23 พ.ย. 63

อยู่ไทยไม่ไหวแล้ว ไป(กองทุน)ต่างประเทศดีกว่า

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​​​​​​​​​อยู่ไทยไม่ไหวแล้ว ไป(กองทุน)ต่างประเทศดีกว่า


          สถานการณ์การลงทุนในประเทศไทย ปัจจุบันยังมีอาการน่าเป็นห่วงอยู่ โดยหลังโควิด-19 ตลาดหุ้นไทยยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่มีวี่แววที่จะฟื้นตัว ขณะเดียวกันผลตอบแทนจากตราสารหนี้ไทยก็แสนจะต่ำ ถ้าเป็นแบบนี้การลงทุนในประเทศไทยอย่างเดียว อาจรอนานกว่าจะได้ผลตอบแทนดีๆ การแบ่งเงินไปลงทุนในต่างประเทศบ้าง จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีขึ้น และกระจายความเสี่ยงไปในตัวอีกด้วย มาถึงตรงนี้อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะ ว่าการลงทุนในต่างประเทศเป็นอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ


ลงทุนต่างประเทศอนาคตสดใสกว่า

สำหรับเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้การลงทุนในต่างประเทศน่าสนใจ เพราะมีอุตสาหกรรมที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 แถมยังได้รับผลดีและมีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
          - อุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ได้รับประโยชน์จากช่วงโควิด 19 เช่น บริษัทที่ผลิตวัคซีนป้องกันหรืออุปกรณ์ตรวจโรคโควิด 19 ซึ่งในอนาคตยังมีโอกาสเติบโตจากสังคมสูงวัยที่ต้องมีการรักษาและใช้บริการทางการแพทย์เพิ่มขึ้น
          - อีคอมเมิร์ซ มีบทบาทมากในช่วงโควิด 19 ที่ผู้คนหันมาใช้บริการอย่างมากในช่วงที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม (Social distancing) มาจนถึงตอนนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่
          - กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันการมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมา มักจะได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น เทคโนโลยีสื่อสารที่มีความรวดเร็ว เทคโนโลยีรักษาสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญ เป็นต้น 
โดยประเทศที่มีอุตสาหกรรมเหล่านี้อยู่ค่อนข้างมาก จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างเช่น ประเทศในยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน เป็นต้น ทำให้การลงทุนในประเทศที่มีอุตสาหกรรมเหล่านี้ มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต 

ลงทุนต่างประเทศด้วยตัวเองยากแค่ไหน

          การลงทุนในต่างประเทศสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ และค่อยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่า แล้วยากแค่ไหนล่ะถ้าจะลงทุนในต่างประเทศด้วยตัวเอง ลองมาดูค่ะ 
          - ข้อมูลต้องดูและวิเคราะห์เอง ซึ่งอาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล รวมถึงภาษาและคำศัพท์เทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุน ที่บางครั้งก็เข้าใจยาก
          - จับจังหวะการลงทุนเอง ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ เรื่องของเวลา หากเป็นการลงทุนในหุ้น ตลาดหุ้นต่างประเทศแต่ละแห่งจะมีเวลาเปิด-ปิดทำการไม่ตรงกับบ้านเรา เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐเปิด 2 ทุ่ม ปิดตอนตี 4 เป็นต้น แบบนี้นักลงทุนไทยก็ต้องเฝ้าตลาดหุ้นทั้งกลางวันและกลางคืนเลยทีเดียว 
          - ความต่างของกฏเกณฑ์แต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าธรรมเนียม การปันผล ภาษี เป็นต้น นักลงทุนจึงต้องเข้าใจและศึกษาข้อกำหนดอย่างแม่นยำ เพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ 
          - ความผันผวนของค่าเงิน เนื่องจากเป็นการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งอาจมีการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ ถ้าประเทศนั้น มีแนวโน้มที่เงินจะอ่อนค่า เราจึงต้องระมัดระวังและคอยติดตามสถานการณ์ในเรื่องของค่าเงินด้วย   

ตัวช่วยในการลงทุนต่างประเทศ

          ถ้าใครคล่องตัวจะลงทุนเองก็ได้นะ แต่ถ้ามีข้อจำกัดแล้วยังอยากลงทุนในต่างประเทศอยู่ ก็ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะในปัจจุบันมีตัวช่วยทางเลือกการลงทุนอย่าง “กองทุนรวมต่างประเทศ”  ที่มีทั้งกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นประเทศใดประเทศหนึ่ง เช่น ประเทศจีน หรือสหรัฐอเมริกาอย่างเดียว เป็นต้น และอีกแบบหนึ่งจะเป็นกองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายกระจายการลงทุนทั่วโลก ซึ่งกองทุนประเภทนี้จะกระจายความเสี่ยงและลดความผันผวนจากการลงทุนได้ดีกว่ากองทุนประเภทแรก 

          อย่างเช่น กองทุน K-GINCOME-A(R)​ ที่มีการกระจายการลงทุนไปทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา ประเทศในยุโรป และประเทศอื่นๆ อีกกว่า 80 ประเทศ โดยมีการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายกว่า 2,500 หลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูง(high yield bond) พันธบัตรรัฐบาล กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ 

          นอกจากนี้ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคอยดูแลและบริหารเงินลงทุนให้เรา รวมถึงส่วนใหญ่จะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับกองทุนรวมต่างประเทศด้วย

          การลงทุนในต่างประเทศถึงจะน่าสนใจและมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในประเทศไทย แต่การลงทุนไม่ว่ารูปแบบไหนก็ย่อมมีความเสี่ยงอยู่ดี จะลงทุนเองหรือผ่านกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลให้ก็ตาม เราจึงควรใส่ใจและหมั่นค่อยติดตามสถานการณ์ เพื่อปรับเปลี่ยนการลงทุนอยู่เสมอค่ะ



ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง :
• K-GINCOME-A(R) 



ให้คะแนนบทความ

มีนา ตุลยนิติกุล

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย