เกษียณ
ลงทุนหุ้นดีไหมในวัยเกษียณ
คุณคิดยังไงกับคำกล่าวที่ว่า “ถ้าเกษียณแล้วไม่ควรลงทุนในหุ้น” หลายคนคงเคยได้ยินมาว่า หลังเกษียณรายได้จากการทำงานไม่มี ต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังมากขึ้น ในเรื่องการลงทุนก็ควรลงทุนแบบรักษาเงินต้น เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำน่าจะเหมาะกับคนวัยนี้ และการลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูงไม่เหมาะกับคนวัยนี้ คุณคิดว่าจริงหรือไม่
ทาง K-Expert เลยอยากมาไขข้อข้องใจกับคำถามที่ว่า “ลงทุนหุ้นดีไหมในวัยเกษียณ?” และคนที่จะมาตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด ก็คือตัวคุณนั่นเอง ก่อนที่จะตอบคำถามนี้ ทาง K-Expert มีคำถาม 3 ข้อที่อยากให้คุณลองตอบก่อน เพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนตอบคำถาม "ลงทุนหุ้นดีไหมในวัยเกษียณ?"
คำถามที่ 1 : เงินสำหรับเกษียณพอหรือยัง?
คุณรู้หรือยังว่า คุณมีเงินพอสำหรับตอนคุณเกษียณไหม ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องตอบตัวเองให้ได้คือเงินจำนวนเท่าไหร่ที่เรียกว่าพอ ลองคิดคำนวณเงินเกษียณของคุณแบบง่ายๆ จากค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่คุณใช้ตอนเกษียณ และ จำนวนปีที่คิดว่าจะมีชีวิตอยู่ ตัวอย่าง ค่าใช้จ่ายหลังเกษียณต่อเดือน 30,000 บาท และคุณเกษียณตอนอายุ 25 ปี คาดว่าจะมีอายุถึง 85 ปี
1 ปี ใช้เงิน 30,000X12 เดือน = 360,000 บาท/ปี มีชีวิตต่อไปอีก 85-60 = 25 ปี
ดังนั้น เงินที่ต้องมีตอนเกษียณคือ 360,000 X 25 = 9,000,000 บาท
คุณมีเงินจำนวนนี้หรือยัง นี่เป็นการคิดแบบง่ายๆ นะครับ ในชีวิตจริง ยังมีปัจจัยของเงินเฟ้อ เข้ามาอีก จากเงินที่ต้องมีตอนเกษียณ ขอสรุปเป็น 3 เหตุการณ์ดังนี้
เกษียณสำราญ
หมายความว่าเงินคุณมีมากกว่า เงินเกษียณ เรียกง่ายๆว่า ตายไปก็ใช้ไม่หมด แบบนี้อยากลงทุนในหุ้น จากเงินส่วนที่เกินมาได้สบายเลยครับ ถึงแม้เงินที่ลงทุนในหุ้นจะขาดทุน ก็ยังมีเงินอีกส่วนที่พอใช้แน่นอนไม่ต้องกังวลครับ
เกษียณสมดุล
หมายความว่าเงินคุณมีใกล้เคียงกับ เงินเกษียณ แบบนี้ต้องระมัดระวังเรื่องการลงทุน การนำเงินไปลงทุนหุ้นทั้งหมดอาจเสี่ยงไปหน่อยสำหรับคุณ แนะนำลงทุนให้ชนะอัตราเงินเฟ้อก็พอ จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเกษียณไม่พอใช้
เกษียณขัดสน
หมายความว่าเงินที่คุณมีน้อยกว่า เงินเกษียณ แบบนี้มาหวังรวยด้วยการลงทุนหุ้น ไม่แนะนำครับ เพราะคุณอย่าลืมว่าตอนเกษียณคุณไม่มีรายได้เพิ่มแล้ว หากลงทุนไปแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหวังอาจเศร้าได้ครับ ดังนั้นคุณอาจต้องใช้จ่ายประหยัดขึ้น ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง บางทีอาจขยายเวลาสำหรับการเกษียณเพิ่มถ้าทำได้ หรือหารายได้เพิ่มจากทำอาชีพเสริมในช่วงเกษียณต่อไปครับ
หลังจากตอบคำถามที่ 1 ได้แล้ว อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจนะครับ ให้ลองตอบคำถามที่เหลือก่อน
คำถามที่ 2 : รับความเสี่ยงได้เท่าไหร่?
โดยทั่วไปคนที่ลงทุนในหุ้น ต้องผ่านการทำ “แบบสอบถามเพื่อประเมินระดับความเสี่ยงในการลงทุนที่เหมาะสม” ผลที่ได้จะถูกแบ่งประเภทผู้ลงทุนเป็น 5 ประเภท คือ (1)เสี่ยงต่ำ (2)เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ (3)เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง (4)เสี่ยงสูง และ (5)เสี่ยงสูงมาก การที่คุณประเมินได้ความเสี่ยงต่ำ ก็ไม่ได้แปลว่า คุณไม่สามารถลงทุนในหุ้นได้ หรือคุณประเมินได้ความเสี่ยงสูงมาก ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณควรลงทุนในหุ้นทั้งหมด สิ่งที่อยากให้คุณศึกษาเพิ่มคือเรื่องการกระจายความเสี่ยงและสัดส่วนการลงทุน
อีกเรื่องของความเสี่ยงที่อยากให้ตระหนักนั้นคือ การรับความเสี่ยงทางจิตใจที่รับได้จริง ตัวอย่าง บางคนทำแบบประเมินได้เป็นประเภท เสี่ยงสูงมาก แต่พอไปลงทุนจริงเห็นเงินลงทุนลดลงไป 30% แล้วกระวนกระวายใจกินไม่ได้นอนไม่หลับ หรือมีความทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก อย่างนี้แนะนำเลยว่าลงทุนหุ้นอาจยังไม่เหมาะครับ ดังนั้นให้ลองสังเกตสภาวะจิตใจของคุณดูและยิ่งวัยเกษียณแล้วมีโอกาสเกิดโรคต่างๆ ง่ายขึ้น เกิดเจ็บป่วยเพราะความเครียดจากการลงทุนขึ้นมาแบบนี้ไม่คุ้มครับ
คำถามที่ 3 : มีความชำนาญมากน้อยเพียงใดในการลงทุนหุ้น?
ความชำนาญการลงทุนหุ้น อยากให้มองในรูปแบบการชำนาญที่สำเร็จผลนะ ไม่ใช้ลงทุนหุ้นทุกวันเป็นเวลา 10 ปีมีความชำนาญในการลงทุนมากแต่ผลลัพธ์กลับพังพินาศ อันนี้ไม่นับนะครับ ส่วนกลุ่มหุ้นที่เหมาะกับวัยเกษียณ มีมาแนะนำ 2 กลุ่มครับ
หุ้นคุณค่า Value Stock
หมายถึงหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ลักษณะเด่นคือ เน้นอัตราปันผลที่สูง แต่มักจะมีผลการดำเนินงานเติบโตไม่โดดเด่น หรืออาจเป็นกิจการที่มีการเติบโตเต็มที่แล้ว
หุ้นปันผล Dividend Stock
หมายถึง หุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน พอใช้ได้เมื่อเทียบกับระดับราคาที่ซื้อ และเงินปันผลจะต้องไม่ลดลงในอนาคตและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับคนไหนไม่ถนัดลงทุนหุ้นรายตัว “กองทุนหุ้น” ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ ทาง K-Expert เลยมีกองทุนหุ้นไทยมาแนะนำสำหรับคนเกษียณดังนี้
-สำหรับเกษียณสบาย สไตล์เงินระหว่างทางไม่ต้อง แนะนำ K-SET50
K-SET50 กองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นในดัชนี SET50 เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงดัชนี SET50 ลักษณะเป็นกองทุนที่ทำตัวเลียนแบบดัชนีตลาดนั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขอสมมุติตัวอย่าง ดังนี้ วันนี้เราซื้อกองทุนนี้ตอนดัชนี SET50 ที่ 800 จุด จำนวน 1,000 บาท อีก 3 ปี เกิดดัชนี SET50 เพิ่มเป็น 1,000 จุด ตัดสินใจขายกองทุน จำนวนเงินที่ได้ก็ประมาณ 1,250 บาท และอีกหนึ่งข้อดีคือมีผู้จัดการกองทุน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการติดตามกองทุนมากนัก และค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำ ถ้าอยากใช้เงินช่วงไหนก็ทยอยขายกองนี้ออกมาครับ แต่ต้องรอสัก 2 วันทำการถึงจะได้เงินนะ
-สำหรับเกษียณหรรษา มีเงินคืนมาระหว่างทาง แนะนำ K-STAR-A (R)
K-STAR-A (R) กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นไทยที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว พร้อมทั้งจับจังหวะในการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งไม่ได้มีการจ่ายเงินปันผลคืนโดยตรงแต่เป็นการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ
ตัวอย่าง
ลงทุน 1,000 หน่วย หน่วยละ 30 บาท เป็นเงิน 30,000 บาท
ต่อมา มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นถึงจุดที่กำหนด เช่นหน่วยละ 33 บาท (เช็กมูลค่าหน่วยลงทุนที่รับซื้อคืนได้จาก “หนังสือชี้ชวนส่วนข้อมูลกองทุนรวม”)
ทำให้เงินลงทุนโดยรวมเพิ่มเป็น 33,000 บาท
กองทุนจะรับซื้อคืน หน่วยลงทุนอัตโนมัติ ในสัดส่วน 50% ของมูลค่าที่เพิ่มขึ้น หรือเท่ากับ 1,500 บาท
คิดเป็นจำนวนหน่วยลงทุน 1,500/33 = 45.4545 หน่วย
เหลือมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 31,500 บาท โดยมีจำนวนหน่วยลงทุน 954.5455 หน่วย มูลค่าหน่วยละ 33 บาท
ซึ่งการขายคืนแบบนี้จะไม่มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ครับ ซึ่งช่วยให้ได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยไม่มีเรื่องภาษีมาให้กังวลใจวัยเกษียณ
ทั้ง 3 คำถาม ด้านบน ถ้าคุณตอบตัวเองแล้ว ผ่านเกณฑ์หมด และพร้อมรับความเสี่ยงได้ก็สามารถลงทุนในหุ้นได้เลยครับ หรือถ้าไม่ชำนาญหุ้นรายตัว แนะนำให้ลงเป็นกองทุนหุ้นแทน กองหุ้นที่แนะนำสำหรับวัยเกษียณ ถ้าไม่จำเป็นต้องมีเงินระหว่างทางขอแนะนำกองทุน K-SET50 แต่ถ้าต้องการเงินระหว่างทาง แนะนำกองทุน K-STAR-A (R) แทนครับ “ลงทุนหุ้นดีไหมในวัยเกษียณ” คำถามนี้คุณเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตอบครับ และถ้าตัดสินใจลงทุนหุ้นในวัยเกษียณแล้วก็ขอให้ ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นไม่มีลงเหมือนอายุเราที่เพิ่มขึ้นทุกปีครับ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง:
K-SET50
| K-STAR-A(R)
|