ออมและลงทุน
3 เป้าหมายในปี 2563 ที่ช่วยวางรากฐานที่ดีในชีวิต
ในช่วงเดือนมกราคม น่าจะยังคงไม่พ้นช่วงที่จะพูดถึงปีใหม่ ทั้งปีใหม่สากล (1 มกราคม) ที่ผ่านมา จนมาถึงปีใหม่จีน (ตรุษจีน) เมื่อพูดถึง ปีใหม่ หมายถึง โอกาสใหม่ ๆ ที่เปิดกว้างสำหรับเรา หมายถึง ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เราทำให้เกิดขึ้น อย่างหนึ่งที่เราทำได้เลย คือ การเริ่มต้นใหม่ เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ด้วยการทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เอาความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อปรับปรุงให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ขึ้น ขึ้นปีใหม่ด้วยการเป็นคนใหม่ ไม่ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เราอาจจะเคยผิดหวัง หรือทำอะไรผิดพลาด ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ก็เคยประสบมาแล้ว เราไม่ควรจะเอาตัวเราไปผูกติดอยู่กับเรื่องที่เราเคยผิดพลาด หรือยึดติดกับเป้าหมายที่เราทำไม่สำเร็จ
บทความนี้ จึงมีจุดประสงค์อยากกระตุ้นเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงการเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยการเป็นคนใหม่ และตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต ซึ่งหากเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตก็จะมาเร็วขึ้นเท่านั้น
อย่ามัวแต่ย้อนไปมองอดีต และจมอยู่กับความผิดพลาด และความผิดหวังในปีที่ผ่านมา
แต่ควรเริ่มต้นใหม่ กับเป้าหมายใหม่ และการเป็นคนใหม่ในปี 2563 ซึ่งจะช่วยในการวางรากฐานที่ดีให้กับชีวิต และทำให้คุณมีชีวิตที่ปังในอนาคต
เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่ เราควรรู้จักแก้ไขในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือเป้าหมายที่ไม่สำเร็จ โดยการเริ่มต้นเป็นคนใหม่ กับการตั้งเป้าหมายใหม่ ที่สามารถทำให้สำเร็จได้ โดยเป้าหมายใหม่ ๆ ที่อยากให้ทุกคนตั้งปณิธานว่าจะทำให้ได้ในปีใหม่ 2563 คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพิงกับปัจจัยภายนอก เป้าหมายใหม่ ที่อยากให้ทุกท่านได้ลองตั้งใจทำเพื่อวางรากฐานที่ดีให้กับขีวิตของเรา ขอแนะนำอย่างคร่าว ๆ คือ
1. เป้าหมายในการพัฒนาตนเองผ่านการเรียนรู้
ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งมีความจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาตัวเองให้มีความรู้ เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรองรับโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ซึ่งการเรียนรู้ก็สามารถจะทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยการซื้อหนังสือดีๆ มาอ่าน การค้นคว้าหาความรู้จาก YouTube หรือการเข้าอบรมสัมมนา (ดูอบรมสัมมนาการเงินกับ K-Expert >> คลิก) เพื่อเรียนรู้จากวิทยากรและเนื้อหาการอบรมสัมมนา หรือการหาโอกาสพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จ หรือการเรียนรู้จากผู้คนที่อยู่รอบตัว และนำมาปรับใช้หรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตนเอง
ทั้งนี้ หากเราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แนะนำให้ลองแบ่งเงินสัก 5% - 10% ของรายได้ในแต่ละเดือน เพื่อใช้กับการพัฒนาตนเอง หรือการเข้าอบรมสัมมนา พร้อมกับตั้งเป้าหมายในการทำให้สำเร็จ โดยอาจจะกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองอย่างง่ายคือ ต้องอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มต่อเดือน หรือตั้งเป้าหมายในการหาหัวข้อสัมมนาที่ตนเองสนใจ และเข้ารับการอบรมสัมมนาอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง
2. เป้าหมายในการจัดการกับเวลา
เป็นการตั้งเป้าหมายให้เวลากับตัวเองและครอบครัว ควรจะมีการจัดสรรเวลาที่ทำให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเวลาให้กับการพักผ่อนท่องเที่ยวกับครอบครัว ใช้เวลาคลุกคลีกับลูก ๆ ในวันหยุด ให้เวลาในการดูแลคุณพ่อคุณแม่ การให้เวลาในการพูดคุย หรือพาท่านออกไปเดินเล่นบ้าง จะช่วยให้ท่านมีความสุขกาย สบายใจ และอารมณ์ดี สิ่งเหล่านี้จะทำให้ครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข ไม่เกิดความแตกแยกในครอบครัว หรือการแบ่งเวลาให้ตัวเองได้ปลีกวิเวกอยู่คนเดียวในบางขณะ ทำใจให้สงบ ลดความเครียด เพื่อเรียกหรือฟื้นคืนสติ ความคิด และอารมณ์ของตัวเอง ซึ่งพอไม่มีความเครียด จะทำให้เราทำงานและดำเนินชีวิตได้ดีขึ้น
3. เป้าหมายในการดูแลสุขภาพ
ร่างกายจัดเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด ที่คนเรามักจะไม่ค่อยดูแลในทุกขณะของการใช้ชีวิต ต้องนึกถึงสุขภาพตัวเองและบุคคลที่เรารัก เริ่มตั้งแต่การดูแลเรื่องอาหาร โดยการจัดหาอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับวัย และเลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสม โดยอาจจะกำหนดออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20-60 นาที และให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า และช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น
และสิ่งสำคัญ คือ ควรมีการวางแผนการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยหมั่นดูแลและสังเกตุสุขภาพของตนเอง และบุคคลในครอบครัวอยู่เสมอ หากพบความผิดปกติหรือมีอาการของการเจ็บป่วยเกิดขึ้น จะได้รีบพบแพทย์ เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เราถนอมรักษาสุขภาพที่ดีของตัวเองและบุคคลที่รักให้อยู่กับเราไปได้นาน ซึ่งการที่มีสุขภาพที่ดี ก็จะช่วยลดหรือประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพได้อีกด้วย แต่ถึงแม้จะมีการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาล หากตัวเองหรือบุคคลในครอบครัวเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา แนะนำให้มี
การซื้อประกันสุขภาพไว้บ้าง ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้