ออมและลงทุน
ชอปปิงเดย์ เปย์ยังไงให้คุ้ม
เมื่อพูดถึงคำว่า “ชอปปิงเดย์” เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้จัก และเชื่อว่ามีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่รู้จักและไม่รู้ความหมายของคำๆ นี้ หากแปลแบบง่ายๆ ก็คือ “วันแห่งการจับจ่ายใช้สอย” พอพูดแบบนี้ยิ่งทำให้คนที่ไม่รู้จักอาจจะสับสนขึ้นไปอีก แล้ววันแบบนี้มีด้วยเหรอ วันนี้ K-Expert จะพาไปรู้จักชอปปิงเดย์ (Shopping Day) ว่ามีต้นกำหนดมาจากไหน จำเป็นต้องชอปปิงในวันนี้หรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องซื้อในเทศกาลชอปปิงเดย์ เปย์อย่างไรให้คุ้มค่าเงิน และหากซื้อของไม่ทันในชอปปิงเดย์ทำอย่างไรดี
ชอปปิงเดย์ มีต้นกำเนิดมาจากไหน
ต้นกำเนิดของชอปปิงเดย์ มาจาก
“Black Friday” ซึ่งตรงกับวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) โดยเทศกาลนี้จะมีขึ้นในวันศุกร์
เน้นคนชอปที่หน้าร้านเป็นหลัก ต่อมา
“Cyber Monday” ได้ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.2005 เป็นวันจันทร์แรกหลังจากวันศุกร์ Black Friday เป็นวันเทศกาลมหาเซลส์เช่นเดียวกัน เรียกว่า Online Mega Sale เป็นวันที่สินค้าออนไลน์ลดหนักสุดในรอบปี
เน้นคนชอปออนไลน์
จากนั้นวันที่ 11.11 ถูกนักการตลาดจัดตั้งให้เป็นวันสำคัญขึ้นมาโดยขนม Pocky ให้เป็นวัน Pocky’s Day เนื่องจากเลข 11.11 มีรูปร่างคล้ายแท่งกูลิโกะป๊อกกี้ และที่ญี่ปุ่นก็มีจัดกิจกรรมออกสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษเป็นประจำทุกปี อีกทั้ง 11.11 ยังถูกกำหนดให้เป็น
“วันคนโสด” (Single’s Day) เกิดจากนักศึกษากลุ่มหนึ่งของ Nanjing University เกิดไอเดียอยากให้คนโสดมารวมตัวกัน เพื่อฉลองความโสด โดยเลือกวันนี้ เพราะเลข 1 เปรียบเสมือนอยู่ตามลำพัง หรือไม่มีคู่ และเมื่อคนโสดมารวมตัวกัน กิจกรรมที่จะทำมีตั้งแต่ กิน เที่ยว ชอปปิง ปาร์ตี้ ใช้เวลากับเพื่อนเต็มที่ มีสัญลักษณ์แทนความโสดคือ ขนมปังแท่งทอดกรอบ เนื่องจากมีรูปทรงเหมือนเลข 1 โดยส่วนใหญ่นิยมกินกัน 2 แท่ง หรือ 4 แท่ง เพื่อสื่อถึงวันที่ 11.11
ต่อมา Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group ยักษ์ใหญ่ e-Commerce ระดับโลก ได้เล็งเห็นช่องทางธุรกิจ จึงได้นำวันที่ 11.11 ที่ถูกกำหนดให้เป็น
“Single’s Day” มาแปลงเป็น
“Shopping Day” เพื่อดึงดูดกลุ่มคนโสดที่มีทั้งกำลังซื้อ และมักจะใช้เงินไปกับการกิน-เที่ยว-ชอปปิง โดยมาใช้เงินกันในเทศกาลนี้
จำเป็นต้องชอปปิงในวันนี้หรือไม่
ถึงแม้หลายๆ คนจะตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้ก็ตาม เพราะเป็นวันที่ทั้งชอปปิงออนไลน์จัดโปรโมชันพวก ลด แลก แจก แถมกันอย่างยิ่งใหญ่ จัดกันทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้ และยังรวมถึงพวกห้างร้านต่างๆ ก็ไม่ยอมที่จะพลาดโอกาสทองในวันนี้เช่นกัน ดังนั้น การซื้อของในวันนี้จะทำให้ประหยัดเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ อยากให้ลองคิดก่อนว่าสิ่งที่เราจะซื้อเป็นสิ่งที่
“จำเป็น” หรือแค่
“อยากได้” ถ้าเป็นการซื้อเพราะความจำเป็นก็น่าจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป แต่หากซื้อเพราะแค่อยากได้ หรือเพราะแค่เห็นว่าถูก โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าซื้อมาจะได้ใช้ประโยชน์หรือไม่ อันนี้ก็คงต้องตัดสินใจดีๆ ว่าจะซื้อมากองทิ้งไว้เฉยๆ หรือยอมปล่อยผ่านเทศกาลนี้ไป แล้วถ้าจำเป็นต้องใช้เมื่อไหร่ ก็ไปหาซื้อในเทศกาลถัดๆ ไปแทน
ถ้าจำเป็นต้องซื้อในเทศกาลชอปปิงเดย์ เปย์อย่างไรให้คุ้มค่าเงิน
เมื่อตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่าสิ่งของที่จะซื้อในวัน Shopping Day นี้ ไม่ใช่เกิดจากความอยากได้ แต่เกิดจากความจำเป็นต้องใช้จริงๆ จะทำให้ของที่ซื้อนอกจากได้ราคาที่ถูกแล้ว ยังทำให้ของสิ่งนั้นๆ ได้ใช้ประโยชน์อย่างแท้จริง เกิดความคุ้มค่าอย่างมาก ส่วนวิธีการซื้อของที่จะช่วยให้คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป มีดังนี้
•
เทียบราคาจนใช่ ก่อนอื่นเราต้องหาสินค้าที่อยากได้ก่อนว่ามีขายที่ไหนบ้าง ทั้งตามร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ (พวกห้างร้านต่างๆ ที่มีหน้าร้าน) เพื่อทำการเปรียบเทียบราคาว่าแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด รวมค่าขนส่งแล้วแบบไหนถูกกว่ากัน
• เลือกร้านที่ชัวร์ ร้านค้าที่เราซื้อสินค้า หากเป็นของที่มีราคาสูง หรือต้องการความชัวร์ ควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่เป็นทางการ (Official) เช่น นาฬิกา แว่นตา เป็นต้น แต่หากไม่ได้กังวลเรื่องสินค้าที่เราซื้อ ถ้าซื้อกับร้านค้าแนะนำก็จะทำให้ได้ราคาถูกลง อันนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ซื้อเอง
• หาโปรโมชัน หรือโค้ดส่วนลดจากร้านค้าออนไลน์ที่เราดูไว้เพื่อจะได้ของถูกตามที่เราต้องการ โดยร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะมีการแจ้งเตือนล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีการแจกโค้ด ตรงนี้ผู้ซื้อจะได้ข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็วและทันเวลา
•
จ่ายด้วยบัตรที่โดน ชำระผ่าน
บัตรเครดิตที่ต้องใส่รหัสผ่าน (OTP : One Time Password) เพื่อความปลอดภัย และยังได้รับคะแนนสะสม หรือเงินคืน 1%-3% ขึ้นอยู่กับประเภทบัตร นอกจากนั้น หากเลือกใช้บัตรที่จัดรายการร่วมกับร้านค้าออนไลน์จะทำให้ได้รับส่วนลดเพิ่มอีกด้วย
หากซื้อของไม่ทันในวันชอปปิงเดย์ทำอย่างไรดี
คงต้องกลับมาตอบคำถามตัวเองก่อนว่า ของที่เราจะซื้อเป็นของที่
”จำเป็น” หรือ
“อยากได้”
- ถ้าเป็นของที่จำเป็นต้องใช้ และรอไม่ได้แล้ว ก็คงต้องสั่งซื้อเลย โดยทำการเปรียบเทียบราคาเพื่อหาร้านค้าที่ขายถูกที่สุด แล้วลองหาโปรโมชัน หรือโค้ดส่วนลด เพื่อนำมาใช้ในการซื้อสินค้าที่ต้องการ แต่คงไม่ได้ราคาดีเหมือนกับการซื้อในวันชอปปิงเดย์
- แต่หากของที่อยากได้ แนะนำว่าให้รอซื้อในเทศกาลถัดไป เช่น 12.12 หรือ 1.1 ซึ่งพวกร้านค้าออนไลน์ต่างๆ จัดกันเป็นเทศกาลประจำกันไปแล้ว โดยมีการจัดโปรโมชันกันแทบทุกเดือน แต่คงต้องฝากไว้ว่า หากจะซื้อของมากองทิ้งไว้เฉยๆ จะเป็นการเปลืองเงินโดยใช่เหตุ แนะนำว่าไม่ควรซื้อจะดีกว่า อย่างน้อยเงินจำนวนนี้ก็ยังคงอยู่ในกระเป๋าสตางค์ของเรา
การเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นในวันชอปปิงเดย์จะทำให้ผู้ซื้อได้ประโยชน์อย่างมากจากเทศกาลดังกล่าวนี้ แต่หากการซื้อเกิดจากความอยากได้ ก็ทำให้ผู้ซื้อไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้น ผู้ซื้อควรตัดสินใจซื้อบนความจำเป็นมากกว่าความอยากได้ จะทำให้เงินที่ออกจากกระเป๋าสตางค์ของเราเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้อง :