สินเชื่อ/ธุรกิจ
เตรียมความพร้อมของข้อมูลในการขอสินเชื่อเชิงพาณิชย์
หลายๆคนมักจะคิดว่าการขอสินเชื่อเชิงพาณิชย์เป็นเรื่องที่ทำกันได้ยาก มีขั้นตอนเยอะยุ่งยาก เอกสารที่ต้องใช้ก็มีมากมาย สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะธนาคารให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับข้อมูลที่ใช้ประกอบในการพิจารณาเครดิต ทั้งข้อมูลเชิงปริมาณและคุณภาพ ซึ่งในการพิจารณาเครดิตต้องได้รับข้อมูลจากผู้ขอเครดิตที่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางการเงิน ต้องมีการยืนยันความถูกต้อง ครบถ้วนและสะท้อนสถานะปัจจุบัน นอกจากนี้ต้องใช้ข้อมูลเชิงคุณภาพไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารงาน การตลาด รวมถึงสถานะปัจจุบัน รวมถึงภาระเครดิตและภาระผูกพันทั้งที่มีต่อธนาคารที่ยื่นขอสินเชื่อและสถาบันการเงินอื่นๆ โดยทั่วไปลักษณะข้อมูลพื้นฐานสำหรับพิจารณาเครดิตของแต่ละกลุ่มลูกค้าไม่แตกต่างกัน แต่ประเภทของเอกสารอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของผู้ขอเครดิต ซึ่งส่วนใหญ่ข้อมูลพื้นฐานที่ต้องใช้สำหรับการขอเครดิตมีดังนี้
- วัตถุประสงค์การขอเครดิตที่ชัดเจน
- ข้อมูลประวัติการใช้เครดิต และภาระเครดิต ที่มีกับธนาคารที่ยื่นขอสินเชื่อและสถาบันการเงินอื่น
- ข้อมูลด้านการดำเนินงานทางธุรกิจ เช่น การบริหารงาน การจัดการ การแข่งขัน การตลาด รวมถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจในอนาคต
- ข้อมูลของผู้บริหารกิจการ ในด้านความสามารถ ประสบการณ์และชื่อเสียง ฯลฯ
- ข้อมูลหลักประกันและผู้ค้ำประกัน
กรณีผู้ขอเครดิตเป็นนิติบุคคล มีข้อมูลที่ต้องเตรียมเพิ่มเติม
- ผลการดำเนินงานของกิจการ เป็นข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลงบการเงิน โดยสะท้อนในมุมมองต่างๆไม่ว่าจะเป็นสภาพคล่อง ความสามารถในการทำกำไร การเติบโตของกิจการ ฯลฯ
- งบการเงินที่ได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตติดต่อกัน 3 ปีล่าสุดของผู้ขอเครดิต ที่ประกอบด้วย งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด ฯลฯ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการวัดความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอเครดิต ธนาคารจึงต้องการข้อมูลที่เป็นปัจจุบันเสมอ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์เครดิต
- ข้อมูลภาพรวมอุตสาหกรรม
กรณีผู้ขอเครดิตเป็นบุคคลธรรมดา มีข้อมูลที่ต้องเตรียมเพิ่มเติม
- ข้อมูลทางการเงินที่แสดงสถานะ การเงินปัจจุบันของผู้ขอเครดิต
- ข้อมูลทางการเงินที่มีรายละเอียดที่เพียงพอเกี่ยวกับสินทรัพย์และหนี้สินของผู้ขอเครดิต ไม่แสดงเพียงผลต่างระหว่างมูลค่าสินทรัพย์และหนี้สินกับส่วนผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่เป็นข้อมูลทางการเงินที่ธนาคารยอมรับ
- ข้อมูลภาระเครดิตในส่วนของสินเชื่อผู้บริโภคทั้งหมดที่ผู้ขอเครดิตและผู้ที่เกี่ยวข้องมีกับธนาคาร
ข้อมูลภาระผูกพันและหนี้สินทั้งหมดของผู้ขอเครดิตต้องได้รับการยืนยันจากผู้ขอเครดิตเป็นลายลักษณ์อักษร
ในทางปฏิบัติของผู้ประกอบการ SME ส่วนมากจะดำเนินธุรกิจทั้งในนามนิติบุคคลและในนามบุคคลธรรมดา ฉะนั้นในมุมธนาคารการที่จะได้ข้อมูลในภาพรวมของการทำธุรกิจทั้งหมดจึงต้องมีข้อมูลทั้งของนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาเอามารวมกันเป็นภาพรวม บางกรณีผู้ขอเครดิตไม่ได้มีการแยกกระเป๋าในการใช้เงิน คือใช้เงินทั้งส่วนตัวและธุรกิจปนกันไปเลย ซึ่งลักษณะเช่นนี้จะทำให้ธนาคารไม่สามารถวิเคราะห์ภาพธุรกิจที่ชัดเจนได้
ข้อเสนอแนะในการขอเครดิตกับธนาคารโดยใช้งบการเงินที่ไม่ได้แยกงบการเงินส่วนบุคคลและงบการเงินของกิจการ ผู้ขอเครดิตต้องแสดงข้อมูลทางการเงินที่เปิดเผยสถานะทางทรัพย์สินและหนี้สินในปัจจุบัน โดยมีเอกสารประกอบอื่นๆที่จำเป็น เช่น สำเนาโฉนดที่ระบุชื่อผู้ถือครองเป็นผู้ขอเครดิต Statement ที่เดินบัญชีทางธุรกิจทั้งในนามบุคคลและนิติบุคคลย้อนหลัง 6-12 เดือนจากทุกธนาคาร เอกสารทางการค้าต่างๆ เช่น บิลซื้อบิลขาย ใบเสร็จรับเงิน Invoice สัญญาซื้อขายสินค้า เป็นต้น ทั้งนี้ในบางกรณีอาจต้องมีข้อมูลงบกระแสเงินสดในอดีตและงบกระแสเงินสดที่ประมาณการในอนาคตของผู้ขอเครดิตมาประกอบเพิ่มเติมด้วย ซึ่งเอกสารต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมีได้เลย หากผู้ขอสินเชื่อไม่ได้เตรียมความพร้อมมาเกิน 6-12 เดือน และไม่มีการปรับพฤติกรรมทางการเงินจากการรับจ่ายเงินสด เป็นการเน้นรับจ่ายผ่านบัญชีธนาคารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
จะเห็นได้ว่าข้อมูลสำหรับประกอบการขอสินเชื่อเชิงพาณิชย์นั้นมีความสำคัญมากในการพิจารณาตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อของธนาคาร ผู้ขอเครดิตจะต้องให้ความสำคัญและเปิดเผยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน อย่างตรงไปตรงมา เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดประกอบการการตัดสินใจ
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- แต่งตัวธุรกิจยังไงให้กู้ผ่านฉลุย
- รวยด้วยเงินกู้
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง:
- สินเชื่อโครงการพิเศษ
- สินเชื่อธุรกิจเฉพาะ