ภาษี
/th/k-expert/knowledge/articles/tax/PublishingImages/Images/Tax_A055_MI.pngเทคนิคเลือก RMF ให้เหมาะกับตัวเรา
“ลงทุนประหยัดภาษีและเป็นแหล่งเงินได้
ยามเกษียณด้วยกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
โดยลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
และลงทุนอย่างน้อย 5 ปีเต็ม”
– K-Expert -
เมื่อพูดถึงการลงทุนลดหย่อนภาษี นอกจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) แล้ว ยังมีกองทุนรวมอีกประเภทหนึ่งที่ผู้ลงทุนสามารถนำหน่วยลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้ นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ทั้งนี้ ก่อนลงทุน ก็ควรศึกษาข้อมูลเพื่อเลือก RMF ได้เหมาะกับตัวเรา โดยมีแนวทางในการเลือกลงทุนอย่างไรนั้น K-Expert มีคำแนะนำค่ะ
เนื่องจาก RMF มีนโยบายการลงทุนหลากหลาย ตั้งแต่นโยบายความเสี่ยงต่ำจนถึงความเสี่ยงสูง ดังนั้น ผู้ลงทุนควรเลือกลงทุนใน RMF ให้เหมาะสมตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- รับความเสี่ยงได้สูง หรืออยู่ในช่วงวัยเริ่มต้นทำงาน
เหมาะกับ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ โดยจะลงทุนในหุ้นไม่น้อยกว่า 65% ของเงินลงทุน นอกจากนี้ ยังมี RMF ที่เน้นลงทุนในทองคำ กองทุนประเภทนี้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงจากการลงทุน โดยเฉลี่ยปีละ 8-12% แต่ต้องยอมรับโอกาสขาดทุนหรือความผันผวนที่สูงได้เช่นกัน
- รับความเสี่ยงได้ปานกลาง หรืออยู่ในช่วงวัยกลางคน
เหมาะกับ RMF ที่ลงทุนผสมในหุ้นและตราสารหนี้ โดยกองทุนอาจกำหนดสัดส่วนของการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เช่น ลงทุนในหุ้นไม่เกิน 40% ของเงินลงทุน ที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้หรือเงินฝาก นโยบายการลงทุนประเภทนี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น ในขณะที่มีโอกาสรับผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้เพียงอย่างเดียว มีโอกาสรับผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 5-7%
เหมาะกับ RMF ที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ เช่น RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้อย่างพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ เหมาะกับผู้ลงทุนที่เน้นรักษาเงินต้น ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการลงทุนมากนัก หรือ RMF ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น เงินฝาก ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เหมาะกับผู้ที่ต้องการพักเงิน ซึ่งผู้ที่เลือกลงทุนใน RMF ที่มีความเสี่ยงต่ำควรยอมรับผลตอบแทนที่ไม่สูงมากได้ โดยมีโอกาสได้รับผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 2-4%
ทั้งนี้ RMF ทุกกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล นื่องจาก RMF มีจุดประสงค์ที่ต้องการสนับสนุนการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นแรงจูงใจ ดังนั้น การไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ก็เพื่อให้เงินที่เราลงทุนใน RMF เป็นเงินที่สะสมไว้เพื่อใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิตนั่นเอง นอกจากนี้ ระหว่างที่ลงทุนใน RMF ผู้ลงทุนสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน RMF ที่ถือครองอยู่ได้ เช่น สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน RMF ที่ลงทุนในหุ้น ไปยัง RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ เนื่องจากอายุที่มากขึ้น จึงอยากลดความเสี่ยงจากการลงทุนลง หรือต้องการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนตามภาวะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างเช่นช่วงตลาดหุ้นผันผวน หากผู้ลงทุนไม่มั่นใจกับ RMF ที่ลงทุนในหุ้นที่ถืออยู่ ก็สามารถสับเปลี่ยนไป RMF ที่ลงทุนในตราสารหนี้ได้
จะเห็นได้ว่า RMF มีความยืดหยุ่นในการลงทุนค่อนข้างมาก โดยสามารถเลือกได้ว่าจะลงทุนใน RMF ที่มีนโยบายการลงทุนแบบใดตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรเลือกลงทุนกับบริษัทจัดการ (บลจ.) ที่เปิดบริการสับเปลี่ยนกองทุนรวมระหว่าง RMF โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจซื้อ RMF อย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขในการลงทุน โดยมีเงื่อนไขหลักๆ 2 เรื่องด้วยกัน คือ จำนวนเงินลงทุน และระยะเวลาลงทุน
- จำนวนเงินลงทุน
สามารถลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อปี หรือ 3% ของเงินได้ และลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้ โดยเมื่อรวมกับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- ระยะเวลาลงทุน
ต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนอย่างน้อย 5 ปีเต็มนับจากวันที่ลงทุนวันแรก โดยไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกิน 1 ปีติดต่อกัน ทั้งนี้ การนับ 5 ปีจะนับเฉพาะปีที่มีการซื้อหน่วยลงทุนคือ ปีใดไม่ลงทุนจะไม่นับว่ามีการลงทุนในปีนั้น
RMF ถือว่าเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ เพราะได้ทั้งลดหย่อนภาษี และได้เก็บเงินเกษียณ ที่สำคัญสามารถเลือกนโยบายการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในแต่ละช่วงชีวิต และแนะนำให้ลงทุนต่อเนื่องทุกปีเพื่อเป็นเงินสะสมเก็บไว้ใช้ยามเกษียณค่ะ