Display mode (Doesn't show in master page preview)
Skip Ribbon Commands
Skip to main content

        ​​ชมพลุไฟ เลี้ยงสังสรรค์ พักผ่อนสบาย ๆ และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมายที่คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งได้ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ แต่จะดีกว่าไหมหากคุณได้สัมผัส “ที่สุด” ของประสบการณ์นั้น ๆ ในแบบที่คุณกำลังมองหา วันนี้เราจึงขอนำเสนอ 5 เมืองชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก ที่เป็น “ที่สุด” สำหรับเทศกาลปีใหม่ให้คุณผู้อ่านได้เตรียมจองทริปกันค่ะ 


ที่สุดเรื่อง “บรรยากาศ”

ต้อง Zermatt, Switzerland




        ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหนาวเย็นของหิมะและบรรยากาศแห่งความสุข คือ สิ่งแรก ๆ ที่นักเดินทางมองหาในช่วงฤดูหนาวอย่างนี้ นั่นจึงทำให้ “เมืองหิมะ” ในยุโรปเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนอาจกำลังตี๋ตั๋วเตรียมเดินทางกันอยู่ ทั้ง วาล อีแซร์ และติญส์ในฝรั่งเศส หรือกูร์มาเยอร์และกอร์ตีนาทางตอนเหนือของอิตาลี รวมถึงเมืองบรรยากาศชั้นยอดทางภาคใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ 


        เซอร์แมทถือเป็นหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศความหนาวเย็น เนื่องจากเป็นเมืองที่อุณหภูมิต่ำตลอดทั้งปี โดยค่าเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ที่ราว 14 องศาเซลเซียสเท่านั้นในช่วงเดือนกรกฎาคม และจะค่อย ๆ ลดต่ำลงมาจนถึงระดับ -3 องศาเซลเซียสในช่วงสิ้นปีไปจนถึงต้นปี




        หนึ่งในจุดสำคัญที่ทำให้ผู้มาเยี่ยมเยือนหลงรักเซอร์แมทอย่างไร้ข้อครหาคงหนีไม่พ้นความเป็นหนึ่งกับธรรมชาติซึ่งรายล้อมเมืองแห่งนี้อยู่ ทั้งทุ่งหญ้าและป่าสนอันกว้างขวาง ลำธารน้อยใหญ่ที่ไหลผ่านซอกมุมต่าง ๆ ของเมือง รวมถึงภูเขา Mattehorn อันเป็นเอกลักษณ์ ดังที่เราคุ้นชินกันอยู่บนฉลากของขนมชื่อดังอย่าง Toblerone จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดเมืองนี้ถึงยังคงความสวยงามไว้ได้อย่างเป็นอมตะ




        อีกหนึ่งจุดเด่นของเซอร์แมทคือการเป็นเมืองแห่งสกีอย่างเต็มรูปแบบ โดยที่นี่มีแหล่งสกีให้คุณได้เลือกเล่นมากมายตามเส้นทางที่แตกต่างกันออกไป แต่ล้วนเต็มไปด้วยความสวยงามที่คุณจะได้สัมผัสตลอดทางที่คุณพุ่งทะยานลงไปตามเนินเขา อีกทั้งที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อย่างการเดินเขา พาราไกลดิง รวมถึงการชมบรรยากาศภายในเมืองผ่านการนั่งรถม้า ปั่นจักรยาน และนั่งรถไฟ ตามแบบฉบับของเมือง car-free 




        กับช่วงเวลาสิ้นปีอย่างนี้แล้ว บรรยากาศดี ๆ ของเซอร์แมทจะยิ่งทวีคูณมากขึ้นไปอีก เพราะอาคารบ้านเรือนจะประดับประดาด้วยไฟหลากสี อีกทั้งถนนภายในเมืองจะยังเต็มไปด้วยความครึกครื้นของร้านรวงต่าง ๆ ที่เฉลิมฉลองกันมาตั้งแต่ช่วงเทศกาลคริสต์มาส พร้อมด้วยความสวยงามของดอกไม้ไฟหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ที่สาดแสงลงบนพื้นหลังของภูเขาน้อยใหญ่รอบเมือง ให้คุณได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุขยามสิ้นปีอย่างไม่รู้ลืม 


ที่สุดเรื่อง “ดอกไม้ไฟ”

ต้อง Sydney, Australia




        สำหรับผู้ที่ชอบบรรยากาศของการนับเคานต์ดาวน์ก้าวเข้าสู่ปีใหม่แล้ว ซิดนีย์ถือเป็นหนึ่งเมืองที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากออสเตรเลียนั้นเป็นประเทศลำดับต้น ๆ ที่จะได้ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ก่อนประเทศอื่น ๆ ด้วยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของโลก นั่นจึงทำให้ผู้ที่รักความตื่นเต้นหรืออยากเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเคานต์ดาวน์ก่อนใครเลือกเมืองนี้เป็นตัวเลือกแรกบนลิสต์ 




        แน่นอนว่าออสเตรเลียนั้นรู้ถึงความนิยมของประเทศในช่วงเวลาปีใหม่เป็นอย่างดี นั่นจึงทำให้เกิดการทุ่มทุนอย่างมากมายในทุก ๆ ปีเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างแดนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคับคั่ง ตั้งแต่พลุไฟสุดอลังการ กิจกรรมต่าง ๆ ไปจนถึงบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดทั้งซีซั่น 


        การแสดงพลุไฟที่ซิดนีย์นั้นไม่ได้เริ่มจุดในช่วงนับถอยหลังปีใหม่เหมือนกับเมืองอื่น ๆ บนโลก แต่ที่นี่นั้นเริ่มจัดแสดงกันตั้งแต่ 21.00 น. เลยทีเดียว โดยคุณสามารถชมแสงสีแบบเรียกน้ำย่อยได้จากจุดชมวิวยอดนิยมต่าง ๆ ทั้งจากสวน Barangaroo Reserve ซึ่งตั้งอยู่ริมน้ำ หรือจุดพักผ่อนชื่อดังอย่าง Mrs. Macquarie’s Chair ไปจนถึงบนดาดฟ้าหรือห้องพักภายในโรงแรมที่คุณจับจองก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน




        มาจนถึงช่วงเวลาของรายการเอกอย่างการนับถอยหลัง ดอกไม้ไฟนับร้อยพันจะถูกจุดขึ้นสู่ท้องฟ้าจากสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมืองที่เรารู้จักกันดี ทั้ง Sydney Opera House และสะพาน Sydney Harbour พร้อมประสานเสียงพลุด้วยเสียงของผู้คนสุดละลานตา ที่นับเลขถอยหลังและโห่ร้องหลังก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ร่วมสร้างประสบการณ์สู่ความสนุกสนานและน่าจดจำไปพร้อมกัน




        หากคุณยังติดลมบนกับความสนุกของกิจกรรม ภายในเมืองก็ยังมีร้านอาหารและบาร์ต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการแบบโต้รุ่ง โดยเฉพาะในย่าน The Rocks, Kings Cross, Darling Harbour, Surry Hills และย่านอื่น ๆ ใจกลางเมือง พร้อมรอผู้คนในยามค่ำคืนมาเยี่ยมเยือนด้วยเช่นกัน ให้คุณได้สนุกสนานกับกิจกรรมวันขึ้นปีใหม่อย่างเต็มที่ ตามแบบฉบับของเมืองแห่งการนับถอยหลังในแบบที่ควรเป็น 


ที่สุดเรื่อง “วัฒนธรรม”

ต้อง Edinburgh, Scotland




        อาคารบ้านเรือนอันเก่าแก่ราวกับหลุดมาจากโลกเวทมนต์ ผนวกกับบรรยากาศและวิถีชีวิตที่ยังคงยึดมั่นตามวิถีเดิมไม่จางหาย เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองเอดินบะระ ที่ทุกคนพร้อมพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่นั้นยังให้ความรู้สึกดังกล่าวนี้อยู่ เมืองหลวงของสกอตแลนด์แห่งนี้จึงเป็นหมุดหมายของผู้ที่ชื่นชอบการเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกแบบคลาสสิก 




        สิ่งต่าง ๆ ซึ่งส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นยังสืบเนื่องมาจนถึงเรื่องของประเพณีวันขึ้นปีใหม่ด้วยเช่นกัน เพราะที่เอดินบะระนั้นมีวัฒนธรรมที่เรียกว่า Hogmanay ซึ่งเป็นขนบที่คาดว่าได้รับอิทธิพลจากชาวไวกิงหรือชาวนอร์สในอดีต เป็นงานเฉลิมฉลองที่มีเอกลักษณ์ทั่วสกอตแลนด์ เป็นเวลาสำหรับเพื่อนและครอบครัวที่จะมาร่วมกันและเฉลิมฉลองในวันสิ้นปี (31 ธันวาคม) มีธรรมเนียมที่จะเฉลิมฉลองกันในตอนเที่ยงคืน และเลี้ยงฉลองกันทั่วประเทศ เป็นงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง เนื่องจากวันขึ้นปีใหม่เป็นวันหยุด ดังนั้นงานฉลองในคืนสิ้นปีจึงมักจะจัดกันจนดึกตลอดทั้งคืนโดยแต่เดิมนั้น Hogmanay จะมีธรรมเนียมต่าง ๆ อย่างการก้าวเท้าเข้าบ้านในช่วงเที่ยงคืนเพื่อนำมาซึ่งความโชคดีตลอดปี หรือการมอบของขวัญสุดแปลกให้กับเพื่อนบ้าน ทั้งเกลือ เค้กผลไม้ หรือถ่าน ซึ่งล้วนมีสัญญะแตกต่างกันออกไป




        ปัจจุบัน Hogmanay มีการปรับเปลี่ยนให้มีความเป็นสากลมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่ละทิ้งกลิ่นอายของวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม เพื่อให้ผู้คนจากต่างถิ่นนั้นได้มีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น พร้อมสนุกไปกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้ อย่างการเดินขบวนตลอดเส้นทางทั่วทั้งเมืองเอดินบะระในชุดเกราะ พร้อมโบกสะบัดคบเพลิงเพื่อสื่อความหมายถึงวัฒนธรรมแบบเซลติก




        นอกจากนี้ ในย่านสำคัญของเมืองอย่าง Waverley Bridge, Castle Street หรือ City Center นั้นยังมีกิจกรรมความสนุกต่าง ๆ ที่ให้คุณได้บันเทิงได้อย่างเต็มที่ไม่แพ้เมืองชั้นนำอื่น ๆ ของโลก ตั้งแต่บูทอาหารสกอตและเครื่องดื่มต่าง ๆ โซนเครื่องเล่น ไปจนถึงโซนสำหรับนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ สนุกไปกับความบันเทิงตรงหน้า พร้อมชมความสวยงามของเมืองเก่าแก่ได้ในพร้อม ๆ กัน 


ที่สุดเรื่อง “ความบันเทิง”

ต้อง Las Vegas, USA




        ลาส เวกัส กับความบันเทิงนั้นเป็นของคู่กันอย่างไร้ข้อสงสัย เพราะที่นี่เปรียบเสมือนศูนย์กลางด้านความรื่นเริงที่รวมทุกความสนุกเอาไว้ พร้อมเสิร์ฟผู้มาเยือนด้วยบริการระดับชั้นนำและประสบการณ์ที่ไม่รู้ลืม ทั้งคาสิโน สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และอื่น ๆ อีกมากมาย 


        ฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักหากพูดถึงวันปีใหม่แบบสุดเหวี่ยงแล้วต้องเป็น ลาส เวกัส เพราะแสงสีและความหรรษาต่าง ๆ จะถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ตอบรับผู้คนจากทั่วโลกที่จะล้นหลามเข้ามาสนุกไปด้วยกัน




        อย่างในย่านดังอย่าง The Las Vegas Strip นั้นจะเปลี่ยนจากถนนที่พลุกพล่านไปด้วยรถยนต์และนักเสี่ยงโชคสู่ลานเคานต์ดาวน์ที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่พร้อมนับถอยหลังก้าวเข้าสู่ปีใหม่ไป พร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังสนุกยิ่งกว่าด้วยเหล่าดีเจ เซเลบระดับฮอลลีวูด รวมถึงการแสดงอีกมากมายที่พร้อมมอบความบันเทิงแบบข้ามคืน ท่ามกลางบรรยากาศของดนตรีและพลุไฟสุดอลังการจากโรงแรมและคาสิโนต่าง ๆ 


        ความบันเทิงนั้นไม่ได้อยู่เพียงแค่ The Las Vegas Strip เท่านั้น เพราะภายในโรงแรมและสถานบันเทิงต่าง ๆ ทั่วทั้งเมืองก็จัดเตรียมความสนุกไว้ให้กับคุณเช่นกัน ทั้งบาร์ Rooftop อย่าง Drai’s Nightclub, Foundation Room, Ghostbar และอื่น ๆ อีกมากมายที่เชิญศิลปินชื่อดังระดับโลกมามอบความบันเทิง




        นอกจากนี้ ใน ลาส เวกัส ก็ยังมีสถานที่อื่น ๆ อีกมากมายที่เปิดบริการให้คุณได้เยี่ยมเยือนตลอดทั้งคืน อย่างคาสิโนถูกกฎหมาย รวมถึง Sphere ฮอลล์จัดอีเวนต์ทรงกลมซึ่งเปิดทำการเมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว ร่วมเชยชมความยิ่งใหญ่ของแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโลกอย่างใกล้ชิด 


ที่สุดเรื่อง “ความหรูหรา”

ต้อง Dubai, UAE




        เพราะบางครั้งการได้พักผ่อนสบาย ๆ เข้ารับบริการระดับลักชัวรี หรือเพียงได้เดินจับจ่ายซื้อของแบรนด์เนมนั้นก็เพียงพอต่อความสุขในช่วงเทศกาลสิ้นปีแล้ว ซึ่งหากพูดถึงแง่มุมนี้ คงหนีไม่พ้นการออกบินสู่เมืองแห่งความหรูหราอันดับหนึ่งอย่างดูไบ




        เฉกเช่นทุกปี ที่ดูไบนั้นมีกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ให้คุณได้สัมผัสกับความสุขในช่วงส่งท้ายปี ไม่ว่าจะเป็นการเช่าเหมาลำเรือยอร์ชแบบส่วนตัวจาก Xclusive Yachts Charter Dubai รับบรรยายของลมทะเลจากอ่าวเปอร์เซีย พร้อมชมทัศนียภาพและแสงสีของชายฝั่งมหานคร รวมถึงการจัดแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินและวงดนตรีที่หาชมได้ยาก อย่าง Lionel Ritchie เจ้าของบทเพลงชื่อดังจากยุค 70’ ณ โรงแรม Atlantis รวมถึง Andrea Bocelli นักร้องและนักประพันธ์เพลงโอเปราชาวอิตาลี ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมายเลขหนึ่งของจักรวาลเพลงคลาสสิก




        หรือหากคุณต้องการพักผ่อนและใช้เวลากับคนที่คุณรักแบบสบาย ๆ การรับประทานอาหาร ณ ภัตตาคารระดับโลกอย่าง La Maison Ani, Cipriani Dolci, Gia ภายในห้าง Dubai Mall นั้นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับการชอปปิงในห้างดังกล่าวและห้างหรูอื่น ๆ อย่าง Global Village, Souk Madinat Jumeirah และ Mall of the Emirates ที่เชิญชวนให้คุณได้คว้าสินค้าระดับพรีเมียมในแบบที่คุณมองหา




        ไม่ใช่แค่เพียงบริการและความหรูหราต่าง ๆ เท่านั้นที่คุณจะได้รับจากดูไบในช่วงปีใหม่ แต่โชว์ดอกไม้ไฟจากตึกที่สูงที่สุดในโลกอย่าง Burj Khalifa ยังเปรียบเสมือนเพชรยอดมงกุฎที่นักท่องเที่ยวทุกท่านพลาดไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง โดยคุณสามารถสัมผัสความตระการตานี้ได้จากทุกมุมเมือง ไม่ว่าจะอยู่ในห้องพัก ร้านอาหาร หรืออยู่บนเรือนอกชายฝั่ง ก็สามารถรับชมการแสดงพลุไฟที่สาดแสงจากยอดตึกได้อย่างชัดเจน 


        อีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะก้าวเข้าสู่ปี 2025 อย่างเต็มตัวแล้ว ปลายปีนี้อย่าลืมเติมพลังทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมแล้วออกเดินทางเก็บเกี่ยวความสุขรับปีใหม่กันนะคะ 


บทความอื่น ๆ ประจำเดือน


SPECIAL REPORT
readmore_specialreport_nov2024

THE EXPLORER

readmore_theexplorer_nov2024



SPECIAL PRIVILEGE ​
สิทธิพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำประจำเดือนธันวาคม
readmore_privilege_nov2024


กลับ