ภาษี
Update สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2561
ช่วงปลายปี สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไป คงไม่มีเรื่องไหนที่จะฮอตฮิตไปกว่าการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งนอกจากมาตรการภาษีที่เปลี่ยนแปลงในปี 2560 แล้ว ในปี 2561 ยังมีมาตรการลดหย่อนภาษีเพิ่มเข้ามาอีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร เงินบริจาคที่สามารถหักได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง หรือ สิทธิลดหย่อนภาษีเฉพาะกิจปี 2561-2562 ซึ่งถ้าเราทราบว่ามีค่าใช้จ่ายหรือสิทธิอะไรที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้ ก็จะช่วยให้เราเสียภาษีน้อยลง ทั้งนี้เพื่อมิให้พลาดกับสิทธิลดหย่อนภาษี K-Expert ขอทบทวนมาตรการภาษีที่เปลี่ยนแปลงในปี 2560 พร้อมทั้งupdate สิทธิลดหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 มาฝากกันค่ะ
มาตรการภาษีที่เปลี่ยนแปลงในปี 2560
นอกจากมาตรการภาษีที่เปลี่ยนแปลงในปี 2560 ที่ช่วยลดเงินได้สุทธิแล้ว ยังมีสิทธิลดหย่อนภาษีอื่น ๆ ที่มีอยู่เดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา-คนพิการหรือทุพพลภาพ, ประกันชีวิต-สุขภาพ, กองทุน LTF-RMF, ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน รวมถึงเงินบริจาค และสิทธิลดหย่อนที่เพิ่มขึ้นในปี 2561 ซึ่งได้แก่
สิทธิหย่อนภาษีที่เพิ่มขึ้นในปี 2561
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการมีบุตร
1. ค่าลดหย่อนฝากครรภ์และคลอดบุตร ตามที่จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท โดยมีเงื่อนไขดังนี้
• ต้องจ่ายเป็น “ค่าฝากครรภ์” และ “ค่าคลอดบุตร”
• จำนวนเงินสูงสุดต่อครรภ์ คือ 60,000 บาท
• ถ้าจ่ายสำหรับการคลอดบุตรคนเดิม แต่จ่ายมากกว่า 1 ปี ให้ลดหย่อนตามปีที่ใช้ แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60,000 บาท
• สิทธิลดหย่อนภาษีดังกล่าว หากใช้สิทธิเบิกค่าคลอดบุตรจากสวัสดิการอื่น จะสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้แค่ส่วนที่ยังไม่เกิน 60,000 บาท
• ใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป
2. ค่าลดหย่อนสำหรับบุตรคนที่ 2 เพิ่มอีก 30,000 บาทต่อคน รวมเป็นค่าลดหย่อนสำหรับบุตรคนที่ 2 เป็น 60,000 บาท สำหรับบุตรชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม) ตั้งแต่คนที่สองเป็นต้นไป ที่เกิดในหรือหลังปีพ.ศ. 2561 โดยในการนับลำดับบุตรให้นับลำดับของบุตรทุกคนไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม
มาตรการเงินบริจาค เมื่อรวมกับเงินบริจาคอื่นๆ แล้ว ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่าย และหักลดหย่อนอื่น ๆ
1. เงินบริจาคให้แก่สถานพยาบาลของรัฐ สามารถหักลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลของรัฐ ที่เข้าข่ายลดหย่อนได้ที่เวปไซด์กรมสรรพากร
2. เงินบริจาคเข้ากองทุนวิจัยและนวัตกรรม 4 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์ฯ, กองทุนสนับสนุนการวิจัย, กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข สามารถนำค่าใช้จ่ายหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า
3. เงินบริจาคสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการพัฒนาการจัดการศึกษาโดยสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ (คพอต) ว่าเป็นสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการศึกษาที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ ECC สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค
4. เงินบริจาคช่วยเหลือเหตุอุทกภัยในเมืองไทย และประเทศลาวในช่วงปี 2561 สามารถนำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เท่ากับจำนวนเงินที่บริจาคจริง โดยต้องเป็นการบริจาคให้กับส่วนราชการตามโครงการของทางราชการ หรือบริจาคผ่านบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล หรือนิติบุคคลอื่นที่ได้แจ้งชื่อต่อกรมสรรพากร เพื่อเป็นสื่อกลางในการเป็นตัวแทนรับบริจาค
เงินลงทุนในธุรกิจ Startup ไม่เกิน 100,000 บาท เป็นการสนับสนุนสำหรับธุรกิจ Startup โดยสิทธิลดหย่อนภาษีนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2561-31 ธันวาคม 2562 หากมีการเข้าไปลงทุนปีไหน ก็สามารถใช้สิทธิในปีนั้น ๆ ได้
มาตรการภาษีท่องเที่ยวเมืองรอง ลดหย่อนได้ตามจริง ไม่เกิน 15,000 บาท โดยต้องเป็นการเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรอง 55 จังหวัดในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2561 และมีเงื่อนไขเป็นค่าที่พักในโรงแรม-โฮมสเตย์ที่จดทะเบียนหรือผ่านการรับรอง หรือค่าใช้จ่ายทัวร์-มัคคุเทศก์ที่ประกอบธุรกิจตามกฎหมาย
มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่พรรคการเมือง โดยการบริจาคเงิน หรือให้การสนับสนุนเงินหรือทรัพย์สิน ในการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง สามารถนำไปหักลดหย่อนได้ตามที่บริจาค แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 10,000 บาท เริ่มปีภาษี 2561 เป็นต้นไป
มาตรการช้อปช่วยชาติ โดยกำหนดชนิดสินค้าที่สามารถนำรายจ่ายมาหักลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3 ประเภทสินค้า ได้แก่
1) ยางล้อรถยนต์ ยางล้อรถจักรยานยนต์ ยางล้อรถจักรยาน ที่ซื้อจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งได้ซื้อยางล้อดังกล่าวจากผู้ผลิตที่ซื้อวัตถุดิบยางจากการยางแห่งประเทศไทย โดยผู้เสียภาษีต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และคูปองแสดงการซื้อยางจากการยางแห่งประเทศไทย
2) การซื้อหนังสือ ทั้งหนังสือที่เป็นสิ่งพิมพ์ และ E-Book แต่ไม่รวมถึงนิตยสารและหนังสือพิมพ์ ต้องมีหลักฐานการซื้อเป็นใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และ
3) สินค้าโอท้อป ที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
โดยต้องมีหลักฐานการซื้อสินค้าเป็นใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป และต้องระบุว่าเป็นรายการซื้อสินค้าโอท้อป ทั้งนี้มาตรการช้อปช่วยชาติจะเริ่มตั้งแต่ 15 ธ.ค. 2561-16 ม.ค. 2562 และกำหนดให้สามารถนำค่าใช้จ่ายจากทั้ง 3 รายการมาหักลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ส่วนการยื่นหักลดหย่อนภาษีนั้น อาจจะมีการเหลื่อมปี เช่น ถ้าใช้จ่ายภายในปี 2561 ไม่ครบวงเงิน 15,000 บาท และมีการใช้ต่ออีกในปี 2562 ตามวันที่กำหนด ส่วนที่ใช้ต่อในปี 2562 จะต้องนำไปยื่นภาษีในช่วงต้นปี 2563
ทั้งนี้ เพื่อช่วยให้เสียภาษีน้อยลง ควรใช้สิทธิลดหย่อนภาษีอย่างครบถ้วน นอกจากนี้ผู้เสียภาษีต้องมีการ update มาตรการทางภาษีและสิทธิลดหย่อนภาษีที่เปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และก่อนตัดสินใจใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ควรจะต้องมีการคำนวณเสียภาษี จะได้รู้ว่าควรจะใช้สิทธิลดหย่อนเพิ่มเป็นเงินเท่าไร เพื่อให้คุ้มค่ามากที่สุด โดยเฉพาะการเที่ยวเมืองรอง หรือช้อปช่วยชาติ อยากให้พิจารณาให้รอบด้าน ถึงความจำเป็นในการใช้จ่ายและกำลังซื้อของตัวเอง โดยการเที่ยวหรือช้อปแต่พอดี เพื่อป้องกันการเป็นหนี้ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้จ่ายมากเกินไปนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง:
Workshop ที่เกี่ยวข้อง :
- 5 กลยุทธ์พิชิตภาษี