สินเชื่อ/ธุรกิจ
ดับร้อนเบาๆ ด้วยบ้านเราเอง
วิกฤติ COVID-19 เศรษฐกิจหยุดชะงักทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เห็นแล้วเศร้าจริงๆ มนุษย์เงินเดือนก็กระทบไม่ต่างกัน ปรับโหมดมาเป็น Work From Home เต็มรูปแบบ เห็นใครๆติด hashtag #WFH เหมือนจะดีเหมือนจะชิลกันใช่ไหม ไม่ต้องออกไปทำงาน ไม่ต้องมีค่าเดินทาง แต่หลายๆคนก็ต้องรัดเข็มขัดประหยัดสุดขีด ไม่รู้ว่าจะมีอะไรพีคๆมาอีกหรือเปล่า
อย่างที่ผ่านมาก็มีหลายคนมาปรึกษา K-Expert เรื่องบริษัทที่ทำงานอยู่จ่ายรายได้ครึ่งหนึ่งทำให้รายได้ลดลง เดิมก็มีรายได้อยู่ช่องทางเดียวอยู่แล้ว บางคนโชคยังดีมีสกิลอื่นอยู่บ้าง เช่น การทำอาหาร ก็ผันตัวจากมนุษย์เงินเดือนเป็นพ่อครัวจำเป็นแบบด่วนๆ ทำอาหารขายเพื่อความอยู่รอด แต่เงินที่ได้ก็ยังไม่พอใช้ K-Expert จึงเริ่มต้นโดยให้คนที่มาปรึกษาลองสำรวจตัวเอง ว่ามีอะไรที่เป็นของมีค่ามีราคา เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง ซึ่งคำแรกที่หลายๆ คนพูดออกมา คือ ผม/ฉัน “มีบ้าน” ซึ่งพอสอบถามข้อมูลลึกๆ ไปอีก พบว่าบ้านนี่แหละ ที่จะเป็นตัวช่วยให้หลายๆ คนรอดพ้นจากวิกฤตินี้ไปได้
วันนี้ K-Expert เลยอยากมาแชร์ให้ฟัง กับ 3 ตัวช่วย ที่ K-Expert ได้แนะนำให้กับหลายๆ คนที่ได้ให้คำปรึกษาไป ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดี ให้หลายคนตอนนี้ดับร้อนในวิกฤตนี้ได้
1. “บ้านปลอดหนี้ มีดีช่วยเราดับร้อนได้”
ถ้ามีบ้านหรือที่ดินเปล่า ที่ปลอดหนี้อยู่ (ไม่ว่าจะเป็นของตนเองก็ดี หรือของญาติสนิท) แล้วถ้าอยากได้เงินหลักล้าน เน้นทยอยผ่อนชำระคืนระยะยาว หรือถ้าอนาคตมีเงินมาโปะ ดอกเบี้ยก็คิดแบบลดต้นลดดอก เหมือนตอนเราผ่อนบ้านกับธนาคาร ต้องนี่เลย “
สินเชื่อบ้านช่วยได้” นั่นคือการใช้หลักทรัพย์ที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันนั่นเอง แต่ต้องเป็นทรัพย์สินที่ปลอดภาระแล้ว ข้อดีคือดอกเบี้ยถูกกว่าสินเชื่อบุคคลประเภทอื่นนั่นเอง
2. “บ้านที่ยังผ่อนกับธนาคารกสิกรไทยอยู่ ก็กู้มาเติมช่วยเราดับร้อนได้”
สำหรับใครที่ซื้อบ้านมาแล้วยังผ่อนกับธนาคารกสิกรไทยไม่หมด ไม่ต้องกังวลไป เรามี “
สินเชื่อบ้านเติมสุข” ที่สามารถรับเงินหลักแสนไป เพียงแค่นำบ้านหลังเดิมที่ผ่อนอยู่นี่แหล่ะมาใช้เป็นหลักประกัน เพื่อขอวงเงินสินเชื่อเพิ่มได้ ตัวอย่าง กู้บ้านราคา 3 ล้าน ผ่อนมาแล้ว เหลือ 2.5 ล้าน เราสามารถใช้บ้านหลังเดิมเป็นหลักประกันและขอกู้ ในส่วนที่เราผ่อนไปแล้ว 5 แสน ได้ด้วย แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคารที่กำหนดไว้
อ่านมาถึงตรงนี้ ใครที่ยังผ่อนกับธนาคารอื่นอย่าเพิ่งน้อยใจไป เรามีตัวช่วยสำหรับลูกค้าใหม่เช่นกัน ที่เรียกว่า “
การรีไฟแนนซ์ (Refinance)”
3. “บ้านที่ยังผ่อนที่อื่นอยู่ มากู้รีไฟแนนซ์ช่วยเราดับร้อนได้”
การรีไฟแนนซ์ - Refinance คำนี้น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี สำหรับใครที่ผ่อนบ้านแต่ใช้สินเชื่อของธนาคารอื่น ซึ่งสามารถย้ายธนาคารมาได้
ข้อดี
(1) ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายสินเชื่อบ้านจากธนาคารเดิมได้ พูดง่ายๆ คือ ผ่อนหมดเร็วขึ้น ดอกเบี้ยต่อเดือนลดลง
(2) ทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง ทำให้เหลือเงินส่วนต่างต่อเดือนมาใช้จ่ายในสภาวะวิกฤตแบบนี้ได้
(3) นำวงเงินกู้ส่วนต่างจากที่เดิม ประมาณหลักแสนหลักล้านไปใช้ในช่วงวิกฤติแบบนี้ก็ได้ แต่อย่าลืมดูความคุ้มค่าโดยเปรียบเทียบจาก ดอกเบี้ยที่ลดลง กับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ กันด้วย
การจะรีไฟแนนซ์มานั้น ควรผ่อนกับธนาคารเดิมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3-5 ปี จะได้ไม่เสียค่าปรับจากการรีไฟแนนซ์ก่อนกำหนด ซึ่งสามารถตรวจสอบเงื่อนไขที่ว่าได้จากสัญญาเงินกู้ที่เดิมนั่นเอง ซึ่งวงเงินกู้ที่เดิมอาจจะเป็นวงเงินกู้ตอนซื้อบ้าน หรือตอนเอาบ้านปลอดภาระไปเป็นหลักประกันขอกู้ก็ได้ หรือของเดิมเคยรีไฟแนนซ์มาแล้วก็จะรีไฟแนนซ์มาที่ธนาคารกสิกรไทยอีกก็ได้เลย
เพิ่มเติมอีกนิดนึงคือ สินเชื่อทั้ง 3 ประเภทนี้ ไม่ใช่แค่มนุษย์เงินเดือนเท่านั้นที่มีสิทธินี้ ข้าราชการ เจ้าของกิจการ หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบอาชีพอิสระ ก็สามารถขอสินเชื่อนี้ได้ เพียงแต่เงื่อนไขหรือหลักเกณฑ์ต่างๆ จะแตกต่างกันบ้างเท่านั้น
บ้าน นอกจากจะให้ความอบอุ่นหรือความภูมิใจกับเจ้าของบ้านแล้ว วันนี้บ้านเป็นทุกอย่างให้เราแล้วจริงๆ แม้ในตอนที่เราเดือดร้อน บ้านก็สามารถมาช่วยเราได้อีกทางด้วย
ช่วงนี้นอกจากต้องดูแลสุขภาพตัวเองและคนที่คุณรักเป็นพิเศษเพื่อให้ห่างไกลโรคแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพการเงินของเรากันด้วย บริหารจัดการหนี้ของเราให้ดี รวมทั้งอย่าลืมเก็บเงินสำรองฉุกเฉิน 6 เท่าของค่าใช้จ่ายต่อเดือน และถ้าให้ดี ก็ไม่อยากให้ผ่อนหนี้เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน แต่จริงๆ ถ้าไม่จำเป็น ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ก็อยากให้ระวังการใช้จ่ายกันมากๆ และไม่มีหนี้เพิ่มเป็นดีที่สุด ทุกปัญหามีทางออกเสมอ เพียงแค่เราสำรวจตนเอง และฝึกการบริหารจัดการ เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน K-Expert ขออยู่เคียงข้าง และเป็นกำลังใจให้เสมอ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง :
สินเชื่อบ้านช่วยได้
| สินเชื่อบ้านเติมสุข
|
สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์
| |