27 ม.ค. 63

3 เป้าหมายในปี 2563 ที่ช่วยวางรากฐานที่ดีในชีวิต

คะแนนเฉลี่ย

ออมและลงทุน

​​3 เป้าหมายในปี 2563 ที่ช่วยวางรากฐานที่ดีในชีวิต


​          ในช่วงเดือนมกราคม  น่าจะยังคงไม่พ้นช่วงที่จะพูดถึงปีใหม่ ทั้งปีใหม่สากล (1 มกราคม) ที่ผ่านมา จนมาถึงปีใหม่จีน (ตรุษจีน) เมื่อพูดถึง ปีใหม่  หมายถึง โอกาสใหม่ ๆ ที่เปิดกว้างสำหรับเรา  หมายถึง ความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ที่เราทำให้เกิดขึ้น  อย่างหนึ่งที่เราทำได้เลย คือ การเริ่มต้นใหม่   เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ด้วยการทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม  เอาความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียน เพื่อปรับปรุงให้เกิดโอกาสใหม่ ๆ ขึ้น  ขึ้นปีใหม่ด้วยการเป็นคนใหม่  ไม่ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา  เราอาจจะเคยผิดหวัง หรือทำอะไรผิดพลาด ไม่ถูกต้อง  ซึ่งเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ก็เคยประสบมาแล้ว  เราไม่ควรจะเอาตัวเราไปผูกติดอยู่กับเรื่องที่เราเคยผิดพลาด หรือยึดติดกับเป้าหมายที่เราทำไม่สำเร็จ 


          บทความนี้  จึงมีจุดประสงค์อยากกระตุ้นเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงการเริ่มต้นปีใหม่ ด้วยการเป็นคนใหม่ และตั้งเป้าหมายให้กับชีวิต  ซึ่งหากเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่  โอกาสที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตก็จะมาเร็วขึ้นเท่านั้น  


          อย่ามัวแต่ย้อนไปมองอดีต และจมอยู่กับความผิดพลาด และความผิดหวังในปีที่ผ่านมา  

​          แต่ควรเริ่มต้นใหม่ กับเป้าหมายใหม่ และการเป็นคนใหม่ในปี 2563  ซึ่งจะช่วยในการวางรากฐานที่ดีให้กับชีวิต  และทำให้คุณมีชีวิตที่ปังในอนาคต

          เมื่อเข้าสู่ช่วงปีใหม่  เราควรรู้จักแก้ไขในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หรือเป้าหมายที่ไม่สำเร็จ  โดยการเริ่มต้นเป็นคนใหม่  กับการตั้งเป้าหมายใหม่ ที่สามารถทำให้สำเร็จได้  โดยเป้าหมายใหม่ ๆ ที่อยากให้ทุกคนตั้งปณิธานว่าจะทำให้ได้ในปีใหม่ 2563  คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อให้ชีวิตดีขึ้น  ซึ่งเราสามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพิงกับปัจจัยภายนอก  เป้าหมายใหม่ ที่อยากให้ทุกท่านได้ลองตั้งใจทำเพื่อวางรากฐานที่ดีให้กับขีวิตของเรา  ขอแนะนำอย่างคร่าว ๆ คือ​


     1. เป้าหมายในการพัฒนาตนเองผ่านการเรียนรู้  

               ในชีวิตของคน ๆ หนึ่งมีความจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพัฒนาตัวเองให้มีความรู้  เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่จะมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรองรับโอกาสใหม่ ๆ ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา  ซึ่งการเรียนรู้ก็สามารถจะทำได้หลายวิธี  ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง  โดยการซื้อหนังสือดีๆ มาอ่าน การค้นคว้าหาความรู้จาก YouTube  หรือการเข้าอบรมสัมมนา  (ดูอบรมสัมมนาการเงินกับ K-Expert >> คลิก) เพื่อเรียนรู้จากวิทยากรและเนื้อหาการอบรมสัมมนา  หรือการหาโอกาสพูดคุยกับผู้มีประสบการณ์หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จ  หรือการเรียนรู้จากผู้คนที่อยู่รอบตัว  และนำมาปรับใช้หรือประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับตนเอง

              ทั้งนี้ หากเราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แนะนำให้ลองแบ่งเงินสัก 5% - 10% ของรายได้ในแต่ละเดือน  เพื่อใช้กับการพัฒนาตนเอง  หรือการเข้าอบรมสัมมนา  พร้อมกับตั้งเป้าหมายในการทำให้สำเร็จ  โดยอาจจะกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองอย่างง่ายคือ ต้องอ่านหนังสือให้ได้ 1 เล่มต่อเดือน  หรือตั้งเป้าหมายในการหาหัวข้อสัมมนาที่ตนเองสนใจ และเข้ารับการอบรมสัมมนาอย่างน้อยไตรมาสละ 1 ครั้ง

     2. เป้าหมายในการจัดการกับเวลา  

              เป็นการตั้งเป้าหมายให้เวลากับตัวเองและครอบครัว  ควรจะมีการจัดสรรเวลาที่ทำให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข  ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเวลาให้กับการพักผ่อนท่องเที่ยวกับครอบครัว  ใช้เวลาคลุกคลีกับลูก ๆ ในวันหยุด  ให้เวลาในการดูแลคุณพ่อคุณแม่  การให้เวลาในการพูดคุย หรือพาท่านออกไปเดินเล่นบ้าง  จะช่วยให้ท่านมีความสุขกาย สบายใจ และอารมณ์ดี   สิ่งเหล่านี้จะทำให้ครอบครัวอบอุ่นและมีความสุข  ไม่เกิดความแตกแยกในครอบครัว หรือการแบ่งเวลาให้ตัวเองได้ปลีกวิเวกอยู่คนเดียวในบางขณะ  ทำใจให้สงบ ลดความเครียด เพื่อเรียกหรือฟื้นคืนสติ ความคิด และอารมณ์ของตัวเอง  ซึ่งพอไม่มีความเครียด จะทำให้เราทำงานและดำเนินชีวิตได้ดีขึ้น

     3. เป้าหมายในการดูแลสุขภาพ  

               ร่างกายจัดเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุด  ที่คนเรามักจะไม่ค่อยดูแลในทุกขณะของการใช้ชีวิต  ต้องนึกถึงสุขภาพตัวเองและบุคคลที่เรารัก  เริ่มตั้งแต่การดูแลเรื่องอาหาร  โดยการจัดหาอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมกับวัย  และเลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสม  โดยอาจจะกำหนดออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 20-60 นาที และให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายจะช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย  และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จะช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า  และช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น  

               และสิ่งสำคัญ คือ ควรมีการวางแผนการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง  โดยหมั่นดูแลและสังเกตุสุขภาพของตนเอง และบุคคลในครอบครัวอยู่เสมอ   หากพบความผิดปกติหรือมีอาการของการเจ็บป่วยเกิดขึ้น จะได้รีบพบแพทย์  เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที  

              สิ่งเหล่านี้ จะช่วยให้เราถนอมรักษาสุขภาพที่ดีของตัวเองและบุคคลที่รักให้อยู่กับเราไปได้นาน   ซึ่งการที่มีสุขภาพที่ดี  ก็จะช่วยลดหรือประหยัดในเรื่องค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสุขภาพได้อีกด้วย  แต่ถึงแม้จะมีการดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี  เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่สามารถป้องกันได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์  ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาล  หากตัวเองหรือบุคคลในครอบครัวเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา  แนะนำให้มีการซื้อประกันสุขภาพ​ไว้บ้าง  ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้นได้




ให้คะแนนบทความ

อิสราภรณ์ บุรณิกานนท์ CFP®

ฝ่ายพัฒนาการให้คำปรึกษาลูกค้า ธนาคารกสิกรไทย