ภายในมหานครแห่งนี้นั้นมีร้านอาหารระดับรางวัลจากมิชลินอยู่มากมาย ที่เฝ้ารอให้คุณผู้อ่านได้ออกไปลิ้มลองรสชาติ ตั้งแต่ร้านเล็กบรรยากาศสบาย ๆ ไปจนถึงการเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ในระดับ Fine Dining ที่ไม่เหมือนใคร วันนี้ The Explorer จึงขอนำคุณผู้อ่านทุกท่านมารู้จักกับ 3 ห้องอาหารระดับมิชลินสตาร์ย่านใจกลางเมือง พร้อมแนะนำสิทธิพิเศษที่คัดสรรค์มาเพื่อลูกค้าเดอะวิสดอม ให้ท่านได้อิ่มอร่อยในมื้อสุดพิเศษกันค่ะ
Blue by Alain Ducasse
Address : ยูนิต L101 ชั้น 1 โซนไอคอนลักซ์ ไอคอนสยาม, 299 ถนนเจริญนคร, แขวงคลองต้นไทร, เขตคลองสาน, กรุงเทพมหานคร 10600
Google Map | Tel :
065-7312346
Website |
Facebook |
Instagram
Open : โซน Restaurant & Private Rooms : วันพฤหัสบดี – วันจันทร์ เวลา 12.00 – 13.45 น. สำหรับมื้อกลางวันของทุกวัน และ 18.30–21.00 น. สำหรับมื้อเย็น
โซน Lounge : เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น.
Booking |
Price : 2,950++ บาท / ท่าน
อีกหนึ่งร้านอาหารหรูสัญชาติฝรั่งเศสซึ่งได้รับรางวัลหนึ่งดาวจากมิชลินในปี 2024 อย่าง บลู บาย อลัง ดูคาส นั้นตั้งอยู่ในโซนไอคอนลักซ์ ชั้น 1 ของห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม พร้อมเปิดโอกาสให้คุณได้ลิ้มรสสุนทรีย์ของเมนูฝรั่งเศสร่วมสมัย ผ่านอาหารจานหลักในช่วงกลางวันและเย็น รวมถึงอาหารว่างอย่าง Afternoon Tea ในยามบ่ายสบาย ๆ
บรรยากาศภายในร้านนั้นโอ่อ่าและเหนือระดับตามแบบฉบับของภัตตาคารชั้นนำ อีกทั้งยังชวนให้คุณได้ดื่มด่ำทรรศนียภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านกระจกใสแบบพาโนรามา ช่วยยกระดับมื้ออาหารของคุณให้น่าจดจำมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภายใน บลู บาย อลัง ดูคาส ยังแบ่งออกเป็นสองโซน ทั้งโซน Restaurant & Private Rooms สำหรับมื้ออาหารจานหลัก และโซน Lounge ที่ให้คุณได้พักผ่อน พร้อมจิบชาและรับประทานขนมหวานต่าง ๆ ได้อย่างเต็มอิ่ม
ในด้านคุณภาพอาหาร ร้านแห่งนี้นั้นจัดอยู่ในระดับพรีเมียมอย่างไม่ต้องสงสัยการันตีโดยรางวัล 1 มิชลินสตาร์ 2024 ดูแลและกำกับโดย วิลฟริด ฮอคเกต์ และ คริสตอฟ กรีโล สองเชฟฝีมือดีที่พร้อมสร้างสรรค์ทุกเมนูระดับ Fine Dining ให้คุณได้เชยชิมรสชาติใหม่ ๆ อันเต็มไปด้วยกลิ่นอายจากเมืองน้ำหอมขนานแท้
ชวนลิ้มรสเมนูใหม่ที่ได้แรงบันดาลใจจากแถบเมดิเตอร์เรเนียนอันแสนอบอุ่น เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ วิลฟริด ฮอคเกต์ ถ่ายทอดความทรงจำที่ประทับใจในวัยเด็ก สู่เมนูมื้อกลางวัน “Menu Escale” ที่นำเสนออาหาร 5 คอร์ส ในราคา 2,950 บาท++ ต่อท่าน
นักชิมจะได้ลิ้มรสวัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นยอดแสนอร่อยไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์ฮอกไกโด, แอปเปิ้ลเขียว, ผักชี, รวมกันให้รสชาติหวานนุ่ม เปรี้ยวสดชื่น และหอมกลิ่นสมุนไพรที่ลงตัว ปลากะพงแอตแลนติกบนเตาถ่าน, ซูกินีจากกำแพงเพชร และซอสซิตรัสจะได้รสชาติที่ลงตัว สดชื่น และมีความหอมจากการย่าง
สำหรับท่านที่ต้องการเพิ่มความพิเศษให้กับมื้ออาหารยังสามารถลิ้มลองเมนูระดับพรีเมียม เช่น
เนื้อซี่โครงวากิวจาก Margaret River ฟาร์มระดับตำนานของออสเตรเลีย ที่ได้รับคะแนน Marbling Score สูงถึง 8/9 นอกจากนี้ยังมีชีสหลากชนิดจากการคัดสรรพิเศษของร้านที่เป็นสไตล์ Fresh and Matured Cheeses จากฝรั่งเศส พร้อมไวน์และแชมเปญชั้นเลิศคัดสรรอย่างพิถีพิถันให้ทุกท่านได้เลือกจิบคู่อาหารมื้ออร่อยอีกด้วย
ส่วนเมนูอาหารค่ำ
“Menu Voyage” มอบประสบการณ์สุดอภิรมย์ด้วยรสชาติอันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นปูน้ำจืดแอตแลนติก, ฟักแดงคุริ, ตองก้า และสาเก, แซลมอนรมควันในขนมปังบริออชฝรั่งเศส และซอสไวน์เหลือง, สันนอกแกะย่าง, มันฝรั่ง, ลูกเกด และใบเซจ รวมกันสร้างรสชาติที่หลากหลาย เข้มข้น และกลมกล่อม เป็นประสบการณ์การรับประทานที่น่าประทับใจในทุกคำ ทั้งนี้เมนูของหวานที่จะมาเติมเต็ม ได้แก่
ซูเฟล่มะพร้าวและมาลิบูกับไอศกรีมมะพร้าวมะนาว และ สตรอว์เบอร์รีโยทสึโบชิ และ มะกอกแท็กกีอัสกา ก่อนจะปิดท้ายด้วยช็อคโกแลต และกาแฟกลิ่นหอมละมุนจากโรงงานของเราในปารีส
เชฟวิลฟริดคัดสรรวัตถุดิบประจำฤดูใบไม้ผลิที่ดีที่สุดมาปรุงแต่งเป็น “Menu Voyage” สำหรับมื้อค่ำ โดยมีให้เลือกทั้งแบบ 4 คอร์ส ราคา 3,900++ บาท, 6 คอร์ส ราคา 5,500++ บาท และ 8 คอร์ส ราคา 7,500++ บาท
นอกจากเมนูอาหารคาวที่ได้รับการรังสรรค์มาเป็นอย่างดีแล้ว มาร่วมเติมความสดชื่นไปกับการจิบน้ำชายามบ่าย ณ Blue Lounge กับ
“Menu Délicatesse” ที่รังสรรค์ขึ้นใหม่ มีทั้งอาหารว่างแบบคาวและของหวาน ในราคา 1,500++ บาทต่อท่าน ไฮไลต์ของเมนูใหม่ ได้แก่ คร็อกเมอซีเยอ แซนด์วิชแฮมชีสสไตล์ฝรั่งเศสสุดคลาสสิก เสิร์ฟพร้อมเห็ดและชีสกองเต้และปานิสเสิร์ฟพร้อมปลาทูนาครีบน้ำเงินและผักชี ของหวานแสนอร่อยที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ สโคนกับแยมแบล็คเคอร์แรนท์, รัมบาบาเสิร์ฟกับวิปครีมวานิลลา และบริยอชช็อกโกแลตจากโรงงานของอลัง ดูคาสเองในฝรั่งเศสเครื่องดื่มมีให้เลือกทั้งซิกเนเจอร์อย่างช็อกโกแลตร้อน,กาแฟกลิ่นหอมละมุนจากโรงงานของอลังดูคาส เองเช่นกัน, เครื่องดื่มผสมโซดาสดชื่นและชาออร์แกนิกหลากหลายชนิดทั้งที่นำเข้าจากต่างประเทศและในประเทศไทย
* กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเมนู และ ราคากับร้านอาหารก่อนเข้าใช้บริการ
** ภาพอาหารเป็นเพียงภาพประกอบเป็นจากร้าน Blue by Alain Ducasse และเมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทย
รับโปรโมชัน มา 4 จ่าย 3 พร้อมรับฟรี เครื่องดื่ม Welcome Drink ที่ไม่มีแอลกอฮอล์
เพียงรับประทานอาหารเมนู Lunch (Menu ESCALE – 5 Courses) หรือ Dinner (Menu VOYAGE – 4 Courses)
ระยะเวลาสิทธิพิเศษ : 1 ตุลาคม 2567 - 30 พฤศจิกายน 2567
|
Maison Dunand
Address : ซอยสาทร 10 (ซอยศึกษาวิทยา 1), แขวงสีลม, เขตบางรัก, กรุงเทพมหานคร 10500
Open : วันพฤหัสบดี – วันจันทร์ เวลา 12.00 – 15.00 น. สำหรับมื้อกลางวัน และ 18.30 – 23.00 น. สำหรับมื้อเย็น
Lunch - Weekdays start at 1950++ บาท และ Weekends and Public Holidays start at 2600++ บาท
Dinner - 5 - courses at 4,200++ บาท และ 7 - courses at 5,900++ บาท
อาร์โน ดูนัง ซอเทียร์ เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่หลงใหลในจักรวาลของการปรุงอาหารมาตั้งแต่เยาว์วัย ตลอดอาชีพของอาร์โนนั้นเขาได้ส่งต่อความรู้ให้กับเชฟชื่อดังมากมาย พร้อมเป็นนายด่านประจำร้านอาหารมาแล้วทั่วโลก และมาจนถึงร้านอาหารปัจจุบันของเขาเองอย่าง Maison Dunand (เมซง ดูนัง) ซึ่งเป็นร้านอาหารฝรั่งเศส แบบร่วมสมัย (Contemporary French cuisine) ภายในซอยสาทร 10 คำว่า Maison Dunand เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าบ้านของ Dunand ดังนั้นแขกทุกคนจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นที่ "บ้าน" ของเขา และสัมผัสประสบการณ์อาหารที่รังสรรค์โดย เชฟอาร์โน พร้อมการบริการที่เป็นกันเองจากทีมงานมืออาชีพ
ร้านอาหารแห่งนี้ห่อหุ้มด้วยบ้านสีขาวหลังใหญ่ ออกแบบและตกแต่งให้เป็นชาเลต์ หรือกระท่อมหลังน้อยบนเทือกเขาแอลป์ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านเกิดและประสบการณ์ในวัยเด็กอันน่าจดจำของเชฟอาร์โนเอง พร้อมเพิ่มความวิจิตรงดงามด้วยไม้โอ๊ค ก้อนหิน ภาพวาดรูปวัว รวมถึงพรมหนังสัตว์ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น
เมซง ดูนัง นำเสนอรสชาติที่แตกต่างระหว่างแคว้นซาวัว (Savoie) บนเทือกเขาแอลป์และแคว้นบริตทานี(Brittany) บนคาบมหาสมุทรแอตแลนติก ผสมผสานวัตถุดิบจากเทือกเขาและมหาสมุทรเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ปลาเทราต์จากทะเลสาบอัลไพน์ โบฟอร์ ชีส (Beaufort cheese) ผลิตภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงต่างๆ จากแคว้นซาวัว รวมทั้งอาหารทะเลสดๆ จากแคว้นบริตทานีก็ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดีและนำมาใช้เป็นวัตถุดิบหลักของร้าน จนออกมาเป็นเมนู Fine Dining ที่ได้รับการยอมรับจากมิชลิน การันตีคุณภาพด้วยรางวัลหนึ่งดาวในปี 2023 และ 2024 ติดต่อกัน
Bluefin Tuna
|
Atlantic Wild Cod
|
Caviar Kristal Kaviari
|
Pigeon "Joel Poirier"
|
โดยเมนูที่น่าสนใจนั้นมีตั้งแต่ Bluefin tuna การรวมกันระหว่างปลาทูน่าสีน้ำเงินกับฟัวกราส์ที่สร้างรสชาติที่เข้มข้นและหรูหรา Atlantic wild cod ปลาคอดแอตแลนติกจากธรรมชาติ ปรุงด้วยน้ำมันมะกอก ทำให้ปลานุ่มและชุ่มฉ่ำ รักษารสชาติอันบริสุทธิ์ของปลา Caviar Kristal Kaviari ไข่ปลาคาเวียร์คริสตัล มีรสชาติที่เข้มข้นและมีความหอม เป็นส่วนผสมที่นิยมในอาหารชั้นเลิศ Omble Chevalier with Spruce ใช้ปลาน้ำจืดจากแถบอัลไพน์ของฝรั่งเศสมาปรุงแต่งเข้ากับกลิ่นของสปรูซได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ หรือจะเป็น Pigeon “Joel Poirier” ซึ่งใช้วัตถุดิบโปรดของเชฟอาร์โนอย่างนกพิราบมาคลุกเคล้าเข้ากับเครื่องเทศต่าง ๆ รวมถึง Pike Perch Roe, Garden Pea, Dashi ที่นำไข่ปลาไพก์มารับประทานคู่กับถั่วลันเตาและไข่ตุ๋น ให้รสเค็มอ่อนนุ่มนวลด้วยซอสดาชิแบบญี่ปุ่น
แม้ว่าเมซง ดูนัง จะให้บริการอาหารเป็นเซ็ต หรือ Tasting Menu เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามลูกค้า สามารถสั่ง A La Carte ได้ด้วยเช่นกัน ทางร้านเปิดให้บริการอาหารเย็น และเพิ่มรอบกลางวันในวันเสาร์และอาทิตย์เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่อยากใช้เวลาพิเศษกับเพื่อนและครอบครัวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
* กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเมนู และ ราคากับร้านอาหารก่อนเข้าใช้บริการ
** ภาพอาหารเป็นเพียงภาพประกอบเป็นจากร้าน Maison Dunand และ เมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทย
รับส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร เพียงมียอดใช้จ่ายครบ 8,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ
ระยะเวลาสิทธิพิเศษ : 15 พฤษภาคม 2567 – 31 ธันวาคม 2567
|
Saneh Jaan
Address : 130-132 ถนนวิทยุ, แขวงลุมพินี, เขตปทุมวัน, กรุงเทพมหานคร 10310
Open : ทุกวัน เวลา 11.30 – 14.00 น. สำหรับมื้อกลางวัน และ 18.00 – 22.00 น. สำหรับมื้อเย็น
Booking |
Price : 1,000+ บาท / ท่าน
ภายในอาคารสินธรบนถนนวิทยุนั้นมีห้องอาหารแห่งหนึ่งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของร้านอาหารไทย ในนาม สเน่ห์จันทน์ ซึ่งนำแนวคิดอาหารไทยแบบดั้งเดิมมาประยุกต์เข้ากับวิธีการประกอบอาหารสไตล์ใหม่ ๆ จนเกิดออกมาเป็นเมนูที่ล้ำสมัยและน่าค้นหามากยิ่งขึ้น แต่ยังคงรสชาติแบบไทยแท้ได้อย่างลงตัว
เมื่อพูดว่าสเน่ห์จันทน์เป็นร้านอาหารไทยสุดหรูแล้ว อาจไม่ต้องจินตนาการมากมายเลยว่าบรรยากาศของร้านจะเป็นอย่างไร เพราะด้านในนั้นตกแต่งด้วยกลิ่นอายความเป็นไทยที่ผสมผสานกับการออกแบบร่วมสมัยในแบบตะวันตกได้อย่างลงตัว ทั้งการใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ลายฉลุ รวมถึงภาชนะต่าง ๆ ราวกับให้คุณได้ย้อนศตวรรษกลับไปสัมผัสบรรยากาศในอดีตได้อย่างเต็มเปี่ยม
ห้องอาหารแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ เพื่อให้เป็นสัดส่วนและตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งมาเป็นคู่ เป็นครอบครัว รวมถึงเป็นกลุ่ม มีห้องจันทน์ปรุง จันทน์ปรางค์ และจันทน์หอม อีกทั้งยังมีโซนบาร์สบาย ๆ อย่าง จันทน์จรุง คอยรองรับนักดื่มอีกด้วย
เครื่องว่านสำรับเอก
| หมี่กรอบกุ้งแม่น้ำ
|
แกงมัสมั่นเนื้อ
|
ในด้านของคุณภาพนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดที่ห้องอาหารแห่งนี้จึงได้รับรางวัลหนึ่งดาวจากมิชลิน เพราะเสน่ห์จันทน์นั้นคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วไทยมาประกอบจนเกิดเป็นเมนูต่าง ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของทางร้าน เริ่มต้นที่เมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง เครื่องว่างสำรับเอก เป็นอาหารทานเล่น ขนาดชิ้นพอดีคำ มีความประณีต วิจิตรบรรจง รสชาติละมุมละไม สมเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย
ไก่เบญจาคั่วใบจั๋น ไก่ผัดกับเครื่องแกงโขลกเอง เติมรสชาติกลิ่นหอมยิ่งขึ้นด้วยใบจั๋นหรือที่รู้จักกันทั่วไปว่าใบยี่หร่า เหมาะสำหรับทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ หมี่กรอบกุ้งแม่น้ำสูตรโบราณ หมี่กรอบสูตรโบราณ เสน่ห์จันทน์ยังคงความปราณีตในการปรุงตามตำหรับโบราณ โดยใช้ส้มซ่าสมุนไพรกลิ่นหอม รสเปรี้ยวปนหวาน ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการปรุงหมี่กรอบสูตรโบราณ
แกงมัสมั่นเนื้อน่องแก้วกำแพงแสน คัดสรรวัถุดิบชั้นดีมีคุณภาพ เครื่องแกงทำสดใหม่ทุกวัน มีรสหวานนำ รสเค็มและเปรี้ยวกลมกล่อม ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ
ไข่พะโล้หมูต้มเต้าเจี้ยว รสชาติเข้มข้น ไข่เป็ดไล่ทุ่ง เคี่ยวกับกระเทียมพริกไทย รากผักชี แบบโบราณ เปรี้ยวอมหวาน ผสานกับกุ้งแห้งและหอมแดงทอดอย่างลงตัว
แกงรัญจวน
|
ต้มข่าไก่
|
หมี่กรอบกุ้งแม่น้ำ
|
นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูเก่าแก่จากสมัยรัชกาลที่ 5 อย่าง
แกงรัญจวน เครื่องแกงโขลกด้วยกุ้งจนเกิดเป็นพริกแกงเผ็ดร้อน หรือจะเป็นเมนูสุดคลาสสิกอย่าง
ต้มข่าไก่สูตรโบราณหาได้ยากในปัจจุบัน รสชาติถูกปาก ด้วยเครื่องแกงคล้ายต้มยำที่ผสมผสานกับกะทิได้อย่างกลมกล่อม ไปจนถึง ยำส้มโอ ไม่มีรูป ที่เลือกใช้ส้มโอจากนครชัยศรีโดยเฉพาะ คลุกเคล้าเข้ากับน้ำยำสูตรพิเศษ ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน ผสานกับกุ้งแห้งและหอมแดงทอดอย่างลงตัว
ความพิเศษอีกอย่างของร้าน คือ ในแต่ละฤดูกาลจะมีการนำเสนอเมนูพิเศษรูปแบบต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ เซ็ต Timeless Set Dinner A ที่นำเสนอการปรุงอาหารผ่านแนวคิด Green Cooking และแหล่งวัตถุดิบที่สอดคล้องกับความยั่งยืน รังสรรค์จนออกมาเป็นเซ็ต Fine Dining สุดหรู หรือเซ็ต Treasure of Siam ซึ่งเลือกวัตถุดิบระดับพรีเมียมจากท้องถิ่นโดยเฉพาะ นำมายกระดับสู่ความหรูหราและน่าค้นหาแบบร่วมสมัย
* กรุณาตรวจสอบรายละเอียดเมนู และ ราคากับร้านอาหารก่อนเข้าใช้บริการ
** ภาพอาหารเป็นเพียงภาพประกอบเป็นจากร้านเสน่ห์จันทน์ และ เมนูอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเดอะวิสดอมกสิกรไทย
รับส่วนลด 10% สำหรับเมนูประเภท À La Carte (เฉพาะเมนูอาหารเท่านั้น)
ระยะเวลาสิทธิพิเศษ : 1 มิถุนายน 2567 - 30 พฤศจิกายน 2567
|
นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารชั้นเลิศอื่น ๆ ที่รอให้คุณได้มาสัมผัสประสบการณ์มื้อพิเศษที่รังสรรค์โดยเชฟชั้นนำ และสิทธิพิเศษโปรโมชั่นบัตรเครดิตร้านอาหารเมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเดอะวิสดอมกสิกรไทย ที่ร้าน Fine Dining และ Casual Fine Dining อาทิ- ร้าน Fine Cuisine ส่วนลด 15% สเปเชี่ยลเมนูคลาสสิคออเซสตร้าคาร์เวียร์ จากฝรั่งเศสไซส์ 30 กรัม สำหรับ 2 - 4 ท่าน
- ร้าน Gianni ส่วนลด 15% สำหรับค่าอาหาร (เมื่อสั่งซื้อไวน์จากเมนูไวน์ของร้านค้า)
- ร้าน 4 Garcons ส่วนลดค่าอาหาร 10%
- ร้าน Brasserie 9 ส่วนลด 10% สำหรับค่าอาหาร
อ่านรายละเอียดโปรโมชั่นทั้งหมดได้ที่
|
อาหารชั้นยอด บริการชั้นเยี่ยม อีกทั้งยังมีสิทธิพิเศษจาก THE WISDOM พร้อมให้คุณผู้อ่านได้ใช้แบบนี้ เตรียมท้องกันให้ว่าง แล้วออกไปลิ้มรสอาหารสุดพรีเมียมเหล่านี้กันนะคะ
บทความอื่น ๆ ประจำเดือน