Sign In

KBank Private Banking
02-8888811

Market updates

มังกรจีนกลับมาผงาดแล้วหรือยัง?

13 มิถุนายน 2568

เศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ท่ามกลางความเสี่ยงของสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อีกทั้งกำไรที่เติบโตอย่างไม่ทั่วถึง ประกอบกับระดับราคาที่เริ่มแพง ในส่วนของหุ้นจึงยังคงแนะนำกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนที่มีการบริหารเชิงรุก

เชื่อว่าหุ้นจีนคงหนีไม่พ้นหนึ่งในสินทรัพย์ที่สร้างความเสียหายแก่พอร์ตการลงทุนของนักลงทุนมากที่สุด โดยหากนับจากจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2021 จนถึงจุดต่ำสุดต้นปี 2024 ดัชนีหุ้นจีนที่จดทะเบียนในฮ่องกง (H-Shares) ปรับตัวลงเกือบ -60% จนถึงตอนนี้หุ้นจีนก็ยังคงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาจุดเดิมได้ โดยปรับขึ้นมาเพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น โดยหุ้นจีนได้ผ่านมรสุมมาหลายลูก ทั้งจากปัจจัยในประเทศที่ทางการจีนออกกฎที่เข้มงวดมากขึ้นจนบั่นทอนความเชื่อมั่นและผลดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในจีน และยังซ้ำเติมด้วยมรสุมจากภายนอกประเทศจากกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของปธน.ทรัมป์

ในปี 2025 นี้ดูเหมือนจะมีสัญญาณบวกที่ทำให้หุ้นจีนพลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง โดยในเดือนมกราคม DeepSeek สตาร์ทอัพสัญชาติจีนได้เปิดตัวโมเดล DeepSeek-R1 ซึ่งเป็น AI ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าโมเดล o1 ของ ChatGPT จาก OpenAI แต่การพัฒนาโมเดลนี้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ด้วยเงินลงทุนน้อยกว่ามาก ทำให้หุ้นจีน H-Shares ปรับตัวขึ้นกว่า 30% ในเวลาเพียง 2 เดือน

เชื่อว่าคงเป็นคำถามในใจนักลงทุนว่าหุ้นจีนมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อไหม และยังมีโอกาสในการลงทุนในหุ้นกลุ่มไหนบ้าง ซึ่งจะต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยเรื่องแรกคงหนีไม่พ้นประเด็นสงครามการค้าที่ได้กดดันหุ้นจีนอย่างหนักในช่วงต้นเดือนเมษายน หลังสหรัฐฯ ประกาศ Reciprocal Tariff แต่ราคาหุ้นก็รีบาวด์กลับมาได้ หลังมีพัฒนาการทางบวกจากการเจรจาที่กรุงเจนีวา และได้มีการลดภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันเป็นการชั่วคราว ต่อเนื่องด้วยการเจรจากันในกรุงลอนดอนที่ได้บรรลุฉันทามติร่วมกันแล้ว และจะนำไปขออนุมัติกรอบข้อตกลงจากผู้นำของทั้งสองประเทศ

ประเด็นที่สอง คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ผ่านการลดอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งระยะ 1 ปีและ 5 ปีลง 0.1% พร้อมทั้งลดอัตราสำรองเงินของธนาคาร (RRR) ลงอีก 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน อย่างไรก็ตามมาตรการดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างชัดเจน สะท้อนจากการขยายตัวของสินเชื่อที่ยังคงมาจากภาครัฐไม่ใช่ภาคเอกชน สะท้อนความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่ยังไม่กลับมา จึงคาดว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หรือเพิ่มงบอุดหนุนการบริโภคภาคครัวเรือน

ด้านภาพรวมเศรษฐกิจยังคงไม่ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด โดยเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวสู่ระดับ 4.2% ในปีนี้ แม้ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกจะออกมาดีกว่าคาด แต่แรงส่งส่วนใหญ่มาจากปัจจัยชั่วคราว เช่น การเร่งส่งออกก่อนการขึ้นภาษีและการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจไม่ยั่งยืน อีกทั้งแรงกดดันด้านเงินฝืดยังปรากฏชัด ทั้งจากเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) ที่ยังติดลบและเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) ที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศที่ยังอ่อนแอและภาวะอุปทานล้นตลาด โดยแนวโน้มนี้คาดว่าจะคงอยู่ต่อไปตลอดทั้งปี ด้านยอดค้าปลีกก็ชะลอตัวลงจากอุปสงค์ในประเทศที่ยังคงอ่อนแอ

พิจารณาต่อมายังปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นจีนพบว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตอย่างไม่ทั่วถึงในแต่ละอุตสาหกรรม โดยกลุ่มเทคโนโลยี Consumer discretionary และ Communication services เติบโตโดดเด่น ในขณะที่กลุ่มอสังหาฯ และพลังงานยังคงอ่อนแอ ทำให้หุ้นจีน H-Shares ที่มีสัดส่วนของหุ้นกลุ่มดังกล่าวสูง ปรับเพิ่มขึ้นกว่า +20% ดีกว่าหุ้นจีนที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ (A-Shares) อย่างชัดเจน โดยดัชนี CSI300 ปรับตัวลง -1% ตั้งแต่ต้นปี ด้านระดับราคา (Valuation) ของหุ้นจีน H-Shares เริ่มอยู่ในเกณฑ์แพง โดยซื้อขายที่ระดับ P/E 9.7เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ 8.1 เท่า

ด้วยเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ท่ามกลางความเสี่ยงของสงครามการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อีกทั้งกำไรที่เติบโตอย่างไม่ทั่วถึง ประกอบกับระดับราคาที่เริ่มแพง ในส่วนของหุ้นจึงยังคงแนะนำกระจายความเสี่ยงลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนที่มีการบริหารเชิงรุก ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนเลือกเฟ้นหุ้นคุณภาพดี รายได้และกำไรเติบโตสม่ำเสมอ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนั้นแนะนำโฟกัสลงทุนไปในหุ้นกลุ่ม Defensive ที่มีความผันผวนต่ำกว่าตลาดโดยรวม ผลการดำเนินงานไม่แปรผันตามภาวะเศรษฐกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเช่นนี้

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ

สรุป

หัวใจสำคัญที่สุดของการลงทุนก็คือการกระจายความเสี่ยง สำหรับเงินลงทุนส่วนใหญ่ยังคงแนะนำลงทุนในกองทุนผสมที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์ โดยเฉพาะกองทุนที่จัดสรรเงินลงทุนแบบขึ้นอยู่กับความเสี่ยง (Risk based allocation)

แนะนำหน้าที่เกี่ยวข้อง

Investment Recommendation