เจาะลึกโลกการลงทุนครึ่งปีหลัง จับทิศทางสหรัฐและไทย ปรับพอร์ตอย่างไรเมื่อโลกยังผันผวน
ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2025 ผ่านไปท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงปกคลุมเศรษฐกิจโลก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เข้มงวดขึ้นภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ การฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของเศรษฐกิจจีน หรือความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความท้าทายที่นักลงทุนต้องเผชิญในช่วงครึ่งปีหลัง และเป็นช่วงเวลาที่จำเป็นต้อง “ทบทวนและปรับพอร์ต” ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การกระจายความเสี่ยงและการเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน เราแนะนำแนวคิดการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite โดยเน้นกองทุนในกลุ่ม K-WealthPLUS Series เป็นส่วน Core หรือแกนหลัก และปรับส่วนเสริมหรือ Satellite ให้สอดรับกับสถานการณ์ตลาด พร้อมแนะนำกองทุนที่น่าสนใจ อาทิ K-FIXEDPLUS, K-GINFRA, K-GPINUH, K-GSELECT และ K-INDIA เพื่อช่วยให้พอร์ตเติบโตอย่างแข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอน
ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและไทยในครึ่งปีแรก 2025

- สหรัฐอเมริกา: เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากนโยบายกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในหลายรายการ สร้างแรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้า ภายใต้นโยบาย "America First" ที่กลับมาอีกครั้ง เงินเฟ้อยังคงทรงตัวในระดับสูง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังไม่ลดลง แม้เศรษฐกิจจะชะลอบ้างก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีและภาคส่งออก และยังส่งผลกระทบต่อการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนของภาคธุรกิจ
- จีน: แม้จะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย LPR และการออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นไปอย่างช้า เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนยังไม่ฟื้นเต็มที่ ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ฉุดรั้งการฟื้นตัว ขณะที่การส่งออกยังถูกกดดันจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ
- อินเดีย: ในทางกลับกัน อินเดียกลับเป็นประเทศดาวรุ่งที่ได้รับประโยชน์จากกระแสการย้ายฐานการผลิต (China+1) โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ดึงดูดเงินลงทุนจากทั่วโลก ทั้งในภาคการผลิต เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้ตลาดหุ้นอินเดียมีความน่าสนใจและมีศักยภาพเติบโตระยะยาว อย่างไรก็ตาม อินเดียยังคงเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายที่ซับซ้อน
- ไทย: เศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/2025 ขยายตัว 3.1% ดีกว่าคาดที่ +2.9% แต่ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ +3.2% โดยหลักๆ มาจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีนำเข้าจะมีผล ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังอ่อนแอ การลงทุนภาคเอกชนยังหดตัว และการท่องเที่ยวยังไม่กลับมาฟื้นตัวเต็มที่ ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศยังต้องรอผลชัดเจนในครึ่งปีหลัง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในครึ่งปีหลัง

- การปรับดอกเบี้ยของ Fed: แม้ตลาดจะเริ่มคาดว่า Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ยปลายปีนี้ แต่ท่าทีของธนาคารกลางยังไม่ชัดเจน หากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีความน่าสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย การปรับลดดอกเบี้ยอาจล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินยังคงสูงและกดดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- นโยบายการค้าสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์: การขึ้นภาษีนำเข้าส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และยังอาจสร้างแรงกระเพื่อมต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการส่งออกสูง
- ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นความเสี่ยงสำคัญที่ต้องจับตา ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการค้าและเทคโนโลยี สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและอาหาร รวมถึงความขัดแย้งระหว่างอินเดีย-ปากีสถาน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนสร้างความผันผวนและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
- มาตรการกระตุ้นของไทย: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยยังคงต้องการแรงสนับสนุนจากภาครัฐ โดยยังคงต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ที่รัฐบาลจะนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นการบริโภค หรือมาตรการช่วยเหลือภาคเอกชน มาตรการเหล่านี้จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง
กลยุทธ์การจัดพอร์ตครึ่งปีหลัง
ท่ามกลางความผันผวนและปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมา การปรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตให้เหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง โดยในสภาพแวดล้อมที่ยังมีความผันผวนสูง นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการกระจายความเสี่ยงทั้งในเชิงสินทรัพย์ (Asset Allocation) และเชิงภูมิศาสตร์ (Geographic Diversification)
ตัวอย่างการจัดพอร์ต Core-Satellite สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง/กลาง/ต่ำ
เพื่อให้การปรับพอร์ตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เราขอแนะนำแนวคิดการจัดพอร์ตแบบ Core-Satellite ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนที่เป็นสินทรัพย์หลัก (Core) ที่มีการกระจายการลงทุนทั่วโลกและมีความยืดหยุ่นสูง และส่วนที่เป็นสินทรัพย์เสริม (Satellite) ที่มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ตลาด
- Core Portfolio: แนะนำกองทุนในกลุ่ม K-WealthPLUS Series ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงอย่างดีเยี่ยมในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก และมีการบริหารจัดการโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้พอร์ตมีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว กองทุนในกลุ่มนี้เหมาะสำหรับเป็นฐานของพอร์ตการลงทุน ไม่ว่าผู้ลงทุนจะรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง กลาง หรือต่ำ
- Satellite: สามารถปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนได้ตามสถานการณ์ตลาดและความคาดการณ์ในอนาคต ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหรือหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง หากรับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจพิจารณาเพิ่มน้ำหนักในหุ้นกลุ่ม Value หรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากภาวะเศรษฐกิจ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ อาจเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำ เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมตลาดเงิน เป็นต้น
สินทรัพย์ที่อาจพิจารณาเพิ่มน้ำหนักการลงทุน
- พันธบัตรระยะยาวคุณภาพดี: มีความน่าสนใจมากขึ้นเนื่องจากมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีเมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับลดลง และยังเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในยามที่ตลาดผันผวน เช่น กองทุน K-FIXEDPLUS
- หุ้นกลุ่ม Defensive และ Income-Oriented: เหมาะกับสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน เช่น กองทุน K-GPINUH ที่เน้นหุ้นกระแสเงินสดมั่นคงพร้อมกลยุทธ์สร้างรายได้ผ่านการขาย Call Option หรือ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง K-GINFRA มีโอกาสสร้างรายได้สม่ำเสมอและป้องกันความผันผวนในพอร์ตได้ดี
- หุ้นคุณภาพทั่วโลก: หุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง เติบโตได้ทั้งในภาวะ Growth และ Value เช่น กองทุน K-GSELECT
- อินเดียและ Emerging Asia: กลุ่มประเทศที่ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต เช่น กองทุน K-INDIA
สรุปคำแนะนำการลงทุนครึ่งปีหลัง 2025
ภาวะตลาดโลกครึ่งปีหลังยังคงมีความเสี่ยงสูงจากทั้งปัจจัยเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีโอกาสในการลงทุนโดยเฉพาะในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงหรือกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโต เช่น อินเดีย หุ้นรายได้มั่นคง โครงสร้างพื้นฐาน หุ้นคุณภาพดี หรือพันธบัตรคุณภาพดี นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการจัดพอร์ตที่ยืดหยุ่น กระจายความเสี่ยง และพร้อมปรับตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพื่อให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
Disclaimer : บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในภาพรวม ไม่ถือเป็นการแนะนำการลงทุนเฉพาะรายบุคคล ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
วรสุดา ใช้เทียมวงศ์ CFP®
กองทุนแนะนำ
K-WPBALANCED
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-WPSPEEDUP
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-WPULTIMATE
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-FIXEDPLUS-A
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-GINFRA-A(D)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-GPINUH-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-GSELECT
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-INDIA-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS