Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

        เข้าสู่ฤดูมรสุมเต็มตัวแบบนี้อาจทำให้หลาย ๆ ท่านประสมปัญหากับการเลือกร้านเพื่อรับประทานอาหารในช่วงเวลาพิเศษ ในวันนี้ The Explorer จึงขอมาแนะนำ 4 ร้านอาหารหรูทั่วกรุงเทพฯ ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยผ่านเมนูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพของวัตถุดิบและรสชาติ พร้อมบรรยากาศที่เหมาะกับทุกช่วงฤดูกาล เปิดประสบการณ์แห่งความสุขให้คุณได้ตลอดเวลา



ภาพจาก Facebook Sousaku - Sukhumvit 42 

มื้อที่ใช่ในสไตล์ญี่ปุ่น กับ Sousaku
Address : 47 ซอยบาร์โบส 2, สุขุมวิท 42, แขวงพระโขนง, เขตคลองเตย, กรุงเทพฯ 10110 
Google Map | Tel : 082-4242822
Open : วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 12.00 – 15.00 น. และ 17.00 – 22.00 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 12.00 – 22.00 น.
Booking : ผ่าน LINE @sousaku หรือ โทรจองกับทางร้านโดยตรง
Price : ประมาณ 500 – 1,500 บาท / ท่าน 

        สวนหย่อมในแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่สามารถเข้าได้กับทุกช่วงบรรยากาศไม่เว้นแต่สายฝนที่โปรปราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผสานกับรสชาติของสุกี้ยากี้ต้นฉบับของคันไซนั้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่ใครหลายคนใฝ่ฝันถึงอย่างแน่นอน ซึ่งที่ Sousaku ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในซอยสุขุมวิท 42 แห่งนี้พร้อมมอบความสุขที่คุณกำลังมองหานี้อยู่


ภาพจาก Facebook Sousaku - Sukhumvit 42 และ Instagram Sousaku 

        ภายในร้านนั้นให้ความรู้สึกเหมือนคุณได้ก้าวเข้าสู่บ้านสไตล์คลาสสิกของญี่ปุ่น ตั้งแต่การจัดแต่งสวนขนาดใหญ่ที่ทางร้านนำผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลโดยตรง ไปจนถึงการออกแบบตัวอาคารที่นำอดีตบ้านหลังใหญ่ภายในซอยดังกล่าวมาปรับปรุงเพิ่มความเป็นวิถี Zen ทั้งการใช้วัสดุ สี รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งต่าง ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกราวกับหลุดจากย่านในกลางเมืองเข้าสู่กลิ่นอายของบ้านญี่ปุ่นได้อย่างแน่นอน


Original Buta Lobster Shabu Set, Kansai Sukiyaki Set และ Unagi (ปลาไหลย่าง) 

        จุดเด่นของร้านนี้ คือ เมนูต่าง ๆ ซึ่งถอดแบบดั้งเดิมจากคันไซมาอย่างแท้จริง ตั้งแต่เมนูเรือธงอย่าง Kansai Sukiyaki Set เสิร์ฟคู่กับชุดเนื้อสุดนุ่ม พร้อมด้วยลายสวย ๆ ให้คุณได้สัมผัสถึงความอร่อยในอีกระดับ เช่นเดียวกับ Original Buta Lobster Shabu Set ชุดซุปชาบูหัวไชเท้าสูตรลับเฉพาะ พร้อมด้วยเนื้อหมูและกุ้งล็อบสเตอร์คุณภาพดี สด ใหม่ หวานละมุนในแบบที่คุณต้องลอง 

        ไม่ใช่เพียงสุกี้และชาบูเท่านั้นที่เป็นจุดเด่นของทางร้าน แต่เมนูไฮไลต์อื่น ๆ อย่างเซ็ตซูชิ ซาชิมิ เมนูข้าว ไปจนถึงของหวานอย่างไอศครีมและเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน


ภาพจาก Facebook HEI YIN 

ค้นพบเมนูต้นตำรับกว้างตุ้ง ที่ HEI YIN
Address : เกษรวิลเลจ ชั้น 3, ถนนเพลินจิต, แขวงลุมินี, เขตปทุมวัน, กรุงเทพฯ 10330
Google Map | Tel : 080-9645423
Open : ทุกวัน เวลา 11.00 – 15.00 น. และ 18.00 – 22.00 น.
Booking : ผ่าน LINE @heiyinbangkok หรือโทรจองกับทางร้านโดยตรง
Price : ประมาณ 1,000 – 2,000 บาท / ท่าน



        เปลี่ยนบรรยากาศที่มาภัตตาคารอาหารจีนอย่าง HEI YIN หนึ่งในร้านอาหารชั้นเลิศที่พร้อมให้บริการบนชั้น 3 ของเกษรวิลเลจ ตกแต่งด้วยบรรยากาศหรูหรา สไตล์โมเดิร์นด้วยสีเขียว แดง และ สีทอง แต่ยังคงอัตลักษณ์ และ กลิ่นอายของแดนมังกรเอาไว้ได้ได้อย่างชัดเจน พร้อมรับรองทุกท่านทั้งแบบโต๊ะเดี่ยว หรือ ห้องส่วนตัวที่สามารถรองรับแขกได้สูงสุดถึง 14 ท่านเลยทีเดียว 


ขนมจีบกุ้ง หมูคุโรบุตะย่างน้ำผึ้ง และปลิงทะเลน้ำแดง 

        สำหรับอาหารของที่นี่จะมุ่งเน้นการนำเสนออาหารในสไตล์จีนกวางตุ้งเป็นหลัก ประกอบด้วยหลากหลายเมนูที่รังสรรค์ตั้งแต่ชุดติ่มซำที่ใช้วัตถุดิบดั้งเดิม เช่น ขนมจีบกุ้งสุดคลาสสิค และ รูปแบบที่ประยุกต์ใส่ความแปลกใหม่ให้น่าสนใจมากขึ้นอย่าง เกี๊ยวเห็ดซอสทรัฟเฟิล นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่น ๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เป็ดปักกิ่ง หมูกรอบ หมูย่างน้ำผึ้ง หรือ ปลิงทะเลน้ำแดง แต่ด้วยคุณภาพของวัตถุดิบ และ การประกอบอาหารที่ถอดแบบมาจากกวางตุ้ง จึงมั่นใจได้เลยว่าคุณจะจดจำประสบการณ์นี้ได้อย่างแน่นอน


ภาพจากเว็บไซต์ Marriott Bonvoy Asia 

เบเกอรี่หอมกรุ่นจากเตา ที่ BBCO
Address : 2 ซอยสุขุมวิท 2, แขวงคลองเตย, เขตคลองเตย, กรุงเทพฯ 10110
Google Map | Tel : 02-6567700
Open : ทุกวัน เวลา 06.00 – 21.00 น.
Price : ประมาณ 200 – 500 บาท / ท่าน 

        เปลี่ยนมาผ่อนคลายกับเครื่องดิ่มแก้วโปรด หรือ เบเกอรี่เลิศรส กับร้าน BBCO หรือ Bangkok Banking Company เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเป็นอย่างยิ่ง โดยตัวร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของโรงแรม KW Marriott Hotel Bangkok ที่โอมล้อมด้วยบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ พร้อมพื้นที่รองรับทั้งแบบอินดอร์สำหรับวันฝนพรำ หรือ เอาท์ดอร์ (Al Fresco) สำหรับวันที่อากาศแจ่มใส ให้คุณได้เพลิดเพลินบรรยากาศได้ในทุกรูปแบบเลยทีเดียว


ภาพจากเว็บไซต์ Marriott Bonvoy Asia 

        เมนูต่าง ๆ นั้นประกอบไปด้วยเมนูรับประทานง่ายตามแบบฉบับของร้านเบเกอรี่ตั้งแต่เค้กแบบต่าง ๆ จนถึงขนมปังนานาชาติ รวมไปถึงอาหารไทยทั้งแบบดั้งเดิม และ แบบประยุกต์ที่ประยุกต์เพิ่มความน่าสนใจ อีกทั้งด้วยไอเดียแบบ “On the Go” ทำให้ทุกท่านสามารถรับประทานได้ที่ร้าน หรือ นำออกไปรับประทานที่อื่นได้อย่างสะดวก


Mango Coconut Jasmine Rice Pudding, Croissant Crust Pie และ Dark Chocolate Mousse with Strawberry Balsamic 

        นอกจากนั้นแต่ละเมนูเองได้รังสรรผ่านกรรมวิธี และ คุณภาพในรูปแบบของภัตตาคารที่มีมาตรฐาน ตั้งแต่กระบวนการเลือกวัตถุดิบเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยประสบการณ์ในด้านขนมกว่า 10 ปีของ “เชฟโอ เพ็ญสิริ โชติแก้ว” จึงมั่นใจได้อย่างแน่นอนว่าทุกเมนูของทางร้าน จะเต็มไปด้วยคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็น Breakfast Set สไตล์ยุโรป หรือ Lunch Set แบบไทย ตลอดจนของหวานซิกเนเจอร์หลากหลายรูปแบบ


ภาพจากเว็บไซต์ Amari Bangkok 

ลิ้มรสความอร่อยวิถีไทย ณ ชมสินธุ์ (ChomSindh)
Address : 847 ถนนเพชรบุรี, แขวงถนนพญาไท, เขตราชเทวี, กรุงเทพฯ 10400
Google Map | Tel : 02-6539000
Open : ทุกวัน เวลา 11.30 – 21.00 น.
Booking | Price : ประมาณ 500 – 1,000 บาท / ท่าน 

        หากคุณกำลังมองหาร้านอาหารไทยในสไตล์ดั้งเดิมที่พร้อมให้คุณได้อิ่มอร่อย “ชมสินธุ์” ห้องอาหารเปิดใหม่ภายในโรงแรม Amari Hotels & Resorts คือตัวเลือกแรกที่อยากแนะนำ เพราะห้องอาหารแห่งนี้เลือกนำเสนออาหารไทยในแง่มุมใหม่ ๆ ให้น่าสนใจยิ่งกว่าเคย ยกระดับเมนูสุดเบสิกในแบบที่เรารู้จักขึ้นไปสู่อีกขั้นได้


ภาพจาก Facebook ChomSindh Bangkok 

        คอนเซปต์ของทางร้านเกิดจากที่เน้นการหยิบยกวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติในไทยมาพัฒนา ผ่านรูปแบบการปรุงที่ยังคงความเป็นไทย ด้วยแนวคิด “From Farm to Fork” ทั้งกุ้งมังกรจากภูเก็ต ปลาสลิดจากแม่น้ำท่าจีน ใบชะครามสมุทรสงคราม และ ข้าวอำนาจเจริญ 


นารีกรรแสง ผัดไทยไชยากุ้งแม่น้ำ และข้าวต้มชมสินธุ์
ภาพจากเว็บไซต์ Amari Bangkok 

        ห้องอาหารแห่งนี้นั้นมีเมนูหลากหลายตามแบบฉบับของไทย ทั้งอาหารประเภทยำ ต้ม ผัด แกง ทอด นึ่ง ย่าง รวมถึงอาหารจานเดียวรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมนูคลาสสิกที่นำมาปรับโฉมเพื่อสร้างคุณค่าให้กับวัตถุดิบและรสชาติที่ดียิ่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นต้มข่าปลาสลิดทอด ซึ่งส่งตรงจากบ่อในจังหวัดสุพรรณบุรี หรือต้มยำกุ้งก้ามกราม ที่เลือกใช้กุ้งสายพันธุ์ดังกล่าวจากอำเภอบางเลนโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมเกษตรกรท้องถิ่นให้มีรายได้จากการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืน 

        ด้วยสภาพอากาศที่มีความเปลี่ยนแปลงในทุกวัน ยิ่งช่วงฤดูฝนพรำแบบนี้ การได้ออกไปลิ้มลองเมนูง่าย ๆ สบาย ๆ เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกสำหรับมื้อพิเศษที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว

บทความอื่น ๆ ประจำเดือน

SPECIAL REPORT
ชี้ทิศการลงทุนครึ่งหลังของปี 2024 ตลาดโลกโตช้า และความเสี่ยงที่ต้องจับตา

 

ULTIMATE LEISURE
พบ 4 โรงแรมหรูสุดวิจิตร ผสานทั้งความงดงามอย่างลงตัว อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักเดินทาง

 


กลับ