-
K WEALTH แนะนำให้ประเมินค่าลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้รู้จำนวนเงินที่ควรลงทุนในปีนี้ และเริ่มต้นลงทุนแบบ DCA ได้ทันที ซึ่งไม่เพียงช่วยในเรื่อง Tax Planning เท่านั้น แต่ยังทำให้ได้เงินคืนเร็วขึ้น (สำหรับกองทุน ThaiESG) เพิ่มโอกาสที่เงินลงทุนจะเติบโตเร็วกว่าเริ่มลงทุนปลายปี
-
โปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษี ThaiESG/RMF จากบลจ.กสิกรไทย เพียงเลือกตั้งแผนรายเดือน DCA บน K PLUS / หรือ K-My Funds ครั้งแรกภายในสิ้นปี 68 ครั้งละ 1,000 บาทขึ้นไป อย่างน้อย 3 เดือน จะได้รับ K Point ภายใน มี.ค. 69 โดนคิดเป็นมูลค่าเทียบเท่า 0.2% ของยอดที่เงินลงทุนถึง ก.พ. 69
หมดยุคไปแล้วกับการรอลดหย่อนภาษีปลายปีแบบเดิมๆ ปัจจุบันถึงยุคที่ต้องวางแผนภาษีแต่เนิ่นๆ ไม่ต้องรอให้ถึงสิ้นปี วันนี้ K WEALTH จะมาบอก 4 ข้อดี ของการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ กัน เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนอย่างยั่งยืน
I: ลงทุนเร็ว ขายคืนได้เร็วขึ้น
กองทุนลดหย่อนภาษียอดฮิต คงไม่พ้นกองทุน ThaiESG กองทุนน้องใหม่ มีเงื่อนไขถือหน่วยลงทุนเพียง 5 ปีเต็ม นับแบบวันชนวัน ต่างจากกองทุน LTF ในอดีตที่นับแบบปีปฏิทิน ดังนั้นหากยิ่งลงทุนในกองทุน ThaiESG ได้เร็ว เงินส่วนนี้ก็จะครบเงื่อนไขการขายคืนที่เร็วขึ้นด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่าง
- เงินที่ลงทุนในวันที่ 27 ต.ค. 68 จะครบเงื่อนไข 5 ปีเต็ม ในวันจันทร์ที่ 28 ต.ค. 73 หากขายคืนในวันดังกล่าว นักลงทุนจะได้รับเงินค่าขายคืนในอีก 2 วันทำการ (T+2) [ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุน แต่ละ บลจ.] หรือตรงกับวันพุธที่ 30 ต.ค. 73 รวมระยะเวลาที่ได้เงินคืนหลังจากลงทุนไปทั้งสิ้น 5 ปี 3 วัน
- หากรอลงทุนช่วงปลายปี เช่น เริ่มลงทุนวันที่ 30 ธ.ค. 68 เงินที่ลงทุนจะครบเงื่อนไข 5 ปีเต็ม ในวันที่ 31 ธ.ค. 73 แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุด จึงต้องรอขายคืนในวันทำการถัดไปซึ่งคือวันพฤหัสบดีที่ 2 ม.ค. 74 และเมื่อขายคืนแล้ว จะได้รับเงินค่าขายคืนในอีก 2 วันทำการ (T+2) [ขึ้นอยู่กับแต่ละกองทุน แต่ละ บลจ.] แต่เนื่องจากวันที่ 4 ม.ค. 74 เป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงจะได้รับเงินวันจันทร์ที่ 6 ม.ค. 74 รวมระยะเวลาที่ได้เงินคืนหลังจากลงทุนไปทั้งสิ้น 5 ปี 7 วัน
II: เริ่มลงทุนเร็ว เงินก็เริ่มโตเร็วตาม พร้อมโอกาสเติบโตของเงินลงทุน
“ออมก่อน รวยกว่า” คำฮิตติดหูของหลายคน ซึ่งรวมถึงการลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีด้วย ที่ยิ่งลงทุนเร็วเงินก็เติบโตเร็วตาม ตัวอย่างเช่น การลงทุนด้วยเงินลงทุน 100,000 บาท
- กองทุน K-WPULTIRMF กองทุนรวมผสม ที่ลงทุนในตราสารหนี้บางส่วน โดยเน้นลงทุนในหุ้นหลากหลายทั่วโลก แบ่งเป็น 2 กรณี คือ เริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ต้นปี (วันที่ 31 ม.ค. 67) กับลงทุนปลายปี (วันที่ 30 ธ.ค. 67) การลงทุนช่วงต้นปี 67 ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (14 ต.ค. 68) เงินโตขึ้นเป็น 111,945 บาท ซึ่งโตมากกว่าการลงทุนช่วงปลายปี 67 ที่ปัจจุบันเงินมีมูลค่าเพียง 107,253 บาท
- กองทุน K-TNZ-ThaiESG กองทุนรวมหุ้น ที่ลงทุนหุ้นไทยในดัชนี SET100 เน้นบริษัทที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Target Net Zero) ที่การลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปี 67 ผ่านมาถึงปัจจุบันมูลค่ากลายเป็น 101,991 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินที่ลงทุนไปเมื่อปลายปี 67 ที่ปัจจุบันขาดทุนอยู่
III: รับโปรดีก่อนใคร ด้วยการเริ่มทยอยลงทุน
“โปรโมชันกองทุนลดหย่อนภาษี โดยทั่วไปของ บลจ.ต่าง ๆ มักนับยอด การลงทุน จนถึงสิ้นปี แต่สำหรับการ ลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีกสิกรไทย ที่เริ่มต้น ลงทุน DCA ครั้งแรกภายในปีนี้ (ธ.ค. 68) และ ลงทุนต่อเนื่องในปี 69 ตามเงื่อนไข เงินที่ลงทุนช่วง ม.ค. – ก.พ. 69 จะได้รับ K Point เดือน มี.ค. 69 เร็วกว่า โปรโมชันกองทุน ทั่วไป 12-16 เดือน”
การลงทุนกองทุน RMF หรือกองทุน ThaiESG ของ บลจ.กสิกรไทย ด้วยการเลือกกำหนดแผนรายเดือนแบบ DCA บน K PLUS / หรือ K-My Funds ครั้งแรกภายในสิ้นปี 68 ครั้งละ 1,000 บาทขึ้นไป อย่างน้อย 3 เดือน จะได้รับ K Point ที่คิดเป็นมูลค่าเทียบเท่า 0.2% ของยอดเงินลงทุน DCA ตั้งแต่ 15 มี.ค. 68 – 28 ก.พ. 69 เช่น DCA รวม 10,000 บาท จะได้รับ 200 K Point เทียบเท่ามูลค่า 20 บาท อีกทั้งกองทุนลดหย่อนภาษีที่ร่วมโปรโมชัน มีตั้งแต่กองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม ไปถึงกองทุนหุ้น ไม่จำกัดแต่เพียงกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้น ซึ่งต่างจากโปรโมชันของ บลจ.อื่น โดยทั่วไป
สำหรับคนที่อยากลดหย่อนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ แต่ยังไม่แน่ใจว่าควรลงทุนกองทุนไหนดี K WEALTH ขอแนะนำให้เลือกลงทุนใน
- กองทุนผสม ที่มีการลงทุนทั้งตราสารหนี้และหุ้น สามารถถือลงทุนระยะยาวเป็นเงินลงทุนหลักได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ตลาดบ่อยนัก เพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะยาว เช่น
-
กองทุน K-WPULTIRMF มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก ลงทุนในหุ้นประมาณ 85% และตราสารหนี้ประมาณ 15% ความเสี่ยงกองทุนระดับ 6 ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ณ 14 ต.ค. 68 ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.97%
-
กองทุน K-BL30-ThaiESG มีการกระจายลงทุนในหุ้นเพื่อความยั่งยืน 30% ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน 50% และตราสารหนี้อื่นอีก 20% ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5 ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100%ของมูลค่าที่ลงทุนต่างประเทศ (ณ 30 ก.ย. 68 ยังไม่มีการลงทุนต่างประเทศ) ณ 14 ต.ค. 68 ผลการดำเนินงานย้อนหลังนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 5.78% (กองทุนจดทะเบียนเมื่อ 4 ธ.ค. 67)
-
กองทุนตราสารหนี้ ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ หากถือได้ไม่น้อยกว่าอายุเฉลี่ยตราสารหนี้ที่ลงทุน มักจะไม่ค่อยเห็นผลตอบแทนที่ติดลบ เป็นทางเลือกพักเงินระยะสั้นถึงระยะกลางเพื่อรอสับเปลี่ยนเงินไปลงทุนในกองทุนหุ้นอีกครั้งเมื่อมองเห็นโอกาสการลงทุน เช่น
-
กองทุน K-SFRMF ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน โดยจะคงอายุเฉลี่ยตราสาร (Portfolio Duration) ของกองทุนไม่เกิน 1 ปี (ณ 30 ก.ย. 68 อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้อยู่ที่ 10.2 เดือน) ไม่มีการลงทุนต่างประเทศ ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4 ณ 14 ต.ค. 68 ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.72%
-
กองทุน K-ESGSI-ThaiESG เน้นในตราสารหนี้ภาครัฐเพื่อความยั่งยืน (ณ 30 ก.ย. 68 อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้อยู่ที่ 11 ปี 11.52 เดือน) ลงทุนต่างประเทศไม่เกิน 20% ของมูลค่ากองทุน ความเสี่ยงกองทุนระดับ 3 ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 100% ของมูลค่าที่ลงทุนต่างประเทศ ณ 14 ต.ค. 68 ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 12.88%
IV: สร้างวินัยทางการเงินพร้อมเฉลี่ยต้นทุน ด้วยการลงทุนแบบ DCA แต่เนิ่นๆ
การตั้งแผนการลงทุนอัตโนมัติ เพื่อลงทุนกองทุนลดหย่อนภาษีเป็นประจำทุกเดือน บนแอป K-My Funds เช่น ทุกวันสิ้นเดือนที่เงินเดือนออก นอกจากเป็นการสร้างวินัยการลงทุนระยะยาว ที่สามารถลดหย่อนภาษีและได้โปรโมชันกองทุนแล้ว ยังเป็นการเฉลี่ยต้นทุนการลงทุน ช่วยลดความเสี่ยงที่จะลงทุนที่ต้นทุนสูงจากการลงทุนเพียงครั้งเดียวตอนปลายปี
ตัวอย่าง การลงทุนกองทุน K-TNZ-ThaiESG ครั้งละ 10,000 บาท ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน ทุกเดือนในปี 2567 พบว่า
- การลงทุนสิ้นเดือน ม.ค. 67 จะลงทุนที่ต้นทุน 9.5564 บาทต่อหน่วย ได้รับหน่วยลงทุน 1,046.42 หน่วย
- ส่วนการลงทุนการลงทุนสิ้นเดือน ธ.ค. 67 จะลงทุนที่ต้นทุน 10.3950 บาทต่อหน่วย ได้รับหน่วยลงทุน 962.00 หน่วย
- รวมการลงทุนทั้งหมด 12 ครั้ง จะได้รับหน่วยลงทุนจำนวน 12,082.58 หน่วย มูลค่าเงินลงทุน ณ สิ้น ธ.ค. 67 อยู่ที่ 125,598.41 บาท (= 12,082.5792 หน่วย x 10.3950 บาทต่อหน่วย) สูงกว่าเงินลงทุนทั้งหมดที่ลงทุนไปหรือการลงทุนเพียงครั้งเดียวตอนเดือน ธ.ค. 67 ในอัตรา 4.67% และคิดเป็นต้นทุนเฉลี่ย 9.9317 บาทต่อหน่วย (= 120,000 บาท ÷ 12,082.5792 หน่วย)
ลงทุนลดหย่อนภาษีตั้งแต่ต้นปี กับทางเลือกดีๆ ของ บลจ.กสิกรไทย ไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนดี โปรโมชันดี รวมถึงโมเดลการลงทุนดี ที่พัฒนาร่วมกับ บลจ.ชั้นนำระดับโลกอย่าง J.P. Morgan Asset Management (JPMAM) ช่วยให้เงินที่ลงทุนไป ไม่ใช่แค่ลดหย่อนภาษีได้เหมือนการลงทุนกับ บลจ.ทั่วไป แต่ยังมีโอกาสที่เงินจะเติบโตไปได้ในระยะยาวไปกับ บลจ.ชั้นนำระดับโลก ในระหว่างที่ต้องถือหน่วยลงทุนตามเงื่อนไขกรมสรรพากรด้วย
หมายเหตุ:
- กองทุน ThaiESG และกองทุน RMF ต้องลงทุนและถือหน่วยลงทุน ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร ทั้งนี้หากลงทุนครบตามเงื่อนไขแล้วและต้องการขายคืน “ระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน” จะแตกต่างกันในแต่ละกองทุน อธิบายง่ายๆ คือ ถ้ากองทุนมีระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืน T+5 หมายถึง จะได้รับเงินค่าขายคืน 5 วันทำการถัดจากวันที่ทำรายการ เช่น ขายคืนวันจันทร์ จะได้รับเงินค่าขายคืนวันจันทร์ของสัปดาห์ถัดไป (กรณีไม่มีวันหยุดอื่น นอกจากเสาร์-อาทิตย์) รายละเอียดของระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนของกองทุนลดหย่อนภาษีที่ได้มีการระบุถึงในบทความนี้ เป็นดังนี้
- KWPULTIRMF: T+5
- K-BL30-ThaiESG, K-ESGSI-ThaiESG: T+2
- KSFRMF: T+1