ตลาดหุ้นจีนในปี 2025 เริ่มแสดงสัญญาณการฟื้นตัวบางส่วนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และความพยายามของรัฐบาลในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นภาคเอกชน อย่างไรก็ดี ปัจจัยเชิงโครงสร้างและความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ยังคงเป็นปัจจัยลบกดดันการประเมินมูลค่าหุ้น
แม้ภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัท DeepSeek จะสร้างโอกาสใหม่ในระยะยาว แต่ขาดความชัดเจนด้านรายได้ (Earnings Visibility) ในระยะสั้น นักลงทุนที่มีมุมมองการลงทุนระยะกลางถึงยาวอาจพิจารณาทยอยลงทุนได้ แต่ควรกระจายพอร์ตการลงทุนเพื่อบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
สรุปภาพรวมตลาดหุ้นจีนในปีนี้
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ตลาดหุ้นจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยมีสัญญาณฟื้นตัวในหลายมิติ
- ดัชนี CSI 300 (A-share เส้นสีเขียว) ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสแรก ด้วยแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นภายใน
- ดัชนี Hang Seng China Enterprises Index (H-share เส้นสีฟ้า) ฟื้นตัวได้ดีกว่าจากเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศที่เริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุน
ปัจจัยสนับสนุนสำคัญในไตรมาสแรก
- การเปิดตัวของ DeepSeek ซึ่งสร้างกระแสความหวังใหม่ในภาคเทคโนโลยีของจีน
- การประชุม สองสภา (Two Sessions) ซึ่งเน้นนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
- การสนทนาระหว่าง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับภาคเอกชนที่ช่วยเสริมความเชื่อมั่นตลาดทุน
เทคโนโลยีจีน: ความหวังใหม่ของการเติบโตระยะยาว จริงหรือไม่?
การเกิดขึ้นของ DeepSeek ได้ตอกย้ำถึงความสามารถด้านเทคโนโลยีพื้นฐานของจีน เพราะในเชิงกลยุทธ์ (Strategic Outlook) DeepSeek AI แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI – Artificial Intelligence) และโครงสร้างพื้นฐานข้อมูล (Infrastructure) อย่างไรก็ตาม ในเชิงรายได้ (Earnings Outlook) ยังไม่มีรายได้เชิงพาณิชย์ (Commercial Revenue) ที่ชัดเจนในระยะ 1–2 ปีข้างหน้า จึงต้องติดตามต่อในระยะถัดไปของ AI จีน แม้ภาคเทคโนโลยีนำโดย DeepSeek จะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตเชิงบวกในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ยังไม่สามารถเป็นปัจจัยผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนได้
เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวแล้วหรือยัง และควรจับตาปัจจัยใดเพิ่มเติม?
- แม้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการดำเนินอย่างต่อเนื่อง แต่สัญญาณการฟื้นตัวยังไม่ทั่วถึง
- ตลาดอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Sector): ยังคงซบเซา ราคาที่อยู่อาศัยในหลายเมืองใหญ่ลดลงต่อเนื่อง
- การบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption): ยังไม่กลับสู่ระดับก่อนวิกฤตโควิด-19 โดยยอดค้าปลีกและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
- ผลลัพธ์ของนโยบายการเงินและการคลังใหม่ (New Monetary and Fiscal Policies)
- ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์กดดันการประเมินมูลค่าของตลาดหุ้นจีน
สถานะล่าสุดของการเมืองสหรัฐฯ (U.S. Presidential Administration): อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กลับมาดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกครั้ง โดยใช้นโยบายกีดกันทางการค้า (Trade Protectionism) อย่างจริงจัง รวมถึงกำหนดมาตรการภาษีนำเข้าใหม่ที่เข้มงวดขึ้นต่อสินค้าจากจีน
การตอบโต้จากจีน (China’s Retaliation): จีนได้มีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้น เช่น การควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่สำคัญ การจำกัดการลงทุนของสถาบันการเงินสหรัฐฯ ในจีน และการออกมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบ
ผลกระทบที่ตามมา
- มูลค่าประเมิน (Valuation) ของตลาดหุ้นจีน มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันต่อเนื่องในระยะกลาง จากความกังวลเกี่ยวกับกำแพงการค้ารอบใหม่และการลดลงของความเชื่อมั่นนักลงทุน
- การไหลเข้าของเงินลงทุนต่างประเทศ (Foreign Fund Flow) มีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนสถาบันที่ต้องการหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย
กลยุทธ์การลงทุน
สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีสัดส่วนการลงทุนในจีน หรือ ยังมีสัดส่วนไม่มาก และสามารถรับความเสี่ยงได้สูง อาจพิจารณาทยอยลงทุนในกองทุนหุ้นจีนคุณภาพดี เช่น กองทุน K-CHINA
สำหรับผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากจีน ควรกระจายการลงทุนไปยังตลาดอื่น ๆ เช่น:
- กองทุน K-VIETNAM: ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต (Production Relocation)
- กองทุน K-INDIA: ได้แรงหนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและโครงสร้างประชากร
ตารางเปรียบเทียบกองทุนที่น่าสนใจ
กองทุน | กลุ่มลงทุนหลัก | จุดเด่น | ความเสี่ยงหลัก |
K-CHINA | หุ้นจีน A-share และ H-share | เน้นบริษัทจีนคุณภาพดี กระจายกลุ่มอุตสาหกรรม | ความผันผวนจากนโยบายรัฐและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ |
K-VIETNAM | หุ้นเวียดนาม | ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตระหว่างประเทศ | ความผันผวนสูงจากโครงสร้างเศรษฐกิจเปิด |
K-INDIA | หุ้นอินเดีย | เติบโตตามโครงสร้างประชากรหนุ่มสาวและเศรษฐกิจภายใน | ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและความผันผวนค่าเงิน
|
หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในภาพรวม ไม่ถือเป็นการแนะนำการลงทุนเฉพาะรายบุคคล ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน
วรสุดา ใช้เทียมวงศ์ CFP®
กองทุนแนะนำ
K-CHINA-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-CHINA-A(D)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-CHINA-SSF
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-CHINARMF
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-VIETNAM
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS
K-INDIA-A(A)
อ่านรายละเอียดกองทุน ซื้อกองทุนผ่าน K PLUS