก่การส่งต่อมรดกสามารถใช้สร้างความมั่งคั่งได้เมื่อภาระต่าง ๆ เริ่มหมดไปใช้ควบคู่ไปได้ทุกช่วงเวลาเหมาะกับการวางแผนระยะยาว
- สามารถปรับลดความคุ้มครองเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละช่วงชีวิตได้
- มีความยืดหยุ่น สามารถกำหนดระยะเวลาการจ่ายเบี้ย หยุดพักชำระเบี้ย ลดเบี้ย หรือจ่ายเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อการลงทุนได้ตามต้องการ
- ถอนเงินจากพอร์ตลงทุนเพื่อนำมาใช้ในยามจำเป็น ไม่จำเป็นต้องยกเลิกกรมธรรม์ ซึ่งจะได้รับความคุ้มครองต่อเนื่อง
- เพิ่มโอกาสในการลงทุน มีการคัดสรรกองทุนเด่น จาก บลจ.ชั้นนำที่มีกองทุนรวมหลากหลายตอบโจทย์ทุกความต้องการ
เหมาะสำหรับใคร
ผู้เอาประกันที่ต้องการแบบประกันที่มีความยืดหยุ่นทั้งในเรื่องความคุ้มครองชีวิตและเบี้ยประกัน มีความโปร่งใสในเรื่องค่าใช้จ่าย ต้องการได้รับผลตอบแทนในรูปแบบการลงทุนในกองทุนรวมโดยผลตอบแทนที่คาดหวังสูงกว่าประกันชีวิตแบบดั้งเดิม